- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 28 September 2017 16:34
- Hits: 10172
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
แผนลดภาษีของทรัมป์จุดประกายความหวัง
คาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นวันนี้ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลกจากความหวังครั้งใหม่ต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการคลังของสหรัฐ หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ เสนอกฎหมายปฏิรูปภาษีสหรัฐครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 30 ปี อย่างไรก็ตามทรัมป์ยังต้องนำกฎหมายดังกล่าวผ่านรัฐสภาให้ได้ก่อนซึ่งนับจากนี้ไปอาจกินเวลาหลายเดือน นอกจากนั้นความกังวลเศรษฐกิจจีนชะลอลดลงอย่างมาก หลังบริษัทจีนรายงานกำไรเติบโตแรงในเดือน ส.ค. และ 8 เดือนแรกของปี ปัจจัยภายในก็เป็นบวก กนง.คงดอกเบี้ยแต่ปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจไทยปีนี้และปีหน้าขึ้นเป็นขยายตัว 3.8% โดยที่มีมุมมองเป็นบวกครั้งแรกต่อการลงทุนภาคเอกชน และยิ่งบวกต่อการส่งออกมากขึ้น
หุ้นเด่นวันนี้ : KCE (102.00 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย 128.00 บาท)
เราเลือก KCE เป็นหุ้นเด่นในวันนี้ หลังจากที่ราคาหุ้นทรุดตัวไปอยู่ระดับต่ำสุดที่ 79.75 บาท โดยกำไรสุทธิในช่วง 1H60 ลดลง 15%YoY จากปัจจัยลบเรื่องค่าเงินบาทแข็งค่าและราคาทองแดงที่เป็นวัตถุดิบที่สำคัญมีราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ราคาทองแดงในช่วงไตรมาส 3/60 พุ่งไปเกือบแตะ 7,000 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน หรือเพิ่มขึ้นราว 17% นับจากสิ้นไตรมาส 2/60 แต่ปัจจุบันราคาทองแดงปรับตัวลงมาอยู่ที่ 6,479 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน หรือลดลงจากจุดสูงสุดมาราว 7% ประกอบกับค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินเหรียญสหรัฐฯ อยู่ที่ 33.28 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ แล้ว ซึ่ง AWS คาดการณ์ว่า ณ สิ้นปี 2560 ค่าเงินเหรียญสหรัฐฯ จะอ่อนค่าไปอยู่ที่ 33.40 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ
จากการที่กิจการของ KCE จะมีสัดส่วนลูกค้าหลักที่เป็นผู้ซื้อแผงพิมพ์วงจร หรือแผ่น PCB จากยุโรป 52% เอเชีย 31% สหรัฐฯ 13% แม้ลูกค้าเป็นยุโรปมากที่สุด KCE มีรายรับเป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ มากถึง 75% ของรายได้ และ50% ของมูลค่าต้นทุนเป็นเงินเหรียญสหรัฐฯ ทำให้ช่วงการกลับมาแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับเงินบาท ในช่วงนี้จะช่วยบรรเทาผลกระทบจากค่าเงินไปได้ ในขณะเดียวกับเราเชื่อว่า KCE กลับจะได้รับผลบวกจากการที่ภาวะเศรษฐกิจของยุโรปฟื้นตัวดีมาก เห็นได้จากค่า PMI ของยูโรโซน ปรับตัวดีขึ้นตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ล่าสุดเดือน ส.ค.60 อยู่ที่ 57.4 จุด ซึ่งดีเกินหน้า PMI ของสหรัฐฯ จีน และญี่ปุ่นไปอย่างมาก Price Pattern ของ KCE แม้ว่าจะยังคงมีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาลง (Downtrend) จากการเกิด MonthIy SeII SignaI แต่ Price Pattern ของ KCE ได้กลับมาเกิดความแข็งแกร่งทั้งในระยะสั้นและระยะกลางแล้ว จากการเกิดทั้ง DaiIy & WeekIy Buy SignaI เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ KCE ที่สามารถ Break ด้วยการปิดตลาดเหนือเป้าหมายเบื้องต้นที่ 99.25 บาทไปแล้ว จึงมีเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 105 บาท และมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ 110.50 บาท ตามลำดับ ทั้งนี้ KCE มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 92.50 บาท
