- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 11 October 2017 21:29
- Hits: 3392
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily
ภาพตลาดวันวาน
ดัชนีเปิดตลาดทรงตัวยืนบวกเล็กน้อย แกว่งตัวแคบ ๆ สลับขึ้นลง ก่อนที่จะไหลลงเข้าสู่แดนลบ ทำจุดต่ำสุดของวันที่ 1687.01 จุด ลดลง 5.21 จุด ก่อนช่วงบ่ายมีแรงซื้อกลับจากหุ้นขนาดใหญ่ดันดัชนีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำจุดสูงสุดของวันที่ 1708.35 จุด เพิ่มขึ้น 16.13 จุด ทำให้มีกรอบการเคลื่อนไหวทั้งวันที่ 21.34 จุด ทั้งนี้หุ้นที่มี Impact ต่อการปรับตัวขึ้นของดัชนีได้แก่ TOA, PTT, CPALL, PRM, KBANK, CBG, ADVANC, PTTEP, TCAP ก่อนดัชนีจะทำปิดที่ 1706.95 จุด เพิ่มขึ้น 14.73 จุด (+0.87%) มูลค่าการซื้อขาย 81,464 ล้านบาท
ภาพตลาดวันนี้
ดัชนีวานนี้แกว่งตัวผันผวนอิงทางบวกในกรอบที่ค่อนข้างกว้าง โดยเปิดตัวช่วงเช้ามีทิศทางที่อ่อนตัวลง ทำ Low 1687 จุด ซึ่งเข้าใกล้เส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน (1686) ก่อนที่ภาคบ่ายดีดกลับแรงขึ้นยืน 1700 จุด พร้อมกับทำ New High ที่ 1708 จุด และทำปิดที่ใกล้จุดสูงสุดของวันที่ 1706 จุด จากภาพกล่าวทำให้ลบภาพในเชิงลบก่อนหน้านี้ หลังจากที่ขึ้นยืน 1700 จุด ได้ค่อนข้างอย่างแข็งแกร่ง ส่งผลให้ Momentum ในการขยับ High ได้เรื่อย ๆ มีแนวต้าน 1714 -1720 จุด แนวรับ 1695-1700 จุด
แกว่งตัวผันผวน – พลิกภาพกลับมาอยู่ในเชิงบวก หลังจากขึ้นยืน 1700 จุด
Support 1690 // 1680 จุด Resistance 1715-1720 จุด
พรรณนภา เขมะสุรัตน์ Technical Analyst
เลขทะเบียน : 060110 Tel 02- 6481124
Email: [email protected]
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
'ได้ปัจจัยหนุนตัวใหม่'
ทิศทางตลาดหุ้นไทย : คาดดัชนีฯปรับตัวขึ้นได้แต่จะผันผวนและขึ้นได้ไม่รุนแรง.... ทั้งนี้ ตัวแปรด้านการเมืองที่มีความชัดเจนในเรื่องของการเลือกตั้งที่ นายกฯประกาศจะมีขึ้นในเดือน พ.ย.61 ได้พลิกตลาด กระตุ้นแรงซื้ออีกครั้ง โดยเฉพาะนักลงทุนต่างประเทศที่พลิกมาซื้อหุ้นไทย 2.3 พันล้านบาท หรือมียอด net sell สูงที่สุด นับตั้งแต่ 2 ต.ค.60 เป็นต้นมา ..... ตัวแปรอื่นๆ ของตลาดหุ้น จะเป็น ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เดินหน้าทำ new high จากข่าวเฉพาะบริษัทและผลประกอบการที่ออกมาดี ด้านยุโรป ยังมีความกังวลอยู่บ้างต่อการประกาศเอกราชของแคว้นกาตาลุญญา (ล่าสุด คือยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ ส่งผลให้ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้น เทียบกับดอลล่าร์ เพราะนักลงทุนกำลังเฝ้าดูกฎหมายด้านภาษีของสหรัฐฯ อยู่ในเวลานี้ .... ปัจจัยในประเทศอื่นๆ การเข้ามาเก็งงบการเงิน 3Q และความเชื่อมั่นต่อทิศทางเศรษฐกิจของไทย อยู่ในระดับสูง เป็นบวกที่สำคัญต่อตลาดหุ้นไทย
กลยุทธ์การลงทุน : ตลาดพร้อมจะขึ้น เพียงแต่รอให้มีปัจจัยบวกมาสะกิดให้เกิดแรงซื้อเท่านั้น .... เนื่องด้วย เรามองทิศทางตลาดเป็นบวกอยู่แล้ว โอกาสที่ดัชนีฯจะไต่ระดับขึ้นไปที่จุดพักต่อไปคือ 1710-1715 จุด มีค่อนข้างสูง .... คำแนะนำของเราเวลานี้ ยังแนะให้นักลงทุนเลือกที่จะถือหุ้นต่อไปได้ หรือเข้าซื้อเพิ่ม แต่ควรเลือกหุ้นที่ยังปรับตัวขึ้นมาไม่มากนัก และเป็นหุ้นที่บวกจาก Fund Flow ไว้ก่อน เช่น PTT, KBANK , CPALL , BDMS เป็นต้น ......
