- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 09 October 2017 16:02
- Hits: 1639
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily
ภาพตลาดวันวาน
ดัชนีเปิดตัวแรงปรับตัวขึ้น 5.37 ยืน 1696 จุด พร้อมกับแกว่งตัวผันผวนที่ขยับขี้นต่อจากแรงซื้อหุ้นในกลุ่มพลังงาน อสังหาฯ ทำจุดสูงสุดของวันที่ 1701.12 จุด เพิ่มขึ้น 10.25 จุด สลับกับแรงขายจากหุ้นในกลุ่มแบงก์ และขนส่ง กดดัชนีลงทำจุดต่ำสุดของวันที่ 1693.79 จุด เพิ่มขึ้น 2.92 จุด ทั้งนี้ดัชนีสามารถยืนบวกได้ตลอดทั้งวันมีกรอบการเคลื่อนไหวที่ 7.33 จุด ทั้งนี้หุ้นที่มี Impact ต่อการปรับตัวขึ้นของดัชนีได้แก่ PTTGC, TOP, PTT, BPP, MBK, CPALL, SSP, BCPG ก่อนดัชนีจะทำปิดที่ 1695.97 จุด เพิ่มขึ้น 5.10 จุด (+0.30%) มูลค่าการซื้อขาย 59,495 ล้านบาท
ภาพตลาดวันนี้
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีมีทิศทางที่ปรับตัวขึ้นได้ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ หลังจากที่สัปดาห์ก่อนหน้าพักตัวในลักษณะ Sideway มาพอสมควร โดยขึ้นแรงในวันแรกของสัปดาห์ หลังจากนั้นพักตัวระหว่างทางที่ยังคงเกาะเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันได้ต่อเนื่อง และขึ้นทำ New High แตะ 1700 จุดได้ครั้งแรกในรอบ 24 ปี ขณะที่มี Low 1693 จุด ทำให้มีมุมมองที่ดัชนียังสามารถเดินหน้าต่อได้ แต่จะมีสลับกับการพักตัวระหว่างทาง มีแนวรับ 1685-1690 จุด แนวต้าน 1700-1705 จุด
แกว่งตัวผันผวน – มีโอกาสไปต่อ แต่มีอาจมีการสลับตัวระหว่างทาง
Support 1670 // 1660 จุด Resistance 1700-1700 จุด
พรรณนภา เขมะสุรัตน์ Technical Analyst
เลขทะเบียน : 060110 Tel 02- 6481124
Email: [email protected]
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
'1700 ยังมีหวัง'
ทิศทางตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ : คาดดัชนีฯ พักฐาน ก่อนเดินหน้าต่อ กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีฯ 1680-1710 จุด ....... ด้วยแรงกดดันจากนโยบายการเงินของธนาคารกลางต่างๆที่อาจเปลี่ยนแปลง ค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ยังเป็นตัวแปรที่กดดันต่อราคาหุ้น แม้ว่า ปัจจัยในประเทศ จะเป็นตัวหนุนต่อตลาด ไม่ว่าจะเป็น GDP ปีนี้ที่มีการปรับขึ้นไปอยู่ใกล้ๆ 4% และผลประกอบการ 3Q-17 ของตลาดและหุ้นหลักๆ ที่มีสัญญาณฟื้นจาก 2Q-17 ที่ผ่านมา จะทำให้มีการเข้ามาลงทุนในหุ้นที่ถูกคาดว่ากำไรจะดี เช่นเดียวกับสัปดาห์ก่อน
กลยุทธ์การลงทุน : เรายังมองตลาดเพียงแค่ชะลอการขึ้น .... คำแนะนำของเราเวลานี้ ยังแนะให้นักลงทุนเลือกที่จะถือหุ้นต่อไปได้ หรือเข้าซื้อเพิ่ม โดยรอในจังหวะที่ราคาอ่อนตัวลงมา ควรให้ความสนใจกับหุ้นขนาดใหญ่ที่จะมีการสลับเข้ามาเล่นและมีปัจจัยบวกรองรับ ส่วนที่กลุ่มรอง จะเป็นกลุ่มที่เก็งเรื่องงบ 3Q ว่าจะออกมาดี และหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว อาทิ การฟื้นตัวของกำลังซื้อในประเทศ ผลบวกจากเงินบาทอ่อนค่า เป็นต้น
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ : JMT*, WICE, TAPAC*, TK, AP, SYNEX*
หุ้นแนะนำเชิงเทคนิค : PRM, PSH, ATP30, CHG
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเครำห์
ภาพตลาดสัปดาห์ที่ผ่านมา
SET Index สัปดาห์ก่อนปิดที่ระดับ 1,695.97 จุด ปรับตัวขึ้นจากสัปดาห์ก่อนที่ 22.81 จุด หรือ +1.36% ตลาดยังคงปรับตัวขึ้นได้แม่แรงซื้อจากต่างชาติเริ่มเบาบางลง ขณะที่ยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้นมาอย่างมีนัยยะสำคัญ
ปัจจัยที่ควรติดตาม
ปัจจัยต่างประเทศ ค่าเงินดอลลาร์ที่กลับมาแข็งค่า, การเลือกประธาน Fed คนใหม่