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 1.5% โดยอ้างว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.5% ในปัจจุบันยังคงเหมาะสมกับการสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ (บางกอกโพสต์)
คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจขึ้นเป็น 3.8% ใน ปี พ.ศ. 2560 และ 2561 จากเดิม 3.5% และร้อยละ 3.7% ตามลำดับ เนื่องจากการส่งออกและการท่องเที่ยวขยายตัวที่แข็งแกร่งในขณะที่อุปสงค์ในประเทศเริ่มฟื้นตัวในวงกว้างขึ้น คณะกรรมการยังได้ปรับประมาณการการเติบโตของการส่งออกในปี 2560 นี้ขึ้นเป็นร้อยละ 8% จากเดิม 5% และปี 2561 เพิ่มขึ้นเป็น 3.2% จากเดิม 1.7% (บางกอกโพสต์)
ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำคุกอดีตนายกรัฐมนตรี นางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นเวลา 5 ปี ในข้อหาประมาทเลินเล่อจนก่อให้เกิดการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวด้วยการขายข้าวของ G2G (บางกอกโพสต์)
TK (ราคาปิด 13.00 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมายปี 60 ของ AWS 14.00 บาท) คณะกรรมการมีมติอนุมัติให้บริษัทดำเนินการจัดตั้งบริษัทย่อย ได้แก่ MingaIaba Thitikorn Microfinance Co., Ltd. เพื่อดำเนินธุรกิจไมโครไฟแนนซ์และธุรกิจการเงินรูปแบบอื่นๆ ในประเทศเมียนมา (SET)ความเห็น: การจัดตั้งดังกล่าวนับเป็นธุรกิจในต่างประเทศลำดับที่ 3 ของ TK นอกเหนือจากกัมพูชาและลาว อีกทั้ง ยังเป็นไปตามกลยุทธ์ในระยะยาวของบริษัทที่จะเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อในต่างประเทศเป็น 50 % อย่างไรก็ตาม เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 60 ไว้ที่ 491 ล้านบาท (+14.3% YoY) เนื่องจากปัจจุบันสัดส่วนสินเชื่อต่างประเทศมีเพียงแค่ 3% เท่านั้น
ต่างประเทศ :
ปธน.ทรัมป์เสนอแผนปฏิรูปภาษีครั้งใหญ่สุดในรอบ 3 ทศวรรษเมื่อวันพุธ โดยเสนอปรับลดภาษีสำหรับคนอเมริกันส่วนใหญ่แต่แผนดังกล่าวอาจทำให้งบประมาณขาดดุลเพิ่มล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเสนอให้มีการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงสู่ระดับ 20% จากปัจจุบันที่ระดับ 35% อัตราภาษีใหม่ที่ 25% สำหรับธุรกิจประเภท pass-through businesses อย่างเช่นห้างหุ้นส่วน และลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาขั้นสูงสุดลงสู่ระดับ 35% จากปัจจุบันที่ 39.6% นอกจากนี้ เงินได้ 12,000 ดอลลาร์แรกสำหรับบุคคลธรรมดาและ 24,000 ดอลลาร์แรกสำหรับคู่สมรสจะได้รับการยกเว้นภาษี ข้อเสนอดังกล่าวในขณะนี้ประสบกับขั้นตอนทางกฎหมายซึ่งอาจใช้เวลาหลายเดือน (รอยเตอร์)
อัตราผลตอบแทนสหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อวันพุธ ก่อนการเปิดเผยแผนปฏิรูปภาษีของปธน.ทรัมป์และข้อมูลคาสั่งซื้อสินค้าคงทนที่สดใส อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นกว่า 5 bps ที่ระดับ 2.285% หลังแตะระดับ 2.301% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 1 ส.ค.(รอยเตอร์)
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 1 เดือนเทียบกับสกุลเงินหลักเมื่อวันพุธ เนื่องจากการที่นักลงทุนมองบวกต่อแผนปฏิรูปภาษีของทรัมป์ได้หนุนตลาดซึ่งเป็นผลดีต่อดอลลาร์สหรัฐ หลังจากนางเจเน็ต เยลเลนประธานเฟดให้ความเห็นสนับสนุนการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ปิดเพิ่มขึ้น 0.47% ที่ระดับ 93.401 หลังแตะระดับ 93.607 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 23 ส.ค. (รอยเตอร์)
สหรัฐ
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกเมื่อวันพุธ นำโดยหุ้นกลุ่มการเงินเนื่องจากมีการคาดการณ์มากขึ้นว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. และความหวังว่าปธน.โดนัลด์ ทรัมป์จะทำให้แผนปฏิรูปภาษีมีความคืบหน้า นอกจากนี้ตัวเลขคำสั่งซื้อใหม่ของสินค้าคงทนที่สดใสยังหนุนตลาดอีกด้วย (รอยเตอร์)
คำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ผลิตในสหรัฐเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดในเดือนส.ค. และการส่งสินค้ายังมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น ชี้ว่าเศรษฐกิจมีความแข็งแกร่ง คำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบินและสินค้าด้านอาวุธเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนส.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.1% ในเดือนก.ค. (ตัวเลขปรับปรุงล่าสุด) ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์คาดว่าคำสั่งซื้อสินค้าทุนเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค. การส่งสินค้าคงทนพื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.7% หลังเพิ่มขึ้น 1.1% ในเดือนก.ค. (รอยเตอร์)
ยุโรป :
หุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 สัปดาห์วานนี้ นำโดยหุ้นกลุ่มธนาคาร เนื่องจากแผนยกเครื่องภาษีของทรัมป์เพิ่มความคาดหวังเรื่องการฟื้นคืนนโยบายการค้าของทรัมป์อีกครั้ง (รอยเตอร์)
เอเชีย :
หุ้นจีนทรงตัวในวันพุธ จากกำไรภาคอุตสาหกรรมที่ออกมาดี และการคาดการณ์กำไรของบริษัทผลิตเหล็กคาดว่าจะออกมาดี ช่วยให้คลายความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ด้านความเชื่อมั่นจากนักลงทุนนั้นยังคงได้รับการส่งเสริมจากความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะรักษาเสถียรภาพทางตลาดเงินในช่วงก่อนการประชุมใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์ที่จะถึงในเดือนหน้า (รอยเตอร์)
กำไรของบริษัทอุตสาหกรรมในจีนเพิ่มมากที่สุดในรอบ 4 ปีในเดือนสิงหาคม จากการที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้ได้รับแรงหนุนจากโครงการก่อสร้างภาครัฐ โดยกำไรในเดือนสิงหาคมนั้นเพิ่ม 24% YoY และ 16.5% QoQ เป็น 672 พันล้านหยวน หรือ 101.2 พันล้านดอลลาร์สรอ. ซึ่งกำไรสะสม 8 เดือนของปีนี้เป็น 4.92 ล้านล้านหยวน เพิ่ม 21.6% YoY เพิ่มเล็กน้อยจาก 21.2% ในส่วนของกำไรสะสม 7 เดือนแรกของปีนี้ (รอยเตอร์)
หุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลงในวันพุธที่ผ่านมา จากการที่หุ้นสิ้นสุดสิทธิการได้รับปันผล (XD) อย่างในหุ้นยานยนต์ ซึ่งหักล้างกับการปรับตัวสูงขึ้นของหุ้นเทคโนโลยีที่เพิ่มตามหุ้นเทคโนโลยีในสหรัฐฯ (รอยเตอร์)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันเบรนท์ร่วงแต่ราคาน้ำมันเวสต์เท็กซัสพุ่งขึ้นในวันพุธที่ผ่านมา โดยคาดว่าการลดลงของสต๊อกน้ำมันในสหรัฐจะช่วยให้ราคาอยู่ในอยู่ในระดับเดียวกับปีพ. ศ. 2558 โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์ลง 13 เซนต์ปิดที่ 58.31 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ขณะที่สัญญานฟิวเจอร์สน้ำมันส่งมอบเดือนพ.ย. ขึ้น 18 เซนต์ปิดที่ 52.06 ดอลลาร์ (รอยเตอร์)
ราคาทองปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนในวันพุธที่ผ่านมา เนื่องจากมีการคาดการณ์สูงว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้ ซึ่งราคาทองคำลดลง 0.7% ปิดที่ 1,284.61 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์โดยก่อนหน้านี้ได้ทำระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ 25 ส.ค. ผ่านมาที่ราคา 1,282.23 เหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ราคาฟิวเจอร์สทองคาสหรัฐสำหรับการส่งมอบในเดือนธันวาคมตกลงเหลือ 13.90 เหรียญสหรัฐฯ (-1.1%) โดยปิดที่ 1,287.80 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ (รอยเตอร์)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 0-2680-5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 0-2680-5090
Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No. 17385) Tel: 0-2680-5077
Ms. Veeraya Rattanaworatip (No.86645) Tel: 0-2680-5042
Mr. Adisak Prombun (No. 14543) Tel: 0-2680-5056