หุ้นที่เราประเมินว่าเป็นบวกจากการเลือกตั้งที่ชัดเจนมากขึ้น นอกจากกลุ่มใหญ่แล้ว จะเป็นหุ้นกลุ่มรับเหมาฯ และหุ้นกลุ่มนิคมฯ ที่จะได้อานิสงค์จากการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ .... หุ้นที่ราคาปรับขึ้นมาก่อนหน้านี้มาก หรือโตมากกว่ากำไรของบริษัท อย่างเช่นกลุ่มไฟฟ้า (BCPG, GPSC) หรือหุ้นตัวอื่นๆ ที่มีลักษณะเดียวกัน อาจถูกขายทำกำไรเพื่อไปซื้อหุ้นที่ราคาขึ้นมาน้อยกว่า
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ประจำวัน : สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิ KBANK, STEC, ROBINS, BDMS , SYNEX*, TMB
หุ้นแนะนำทางเทคนิค : ADVANC, CPN, SSP
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
บทวิเคราะห์และความเห็นข่าวสำคัญ
(+) BR: ผลประกอบการ 3Q17 ดีขึ้น YOY และดีขึ้นเล็กน้อย QoQ
(+) SPALI: ยอด Presales 3Q17 โดดเด่นทำสถิติสูงสุดใหม่
(+) TCAP และบริษัทย่อยขายหุ้น MBK จะบันทึกกำไรได้ใน 3Q-4Q17
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (10 ต.ค.) ปิดที่ระดับ 1,706.95 จุด เพิ่มขึ้น 14.73 จุด หรือ +0.87% มูลค่าการซื้อขาย 81,464.26 ล้านบาท ตลาดสามารถปรับตัวสูงขึ้นได้ในช่วงท้ายตลาด จากการที่ คสช. จะประกาศวันเลือกตั้งในเดือน มิ.ย. 18 และจะมีการเลือกตั้งในเดือน พ.ย.18
ตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,830.68 จุด เพิ่มขึ้น 69.61 จุด หรือ +0.31% จากปัจจัยเฉพาะตัว หุ้นวอลมาร์ทประกาศแผนซื้อหุ้นคืนในวงเงิน 2 หมื่นล้านดอลลาร์ .... ด้าน Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง -0.01% ปิดที่ 390.16 จุด จากสถานการณ์การเมืองประเทศสเปน ต่อการประกาศเอกราชของ แคว้นกาตาลุญญา แต่ถึงตอนนี้แคล้นดงกล่าว ก็ยังไม่มีการประกาศเอกราช
ปัจจัยต่างประเทศ : เป็นบวกมากขึ้นหลัง IMF มีการปรับคาดการณ์การเติบโตโลก, ติดตามรายงานการประชุม FOMC ที่จะเผยแพร่ในวันพรุ่งนี้ (12) เรามองเศรษฐกิจต่างประเทศเป็นบวกมากขึ้น แรงหนุนจากการที่ IMF ปรับการคาดการณ์ขยายตัวของเศรษฐกิจโลกจากเดิม 3.5% เป็น 3.6% …. ปัจจัยที่ต้องติดตามได้แก่ การรายงานการประชุมประจำเดือนก.ย.ของธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งจะมีการเผยแพร่ในวันพรุ่งนี้แต่คาดจะมีผลกระทบต่อตลาดไม่มาก เนื่องจากตลาดมีการคาดการณ์อยู่แล้วว่า Fed จะทำการปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นได้ตามคาด สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้น 1.34 ดอลลาร์ หรือ +2.7% ปิดที่ 50.92 ดอลลาร์/บาร์เรล ราคาน้ำมันดิบสามารถปรับตัวขึ้นได้ตามที่คาดการณ์ก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นผลจาก ซาอุดิอาระเบียประกาศว่าจะปรับลดปริมาณการส่งออกน้ำมันในเดือนพ.ย. 5.6 แสนบาร์เรลต่อวัน…. ติดตามรายงานประจำเดือนของกลุ่มโอเปกในวันนี้ และรายงานประจำเดือนของสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ในวันพรุ่งนี้ นักวิเคราะห์คาด สต็อกน้ำมันดิบจะปรับตัวลดลง 400,000 บาร์เรล
