- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 04 October 2017 17:03
- Hits: 2029
บล.เคจีไอ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
แกว่งขึ้นต่อ
KGI คาด SET วันพุธแกว่งขึ้นต่อ ภาวะหุ้นโลกยังแกร่ง + เงินบาทฟื้นเร็วเมื่อคืน น่าจะหนุนฟันด์โฟลว์ชัดเจนขึ้น (วานนี้หุ้นไทยบวกกรอบจำกัด ชะลอตัวหลังขึ้นแรงไปเมื่อวันจันทร์) ทั้งนี้ธีม ‘global PMIs แข็งแกร่งมาก’ ยังหนุนตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปปรับขึ้นต่อเนื่อง ผนวกกับตัวเลขยอดขายรถยนต์ของ บ.ใหญ่ๆ ในสหรัฐฯ เติบโตสูงในเดือน ก.ย. หนุนมุมมองการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังรับผลกระทบจากพายุหลายลูกในช่วงที่ผ่านมา โดยประเด็นดังกล่าวน่าจะส่งผลดีต่อการส่งออกของประเทศในเอเชียและไทย ล่าสุดวานนี้คณะกรรมการร่วมภาครัฐฯ-เอกชน ปรับเป้าส่งออกปีนี้สู่ 7.5% และสภาผู้ส่งออกปรับเพิ่มเป้าส่งออกเป็นขั้นต่ำ 6% ทั้งนี้ฟันด์โฟลว์เข้าหุ้นไทยน่าจะดีขึ้นกว่าเมื่อวาน หลังค่าเงินบาทฟื้นตัวแล้ว (วานนี้อ่อนทดสอบระดับจิตวิทยาที่ 35.50 อีกครั้งก่อนรีบาวด์เร็ว เช้านี้เทรดที่ 33.28/ดอลล่าร์ฯ) ส่วนในวันนี้ ปัจจัยที่น่าติดตามได้แก่การแถลงของประธานเฟด เจเนต เยลเลน ในการประชุมที่เมืองเซนหลุยส์ คาดว่าเธออาจส่งสัญญาณเพิ่มเติมต่อการดำเนินนโยบายการเงินสหรัฐฯ ในช่วงที่เหลือของปีนี้ และอาจมีผลกระทบต่อตลาดอัตราแลกเปลี่ยนในวันพรุ่งนี้เช่นกัน
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เก็งกำไร CHEWA, ECL, COM7*
CHEWA (ยังไม่มีเป้า Consensus) 1) รูปแบบราคาแกว่งตัวในกรอบ Uptrend channel 1.29 – 1.40 บาท แนะนำ “เก็งกำไร” ในกรอบฯ และกรณีผ่านกรอบแนวต้าน 1.40 บาทได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 1.46 บาท (Stop loss 1.28 บาท) 2) ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานจะฟื้นตัวใน 2H60 จากการเริ่มทยอยโอนโครงการ 3 โครงการ มูลค่ารวม 3.2 พันล้านบาท (เราคาดโอนได้ราว 1.5 พันล้านบาท ภายใน 4Q60) หลังจากที่ไม่มีการโอนโครงการฯใน 1H60 ทำให้ผลการดำเนินงานขาดทุน 9 ล้านบาท 3) เบื้องต้นประมาณการกำไรโดยกำหนด สมมติฐานอัตรากำไรสุทธิ 6% จะได้กำไรสุทธิปีนี้ราว 115 ล้านบาท (EPS 0.154 ต่อหุ้น) คิดเป็น PE ปี 2561 = 8.6 เท่า
ECL (เป้าพื้นฐาน 4.1 บาท ... สูงสุดใน Consensus 4.7 บาท) 1) ราคาหุ้น Laggard กลุ่มสินเชื่อ Non bank ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานยังแข็งแกร่ง คาดผลการดำเนินงาน 3Q60 ทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง (+YoY, +QoQ) ผลจาก Snowball effect โดยประเมินยอดสินเชื่อใหม่ 3Q60 จะอยู่ที่ราว 700 ล้านบาท (+45% YoY โดย 3Q59 ยอดสินเชื่อใหม่ = 485 ล้านบาท) คาดยอดสินเชื่อสิ้นปีนี้มีโอกาสทะลุเป้าที่เราประมาณการไว้ที่ 4.5 พันล้านบาท ... มีโอกาสปรับประมาณการฯ ขึ้น 2) ล่าสุดเปิดอู่ซ่อมรถ Fixman สาขา เกษตร-นวมินทร์ รองรับธุรกิจ ซ่อมรถ และ การรับประกันเครื่องยนต์รถมือสอง (เป็นธุรกิจที่ผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง PFS ประสบความสำเร็จที่ญี่ปุ่น โดยมีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1) และคาดจะเปิดอีก 2 สาขาภายในสิ้นปีนี้ ... เรายังไม่รวมประเด็นธุรกิจนี้ในประมาณการฯ 3) ประเมินแนวรับ 3.8 บาท แนวต้าน 4.5 บาท (Stop loss 3.6 บาท)