1) ค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่า - เรายังมีมุมมองว่าค่าเงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นต่อ เนื่องจาก Fed ส่งสัญญาณที่ชัดเจน ว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงปลายปีนี้ พร้อมทั้งโอกาสในการปรับขึ้นดอกเบี้ยสำรวจโดย Bloomberg เพิ่มขึ้นเป็น 73% และ candidate ที่จะมาเป็นประธาน Fed คนใหม่ Warsh มีแนวคิดในลักษณะ "Hawkish" กล่าวคือมีความเข้มงวดทางเศรษฐกิจมาก นอกจากนี้การประกาศตัวเลขที่ชัดเจนของมาตรการลดภาษีของทรัมป์ยังส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าอีกด้วย โดย Dollar Spot Index ปรับตัวขึ้นมาจาก 93 เป็น 94 จุด และค่าเงินบาทเทียบดอลลาร์อ่อนค่าลงมาอยู่ที่ .... เรามองค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่า เป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มส่งออกไทยและหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯในสัปดาห์นี้ หากสูงมากกว่าคาดที่ 0.49% โอกาสในการขึ้นดอกเบี้ยจะสูงขึ้นตามลำดับ
2) การคัดเลือกประธาน Fed คนใหม่ - มองว่าในสัปดาห์นี้จะมีการคัดเลือกประธาน Fed คนใหม่ ซึ่งมีแนวโน้มจะเป็น Warsh ซึ่งเป็นสายเหยี่ยว (Hawkish) สายนี้จะไม่สนับสนุนนโยบายที่จะก่อให้เกิดเงินเฟ้อ เช่น มาตรการ QE, การลดดอกเบี้ยเป็นเวลานาน ซึ่งหาก Warsh ได้เป็นประธาน Fed คนใหม่ มองว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะเร็วขึ้น (คาดการณ์เดิม คือ ธ.ค.60) และค่าเงินดอลลาร์จะมีโอกาสแข็งค่าต่อ
ปัจจัยในประเทศติดตามกระแสเงินจากต่างประเทศและการ preview งบ 3Q17
1) ต่างชาติมีโอกาสขายทำกำไรหุ้นไทย - สัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างประเทศ มี net sell ให้เห็น สัปดาห์นี้ ยังมีโอกาสที่ต่างชาติจะมีการขายทำกำไรต่อ
2) การ preview สำหรับงบ 3Q17 - คาดว่าจะเริ่มเห็นการเข้ามาเก็งกำไรจากการ preview งบการเงินสำหรับช่วง 3Q17 โดย Bloomberg คาดว่าช่วง 3Q17 การเติบโตจะอยู่ที่ประมาณ +8.46% YoY, +2.47% QoQ
3) TISCO จะส่งงบ 3Q-17 เป็นตัวแรก 11 ต.ค. KTBST ประเมินกำไร 1.53 พันลบ. +22.5% YoY และ +1.7% QoQ
- ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญสัปดาห์นี้ จะไปตกในช่วงปลายสัปดาห์ (13) ประกอบด้วย ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ตัวเลขยอดค้าปลีก และตัวเลขส่งออกของจีน
Stock Picks of The Week
JMT : ราคาปิด 31.25 บาท ราคาเหมาะสม 35.36 บาท
JMT มีผลการดำเนินงานดีขึ้นจากแนวโน้มอัตราความสำเร็จ, อัตราค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้น, รายได้จากการบริหารลูกหนี้ที่เพิ่มขึ้นตามมูลหนี้ที่บริหารสูงขึ้น และอัตราส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยที่ลดลง โดย ตั้งแต่ 2Q17 บริษัทได้ซื้อหนี้ประเภทเพื่อที่อยู่อาศัยจำนวน 194 ล้านบาทมาบริหาร มีมูลค่าต้นทุนประมาณ 65% ของมูลหนี้ และคิดเป็น IRR ประมาณ 30% และบริษัทมีแนวโน้มลงทุนเพิ่มใน 2H17 ที่ประมาณ 8,000 ล้านบาท และการย้าย J Fintech ซึ่งมีผลขาดทุนไปอยู่ใต้ JMART จะช่วยให้ JMT มีผลประกอบการที่ดีขึ้นมาก
Bloomberg คาดผลประกอบการปี 2017 ที่ 386 ล้านบาท (+33% YoY) และคาดจะเติบโตต่อเนื่องในปี 2018 ที่ 504 ล้านบาท (+30% YoY)
ราคาพื้นฐานโดย Bloomberg ที่ 35.36 บาท
WICE : ราคาปิด 4.48 บาท ราคาเหมาะสม 5.30 บาท
ค่าระวางเรือปรับตัวสูงขึ้นมาประมาณ 30 จุดเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน มาอยู่ที่ 1,382 จุด WICE เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้ประโยชน์จาก EEC โดยตรง เนื่องจากฐานลูกค้าและ warehouse อยู่ในนิคมแหลมฉบัง และ WICE ยังได้รับผลประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตของหลายๆบริษัทในประเทศจีนมาตั้งโรงงานที่ไทย และในอนาคตยังมีแผนที่จะไป M&A กับบริษัทอื่นๆ ใน Asia เพื่อขยายฐานลูกค้า และเส้นทางขนส่ง