ปัจจัยในประเทศ: การประกาศวันเลือกตั้ง หนุนเงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นไทย การประกาศวันเลือกตั้งในเดือน มิ.ย. 18 และจะมีการเลือกตั้งในเดือน พ.ย.18 ส่งผลบวกต่อเม็ดเงินที่จะไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง วานนี้ต่างชาติซื้อสุทธิ 2.3 พันล้านบาท .... คาดนักลงทุนจะเข้ามาเก็งกำไรสำหรับงบการเงินช่วง 3Q17 โดย preview งบการเงินสำหรับช่วง 3Q17 โดย Bloomberg คาดว่าช่วง 3Q17 การเติบโตจะอยู่ที่ประมาณ +8.46% YoY, +2.47% QoQ โดย TISCO จะส่งงบ 3Q17 เป็นตัวแรกในวันนี้KTBST ประเมินกำไร 1.53 พันลบ. +22.5% YoY และ +1.7% QoQ
ยอดประกอบกิจการโรงงานในเขต EEC ลดลง กรอ.ประกาศยอดขอ รง.4 (ยอดประกอบกิจการโรงงาน) ในเขต EEC ลดลงจากปีก่อน -11.3% สวนทางกับกระแส EEC ที่ว่านักลงทุนมีความมั่นใจในโครงการ EEC
Stock in Focus
หุ้น เหตุผล
KBANK(ราคาปิด 212.00) เราเลือก KBANK จากคาดการณ์ Fund Flow จากต่างชาติยังคงเข้าตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง โดย KBANK เป็นหุ้นขนาดใหญ่และเป็นตัวเลือกแรกๆของต่างชาติ …. ผลประกอบการ KBANK ยังไม่โดดเด่นนัก KBANK ยังเน้นการตัดหนี้สูญ ทำให้ต้องตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญอย่างต่อเนื่อง คาดผลประกอบการปี 2017 ลดลง -7.8% YoY .... (ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 239.00 บาท)
STEC(ราคาปิด 26.00) เราเลือก STEC เป็น Top Pick สำหรับกลุ่มรับเหมาฯ โดยเรามองว่ายังมีโครงการรับเหมาฯที่จะเปิดประมูลภายในปีนี้อีกมูลค่ากว่า 130,000 ล้านบาท .... Backlog ปัจจุบันของ STEC อยู่ที่ระดับราว 113,500 ล้านบาท (รวมโครงการรถไฟทางคู่ที่ประมูลแล้ว) รองรับรายได้ได้สูงถึง 5 ปี คาดกาไรจากการดาเนินงานปกติปี 2017 จะเติบโตที่ 31% และจะเติบโตได้สูงมากต่อเนื่องในปี 2018 ประมาณ 50% YoY …. (ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 35.50 บาท)
ROBINS(ราคาปิด 65.75) เรายังคงชอบกลุ่มค้าปลีกอยู่ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ปรับตัวดีขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน โดยปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 74.5 สวนทางกับที่เราคาดว่าจะลดลง ซี่งเราคาดว่ากลุ่มค้าปลีกจะพลิกกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง .... บริษัทมีแผนการขยายสาขาอีก 2 สาขาในช่วง 2H17 จะช่วยหนุนให้ผลประกอบการปี 2017 เติบโต +7% ที่ประมาณ 2.8 พันล้านบาท…. (ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 79.00 บาท)