COM7* (เป้า Consensus 13.7 บาท … สูงสุด 15.5 บาท) 1) แนะนำพิจารณาที่แนวราคา 13.8 บาท หากผ่านได้ แนะนำ “เก็งกำไร” ประเมินแนวต้านถัดไปที่ 14.8 บาท แนวรับ 13.4 บาท (Stop loss 13.2 บาท) 2) ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงาน 3Q60 จะยังโตต่อเนื่อง QoQ และ YoY จากจำนวนสาขาเพิ่ม + ธุรกิจใหม่เริ่มบันทึกกำไร 3) คาดสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ทุกยี่ห้อ เริ่มขายปลาย 3Q60 – ต้น 4Q60 (COM7* มีขายครบทุกยี่ห้อ) คาดจะเป็น Catalyst สำคัญกระตุ้นยอดขาย โดยประเมินตลาดประเทศไทยจะแบ่ง Segment ชัดเจน คือ ผู้บริโภคที่รอรุ่นใหม่ล่าสุด (มีกำลังซื้อ) และ ผู้บริโภคที่เลือกซื้อรุ่นที่ตกรุ่น โดยคาดว่า COM7* จะได้รับงบฯ อุดหนุนจากทาง TRUE*
หุ้นในกระแส
กลุ่มค้าปลีก (BJC*, TNP, MAKRO, COM7*) จากประเด็นการออกพระราชกฤษฎีกาขยายเวลาลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่ 7% ต่ออีก 1 ปี ตั้งแต่ 1 ต.ค.2560-30 ก.ย.2561 คาดจะเป็นบวกต่อการบริโภคในประเทศต่อเนื่อง แนะนำ “เก็งกำไร” หุ้นค้าปลีก Laggard อย่าง BJC*, TNP, MAKRO, COM7*
กลุ่มเหล็ก (TMT, THE) เราประเมิน 1 – 2 สัปดาห์นี้ ราคาเหล็กอ่อนตัวลงช่วงวันหยุดยาว วันชาติจีน 1 ต.ค. เป็นโอกาสเข้าซื้อสะสมหุ้นกลุ่มเหล็ก เนื่องจาก 1) ล่าสุดปริมาณสต๊อกเหล็กที่จีนต่ำสุดในรอบปี (คาดมีโอกาส รีสต๊อกหลังหยุดยาววันชาติจีน) 2) ประเมินว่าราคาเหล็กที่ปรับขึ้นเฉลี่ย 2 – 3 บาท/กก. ในช่วง 3Q60 จะทำให้หุ้นกลุ่มเหล็กมีผลกำไรจากสต๊อกเหล็ก (ผลการดำเนินงาน Turnaround จาก 2Q60) 3) โรงงานเหล็กในจีน ประสบปัญหาการเข้าตรวจสิ่งแวดล้อม เช่นเดียวกับ โรงงานปิโตรเคมี และโรงฟอกหนัง ที่ต้องปิดตัวลงหลายแห่งก่อนหน้านี้ ทำให้อุปทานเหล็กในตลาดโลกเริ่มตึงตัว 4) คาดโครงการลงทุนภาครัฐฯที่เริ่มลงงานฐานรากแล้ว + เศรษฐกิจในประเทศที่เติบโต (คาด GDP ปีนี้ +3.8% ปีหน้า 4.2%) + โครงการ EEC จะทำให้ดีมานด์เหล็กในประเทศเพิ่มขึ้น แนะนำ “เก็งกำไร” THE โดยประเมินหากวันนี้ ยืนเหนือแนวราคา 4.84 บาทได้ แนะนำ “เก็งกำไร” มีโอกาสขึ้นทดสอบแนวต้าน 5 บาท และ 5.3 บาท ตามลำดับ / แนวรับ 4.76 บาท
หุ้นมีข่าว
(-SPRC*) วันศุกร์ที่ผ่านมา บริษัท Star Petroleum Refining (SPRC.BK / SPRC TB)* แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า บริษัทจะมีการปิดหน่วย Residency Fluidized Catalytic Cracking Unit (RFCCU) ซึ่งมีกำลังการผลิต 41KBD ชั่วคราวในเดือนตุลาคม (SET) Comment การปิดซ่อมบำรุงครั้งนี้เป็นเพราะบริษัทพบว่าผลิตภัณฑ์จากหน่วย RFCCU ไม่เป็นไปตามมาตรฐานของบริษัท ดังนั้นบริษัทจำเป็นต้องปิดหน่วยนี้และจะตรวจสอบถึงปัญหาครั้งนี้ ในขณะเดียวกัน บริษัทยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงและไม่สามารถให้ข้อมูลได้ว่าหน่วย RFCCU จะต้องปิดซ่อมบำรุงนานแค่ไหนในเดือนตุลาคม โดยหน่วย RFCCU จะผลิตน้ำมันเบนซินเป็นส่วนใหญ่ เราคาดว่าหากหน่วย RFCUU ปิดเป็นเวลา 1 เดือนกำไรขั้นต้นอาจหายไปประมาณ 300 ล้านบาท หรือคิดเป็น 3% ของกำไรขึ้นต้นทั้งหมด นอกจากนี้ บริษัทอาจจะลดอัตรากำลังการกลั่นจากระดับปกติที่มากกว่า 95% โดยเรามีมุมมองเป็นลบต่อข่าวนี้ อย่างไรก็ตาม เรายังคงคำแนะนำ “ถือ" โดยราคาเป้าหมายของเราที่ 16.50 บาท เพราะเรากำลังรอเวลาที่แน่นอนในการปิดหน่วย RFCUU ขณะที่เราแนะนำให้ปรับเปลี่ยนไปซื้อหุ้น Top Pick ของเราได้แก่ IRPC (IRPC.BK / IRPC TB) * และ Bangchak Corporation (BCP.BK / BCP TB) *
(+) ECF เพิ่มทุนต่างชาติเสริมฐานะการเงินแกร่ง (กรุงเทพธุรกิจ) อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทคเพิ่มทุนไม่เกิน 40 ล้านหุ้น จัดสรรให้ แมคควอรี่ แบงก์ ลิมิเต็ด หวังเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินและขยายธุรกิจ
(+) KTC* ออกหุ้นกู้1.2หมื่นล้านปีหน้า (กรุงเทพธุรกิจ) อายุ 5-10 ปี ล็อกต้นทุนต่ำรับมือดอกเบี้ยขาขึ้น เคทีซีจ่อเสนอขายหุ้นกู้ ปีหน้า 1.2 หมื่นล้าน อายุ 5-10 ปี หลัง มองทิศทางดอกเบี้ยเริ่มเป็นขาขึ้น โดยเฉพาะในปี 2562 เป็นต้นไป ยันปีนี้กำไรโต 10% ตามเป้าหมาย แต่รายได้หด 700 ล้านบาท ผลกระทบเกณฑ์แบงก์ชาติลดอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตเหลือ 18% จากเดิม 20%
(+) SIRI* ผุด 11 โครงการ Q4 โกยยอดขาย 1.6 หมื่นล. (ข่าวหุ้น) “แสนสิริ” บุกหนักไตรมาส 4/60 โหมเปิดใหม่ 11 โครงการ มูลค่ารวม 26,000 ล้านบาท หวังโกยยอดขาย 16,000 ล้านบาท มั่นใจยอดขายปีนี้เข้าเป้า 40,000 ล้านบาท หลัง 9 เดือนแรกกวาดยอดขายได้แล้ว 24,000 ล้านบาท โตเกือบ 20%
(+) BGRIM เซ็นอผศ.ลุย 5 โครงการ โรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม 23.58 MW (ข่าวหุ้น) BGRIM เซ็นสัญญากับ “องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก” ร่วมลงทุนให้สิทธิขายไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม จำนวน 5 โครงการ ขนาด 23.58 MW คาดเริ่มบุ๊ครายได้เดือน พ.ย.61 ฟากโบรกฯการันตี 3 ปี กำไรพุ่ง 31.80%
(+) COL ลุยออมนิโลจิสติกส์ครบวงจร (กรุงเทพธุรกิจ) ซีโอแอล สบช่องตลาดออนไลน์บูมลลุย "ออมนิโลจิสติกส์" ครบวงจร ดันสตาร์ทอัพสัญชาติไทย "เมพ คอร์ปอเรชั่น" ขึ้นแท่นผู้น อี-บุ๊ก มาร์เก็ตเพลส พร้อมผนึกพันธมิตร "ไฮเท็คซ์-พิกซีพี" ต่อยอดขยายธุรกิจ
(+) 'TWPC' ซื้อTDCปูพรมขยายฐานดันผลงานแกร่ง (ทันหุ้น) TWPC เผยบริษัทย่อย "ไทยวาไบโอพาวเวอร์" ซื้อกิจการบริษัท สำปะหลังพัฒนา จำกัด หรือ TDC จำนวน 166,668 หุ้น ราว 33.33% หวังรองรับการขยายฐานผลิต เพิ่มมูลค่ากลุ่มผลิตภัณฑ์ ดันผลงานเติบโตแข็งแกร่งในอนาคต
(+ กลุ่มท่องเที่ยว) วันชาติจีนนักท่องเที่ยวทะลักไทย (ไทยโพสต์) คาดวันชาติจีน 1-8 ต.ค.นี้ แห่เที่ยวไทยทะลัก 2.6 แสนคน ด้านทอท.โชว์ เดือน ก.ค.ยอดใช้ 6 สนามบินผู้โดยสารโต 5.5%