KTBST คาดกำไรสุทธิที่ 129 ล้านบาท เติบโตสูงถึง +60% YoY และคาดจะเติบโตอีกประมาณ 18% YoY ในปี 2018 ที่ 151 ล้านบาท
ราคาพื้นฐานโดย KTBST ที่ 5.30 บาท
Weekly Portfolio
หุ้น เหตุผล
JMT*(ราคาปิด 31.25) JMT มีผลการดำเนินงานดีขึ้นจากแนวโน้มอัตราความสำเร็จ, อัตราค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้น, รายได้จากการบริหารลูกหนี้ที่เพิ่มขึ้นตามมูลหนี้ที่บริหารสูงขึ้น และอัตราส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยที่ลดลง และการย้าย J Fintech ซึ่งมีผลขาดทุนไปอยู่ใต้ JMART จะช่วยให้ JMT มีผลประกอบการที่ดีขึ้นมาก .... Bloomberg คาดผลประกอบการปี 2017 ที่ 386 ล้านบาท (+33% YoY) และคาดจะเติบโตต่อเนื่องในปี 2018 ที่ 504 ล้านบาท (+30% YoY) .... (ราคาพื้นฐานโดย KTBST ที่ 35.36 บาท)
WICE(ราคาปิด 4.48) ค่าระวางเรือปรับตัวสูงขึ้นมาประมาณ 30 จุดเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน มาอยู่ที่ 1,382 จุด WICE เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้ประโยชน์จาก EEC โดยตรง เนื่องจากฐานลูกค้าและ warehouse อยู่ในนิคมแหลมฉบัง และในอนาคตยังมีแผนที่จะไป M&A กับบริษัทอื่นๆ ใน Asia เพื่อขยายฐานลูกค้า และเส้นทางขนส่ง KTBST คาดกำไรสุทธิที่ 129 ล้านบาท เติบโตสูงถึง +60% YoY และคาดจะเติบโตอีกประมาณ 18% YoY ในปี 2018 ที่ 151 ล้านบาท .... (ราคาพื้นฐานโดย KTBST ที่ 5.30 บาท)
TAPAC*(ราคาปิด 22.30) ผู้ผลิตชิ้นส่วนพลาสติก ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง กำไร 3Q17 (31 เม.ย.-31 ก.ค.) อยู่ที่ 61.1 ล้านบาท สูงขึ้น ถึง 93% YoY และ 220% QoQ เป็นผลจากการลงทุนด้านอสังหาฯในประเทศสวีเดน และธุรกิจหลักในไทยก็มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น
TK(ราคาปิด 14.60) บริษัทประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อรายย่อย โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ และรถยนต์ โดยคาดว่าสินเชื่อเช่าซื้อบริษัทจะขยายตัว 13.7% และ 9.9% ในปี 2017-2018 ตามลำดับ จากการกลับมาฟื้นตัวของยอดขายรถจักรยานยนต์ และรถยนต์ และการขยายสาขา …. คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2017 ที่ 516 ล้านบาท เติบโต +20% YoY และคาดว่าจะเติบโตอีก +16% YoY ที่ 600 ล้านบาท …. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 14.00 บาท แต่คาดว่าจะมีการปรับประมาณการขึ้นหลังทำการ revise กำไรสุทธิปี 2018)
AP(ราคาปิด 8.25) ยอด presales ของ AP ช่วง 9M17 อยู่ที่ 28,295 ล้านบาท สูงกว่าเป้าทั้งปีที่ตั้งไว้ที่ 26,000 ล้านบาท ปัจจุบัน AP มี Backlog ที่ 13,400
ล้านบาท และคาดช่วงครึ่งปีหลังจะมีโครงการคอนโดเปิดใหม่อีก 1 โครงการมูลค่า 9,000 ล้านบาท .... Bloomberg คาดผลประกอบการปี 2017 ที่ 3,074 ล้านบาท (+14% YoY) และคาดจะเติบโตต่อเนื่องในปี 2018 ที่ 3,483 ล้านบาท (+13% YoY) .... (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 9.0 บาท)
SYNEX*(ราคาปิด 14.90) ช่วงครึ่งปีหลังเป็นช่วงไฮซีซั่นสำหรับธุรกิจจขำหน่ายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ .... บริษัทเข้าลงทุนในธุรกิจสินเชื่อรถจักรยานยนต์ ซึ่งจะเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งรายได้ในช่วงครึ่งปีหลัง .... Bloomberg คาดกำไรสุทธิสำหรับปี 2017 ที่ 515 ล้านบาท (+26.4% YoY) และจะเติบโตอีก +11% YoY ในปี 2018 ที่ 572 ล้านบาท …. (ราคาที่เหมาะสม โดย Bloomberg ที่ 15.03 บาท)
Analyst : Mongkol Puangpetra
+662 648 1123
[email protected]
Nontapat Rushtasomboon
+662 648 1127
[email protected]