BDMS(ราคาปิด 21.00) เป็นหนึ่งในหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลที่รายงานกำไร 2Q17 เติบโตดีมาก และคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องในช่วง 3Q17 โดย BDMS รายงานกำไรสุทธิ 2Q17 อยู่ที่ 3,791 ล้านบาท (+127.1% YoY, +92.1% QoQ) กำไรสุทธิเติบโตมากเนื่องจากมีกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุนใน BH จำนวน 2,195 ล้านบาท …. มองว่า 3Q17 นี้ กำไรปกติของ BDMS จะทำจุดสูงสุดของปี เนื่องจากฝนยังคงตกต่อเนื่องและเริ่มมีไข้หวัดใหญ่ระบาดตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมิถุนายน …. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 22.50 บาท)
SYNEX*(ราคาปิด 15.40) ช่วงครึ่งปีหลังเป็นช่วงไฮซีซั่นสำหรับธุรกิจจขำหน่ายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ .... บริษัทเข้าลงทุนในธุรกิจสินเชื่อรถจักรยานยนต์ ซึ่งจะเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งรายได้ในช่วงครึ่งปีหลัง .... Bloomberg คาดกำไรสุทธิสำหรับปี 2017 ที่ 515 ล้านบาท (+26.4% YoY) และจะเติบโตอีก +11% YoY ในปี 2018 ที่ 572 ล้านบาท …. (ราคาที่เหมาะสม โดย Bloomberg ที่ 15.03 บาท)
TMB(ราคาปิด 2.56) สินเชื่อจนถึงเดือน ก.ย. เมื่อเทียบ YTD เติบโตได้ดีที่สูงที่สุดในกลุ่มธนาคาร โดยการเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อบ้านเป็นหลัก นอกจากนี้ เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ TMB จากกำไรสุทธิในปีนี้และปีหน้าที่จะเติบโตได้ดี 10% YoY เพราะมีรายได้ค่าธรรมเนียมจาก FWD เข้ามาช่วยปีละ 1.3 พันล้านบาท นอกจากนี้เรายังคาดการณ์ผลประกอบการช่วง 3Q17 จะเติบโตถึง +19.7% YoY ในขณะที่อุตสาหกรรมจะลดลง -2.3% YoY .... คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 9,044 ล้านบาท +9.9% YoY …. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 2.80 บาท)
Source: KTBST Research
Sector / Stock Updates
(+) ตลาดหุ้น ข่าว : นายกฯ คาดประกาศวันเลือกตั้งได้มิ.ย. 61- จัดการเลือกตั้งได้ใน พ.ย.61
ความเห็น KTBST : ช่วงก่อนที่ นายกฯ จะไปพบประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐฯ เมื่อ 2 ต.ค. มีข่าวออกมาในเรื่องวันเลือกตั้งทั่วไป ว่าอาจไมทันปี 2561 ด้วยประโยคที่ว่า จะมีการประกาศวันเลือกตั้ง ในปี 2561 แต่ไม่ระบุว่าจะเลือกตั้งในปี 2561 หรือไม่ ?......จึงมีการตีความไปว่าอาจไปเลือกตั้งปี 2562 ส่งผลให้เกิดความคลุมเครือว่าจะเลือกตั้งเมื่อใด หรือติดปัญหาใดจึงเลือกตั้งไม่ได้ตามกำหนด จาก Roadmap ล่าสุด คือจะมีการเลือกตั้งประมาณเดือน ก.ย.61