(+ กลุ่มค้าปลีก) ต่ออีก 1 ปีภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% รัฐสูญรายได้ 2.3 แสนล้าน (ไทยโพสต์) ออกพระราชกฤษฎีกาขยายเวลาลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่ 7% ต่ออีก 1 ปี ตั้งแต่ 1 ต.ค.2560-30 ก.ย.2561 รัฐบาลหวังช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพประชาชน รับรัฐสูญรายได้ 2.32 แสนล้านบาท
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
BCP* (เป้าพื้นฐาน 43 บาท) แนะนำ “Let profit run” ประเมินแนวต้านถัดไปที่ 46 บาท โดยกำหนด Trailing Stop 41.5 บาท
CCET (เป้า Consensus 4.9 บาท) แนะนำ “Let profit run” ประเมินแนวต้านถัดไปที่ 3.8 บาท และ 4.2 บาท ตามลำดับ แนวรับ 3.58 บาท (Tailing stop 3.48 บาท) ... Valuation น่าสนใจด้วย PE 2560 = 9.6 เท่า และปันผลเฉลี่ย 2.9% ต่อปี + รับผลบวกจากแผนปฏิรูปภาษีนิติบุคคลของรัฐบาลสหรัฐฯ
MTLS* (เป้าพื้นฐาน 40 บาท) แนะนำ “Let profit run” โดยประเมินแนวต้านถัดไป 39 บาท (Trailing stop 36 บาท)
WHA* (เป้า Consensus 3.81 บาท) ประเมินกรอบ Channel Line 3.5 – 3.8 บาท แนะนำ “เก็งกำไร” ในกรอบฯ และหากทะลุผ่านกรอบแนวต้าน 3.8 บาทได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้าน 4.0 บาท (Trailing stop 3.5 บาท)
GLOBAL* (เป้าพื้นฐาน 16.3 บาท) แนะนำ “Let profit run” ประเมินแนวต้าน 16.9 บาท กำหนด Trailing Stop 15.8 บาท
PRM (เป้า Consensus 10.2 บาท) ประเมินแนวรับ 10.7 บาท แนวต้านแรก 11.2 บาท และถัดไปที่ 11.7 บาท (Stop loss 10.7 บาท)
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
กลุ่มธนาคารพาณิชย์ น้ำหนักการลงทุน “มากกว่าตลาดฯ” ฝ่ายวิจัยฯ มีมุมมองที่ดีขึ้นต่อกลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดยประเมินกลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อเริ่มฟื้นตัวเด่น ส่งผลให้ TISCO* และ TCAP* กลับมาน่าสนใจ ขณะที่ธนาคารใหญ่ คาดจะมีการชี้ให้เห็นถึงพัฒนาการของการฟื้นตัวที่ดีเช่นกัน อาทิ การฟื้นตัวของสินเชื่อบริษัทฯ และตลาดเงิน หุ้นเด่น เลือก KBANK*, BBL* สำหรับธนาคารใหญ่ และ TISCO* และ TCAP* สำหรับธนาคารเล็ก
กลุ่มขนส่ง น้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาดฯ” ฝ่ายวิจัยฯ มีมุมมองที่ดีขึ้นต่อการฟื้นตัวของสายการบินในประเทศไทย หาก ICAO ถอนธงแดงใน 4Q60 เลือก AOT* เป็นหุ้นเด่น
Market strategy Thailand
จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- นัยต้าน 1692 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ปรับขึ้นปิดเหนือนัยแนวต้าน 1692 จุดนั้น อาจผลักขึ้นในกรอบ 1692-1705 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ปรับลดลงหรือปิดต่ำกว่านัยต้าน 1692 จุดนั้น อาจทรงราคาในกรอบ 1692-1680 จุด
แนวรับวันนี้: 1686/1681 แนวต้านวันนี้: 1692/1705
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