การระบุวันที่จะมีการเลือกตั้ง เป็นเดือน พ.ย.61 นั้น ล่าช้ากว่ากำหนดการเดิมเพียง 2 เดือน ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีของตลาด และกลบข่าวลือที่ออกมาก่อนหน้านี้ เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะส่วนที่ลงทุนทางตรง นั้นให้ความสำคัญกับที่มาของรัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง มากกว่ารัฐบาลทหาร ความชัดเจนในวันนี้ จึงดีกับทั้งการลงทุนและตลาดหุ้น
ขั้นตอนล่าสุดของ การนำไปสู่การเลืกตั้ง คือ กฎหมายลูกสองฉบับ ก.ม.ลูกสองฉบับ คือ กฎหมายลูกว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. และ ร่างกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง นั้นกำลังอยู่ในระหว่างการจัดทำร่างฯ กำหนดการเดิมที่จะนำเข้าพิจารณาของ สนช. คือ พ.ย.60 แต่ถึงกระนั้น ข่าวที่ออกมาในวันนี้ ยังมีการยืนยันกำหนดการเดิม
หุ้นที่คาดว่าจะได้รับอานิสงค์จากข่าวนี้
1.หุ้นขนาดใหญ่ ที่นักลงทุนต่างประเทศลงทุนอยู่แล้ว
2.หุ้นกลุ่มรับเหมาฯ งานภาครัฐ เนื่องจากโครงการลงทุนต่างๆ จะถูกเร่งให้เกิดเร็วขึ้น หุ้นที่เป็น Top pick ของเรา คือ STEC
3.หุ้นกลุ่มนิคมฯ หรือธุรกิจเกี่ยวเนื่อง โดยเฉพาะนิคมฯ ที่ได้ประโยชย์จาก EEC อาทิ WHA, TICON , AMATA เป็นต้น
(+) SPALI ยอด Presales 3Q17 ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 11,776 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65% YoY และ 104% QoQ จากยอด Presales ของโครงการคอนโดมิเนียมที่เพิ่มขึ้นมาก รวมงวด 9M17 ทำยอด Presales ได้ 25,120 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44% YoY และคิดเป็น 93% ของเป้าหมายทั้งปี 2017 ที่ 27,000 ล้านบาท ส่วนในด้านกำไรสุทธิ 3Q17 - 4Q17 คาดดีขึ้นต่อเนื่อง จาก Backlog ที่สูงของโครงการคอนโดมิเนียม และผลบวกจากการเปิดตัวโครงการแนวราบมากขึ้น เราประเมินกำไรสุทธิปี 2017 จะเติบโต 7% YoY พร้อมคาดกำไรสุทธิปี 2018 เติบโตดีขึ้นเป็น 11% YoY ยังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายปี 2018 ที่ 27.50 บาท
(+) TCAP บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) (TCAP) และธนาคาร ธนชาต จำกัด (มหาชน) (TBANK) ได้แจ้งการขายหุ้นบริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) (MBK) ในช่วงวันที่ 28 ก.ย. - 9 ต.ค. 17 จำนวนรวม 35.49 ล้านหุ้น คิดเป็น 2.08% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ MBK เรามองว่า ประเด็นนี้จะทำให้เกิด sentiment เชิงบวกต่อ TCAP เนื่องจากการขายหุ้น MBK ออกมา ทำให้ TCAP มีกำไรจากการขายหุ้นเข้ามาได้ในช่วง 3Q17-4Q17 ซึ่งเราได้ทำการศึกษามา พบว่า ต้นทุนเฉลี่ยของทาง TCAP อยู่ที่ 3.50 บาท ส่วนต้นทุนของบริษัทย่อยอยู่ที่ 10.70-15.00 บาท ขณะที่ราคาขายเฉลี่ยย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย. - 9 ต.ค. 17 อยู่ที่ 19.30 บาท ทำให้เราคาดว่า TCAP จะบันทึกกำไรจากการขายหุ้น MBK ราว 280-320 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 4.0-4.6% ของกำไรสุทธิในปี 2017 และคิดเป็น Upside ต่อราคาหุ้นราว 0.08-0.10% โดยเรายังไม่ได้รวมรายการดังกล่าวเข้าในประมาณการของเรา แต่อย่างไรก็ดี ทาง TCAP จะไม่มีการขายหุ้น MBK ออกมาอีกหลังจากนี้ ดังนั้น รายการกำไรจากการขายหุ้น MBK จะเป็นเพียง one-time gain ยังคงคำแนะนำ 'ซื้อ'มูลค่าเหมาะสมที่ 56 บาท
(+) Bank 3 แบงก์ยักษ์ "กรุงเทพ-กรุงไทย-ไทยพาณิชย์" ร่วมปล่อยกู้บริษัทร่วมทุนกลุ่มบีทีเอสโครงการรถไฟฟ้าสาย สี "ชมพู-เหลือง" กว่า 6.33 หมื่นล้าน เผยเป็นสินเชื่อระยะยาวใช้ก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานด้านการขนส่ง เชื่อช่วยกระตุ้นลงทุนเอกชน หนุนการจ้างงาน-บริโภค เป็นไปตามที่เราคาดไว้ว่า ในช่วง 4Q17 จะเริ่มเห็นภาคธนาคารมีการปล่อยกู้ให้กับภาคเอกชนมากขึ้น เพื่อเป็นการรองรับโครงการภาครัฐที่จะเริ่มก่อสร้างในปีหน้า โดยเรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนของภาคเอกชนซึ่งจะส่งผลดีโดยตรงต่อสินเชื่อรายใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ที่จะเริ่มเห็นการปล่อยกู้มากขึ้น และเราคาดว่า จะเห็นการเร่งตัวมากขึ้นของสินเชื่อได้ดีในปีหน้า โดยในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ เรายังชอบ BBL เพราะเป็นผู้นำด้านสินเชื่อรายใหญ่ (สัดส่วนสูงถึง 41% ของสินเชื่อรวม) ซึ่งจะได้รับผลดีโดยตรงจากการเร่งการลงทุนของภาครัฐ ให้ราคาเป้าหมายในปี 2018 ที่ 222 บาท อิง P/BV ที่ 1x
(+) BR เราคาดว่า BR จะมีผลประกอบการใน 3Q17 ใกล้เคียงกับ 2Q17 จากคำสั่งซื้อที่อยู่ในระดับสูงประกอบกับผู้ประกอบการในยุโรปยังไม่สามารถผลิตเป็ดได้เต็มที่เนื่องจากปัญหาไข้หวัดนก คาดว่า BR จะมีกำไรทั้งปีเพิ่มขึ้น 51% ในปี 2017จากการเข้าไปซื้อทรัพย์สินเพื่อใช้ในการประกอบกิจการของคู่แข่งเดิมซึ่งเลิกกิจการไปทำให้ฐานการตลาดในยุโรปเพิ่มขึ้น และ โตก้าวกระโดดจากซื้อ VSE ประกอบกับการแข่งขันไม่รุนแรงมากเหมือนปี 2016 อย่างไรก็ตาม เราปรับราคาเป้าหมายเพิ่มจาก 8.0 บาทของปี 2017 เป็นเป้าหมายปี 2018 ที่ 9.3 บาท(อิง PE 15 เท่าของปี 2018) สะท้อนการผลิตที่เพิ่มจากโรงงานอาหารสำเร็จรูป ซึ่งเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ Upside 13% ยังคงคำแนะนำ 'ซื้อ'
Source: KTBST Research
Analyst : Mongkol Puangpetra
License No: 001937
+662 648 1123
[email protected]
Nontapat Rushtasomboon
License No: 081447
+662 648 1127
[email protected]