- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 28 September 2017 16:21
- Hits: 5371
บล.เคจีไอ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
ไซด์เวย์ต่อ บาทอ่อนช่วงสั้นอาจชะลอฟันด์โฟลว์
KGI คาด SET วันพฤหัสฯ ไซด์เวย์ต่อ ฟันด์โฟลว์ยังมีแนวโน้มชะลอในช่วงสั้น (ดอลล่าร์ฯ แข็งต่อ + บอนด์ยิลด์สหรัฐฯ เด้งต่อ กดดันโฟลว์หุ้นเอเชีย) เมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับขึ้นตามปัจจัยบวกเกี่ยวกับมาตรการลดภาษี หลังทรัมป์เสนอแผนภาษีเข้าสภาคองเกรสอย่างเป็นทางการ i) ลดภาษีนิติบุคคลจาก 35% สู่ 20%, ii) ลดขั้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจาก 7 ขั้นเหลือ 3 ขั้น และ iii) ลดภาษีการส่งเงินกลับเข้าสหรัฐฯ ผนวกกับกลุ่ม ส.ส. ประมาณ 35 คน ที่เรียกว่า Freedom Caucus แถลงสนับสนุนแผนภาษีของทรัมป์ ข่าวดังกล่าวผนวกกับถ้อยแถลงของประธานเฟดเมื่อวันพุธซึ่งเปิดช่องขึ้นดอกเบี้ยในปลายปีนี้ ผลักดันดัชนีค่าเงินดอลล่าร์ และกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลง อย่างไรก็ดี นักเศรษฐศาสตร์ KGI ประเมินเงินบาทจะอ่อนเพียงช่วงสั้นเท่านั้น เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจไทย เมื่อวานนี้ กนง. คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% ตามคาด และปรับเพิ่มเป้า GDP ปี 2560 จาก 3.5% เป็น 3.8% เท่ากับประมาณการของ KGI ทั้งนี้ในวันพรุ่งนี้ ธปท. จะรายงานข้อมูลเศรษฐกิจเดือน ส.ค. ซึ่งจะชี้แนวโน้มของ GDP ไตรมาส 3/2560 ของไทยอีกด้วย
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เก็งกำไร PRM, CCET
PRM (เป้า Consensus 10.2 บาท) 1) ประเมิน Valuation น่าสนใจ โดย PRM มี PE ปี 2561 = 20.1 เท่า (ขณะที่ Consensus คาดกำไรโต >30% CAGR 2561 - 62) ซึ่งหากใช้เป้าหมาย PE 25 เท่าในการคำนวณ (PEG 0.8 เท่า และ AMA ฝ่ายวิจัยฯใช้เป้าหมาย PE 30 เท่า) จะได้ราคาเหมาะสมปี 2561 ที่ 13.5 บาท (EPS61 เฉลี่ยใน Consensus 0.54 บาท) 2) ประเมินดีมานด์พลังงานและปิโตรเคมี ในเอเชียจะเติบโตตามการเติบโตของเศรษฐกิจในภูมิภาค โดยล่าสุด ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ปรับเป้า GDP เอเชียปี 2560 และ 2561 ขึ้นเป็น 5.9% และ 5.8% ตามลำดับ (เดิมคาดไว้ที่ 5.7% ทั้งสองปี) ซึ่งจะหนุนปริมาณขนส่งฯ ของ PRM 3) ประเมินแนวรับ 10.9 บาท แนวต้านแรก 11.2 บาท หาก Breakout ผ่านได้ มีโอกาสทดสอบแนวต้าน 11.7 บาท และ 12 บาท ตามลำดับ (Stop loss 10.7 บาท)
CCET (ยังไม่มีเป้าหมายใน Consensus) 1) ประเมินรูปแบบราคาแกว่งตัวขึ้น และหากวันนี้ Breakout ผ่านแนวต้าน 3.44 บาทได้ มีโอกาสที่จะปรับขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 3.8 บาท และ 4.2 บาท ตามลำดับ แนวรับ 3.30 บาท (Stop loss 3.10 บาท) 2) ประเมินค่าเงินบาทเริ่มอ่อนค่าเทียบค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ โดยเราประเมินหุ้น CCET Valuation ถูกสุดในกลุ่มด้วย Trailing PE ที่ต่ำเพียง 11 เท่า และปันผลเฉลี่ย 3% ต่อปี (ขณะที่ค่าเฉลี่ย PE หุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่ฝ่ายวิจัยฯออกบทวิเคราะห์ 4 บริษัท สูงถึง 17 เท่า) ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงาน 3Q60 – 4Q60 มีแนวโน้มที่กำไรจะเติบโต YoY (ฐานต่ำในปีก่อน)
หุ้นในกระแส
กลุ่มเหล็ก (TMT, THE, INOX) 1) เราประเมิน 1 – 2 สัปดาห์นี้ ราคาเหล็กอ่อนตัวลงก่อนวันหยุดยาว วันชาติจีน 1 ต.ค. เป็นโอกาสเข้าซื้อสะสมหุ้นกลุ่มเหล็ก เนื่องจาก 1) ประเมินว่าราคาเหล็กที่ปรับขึ้นเฉลี่ย 2 – 3 บาท/กก. ในช่วง 3Q60 จะทำให้หุ้นกลุ่มเหล็กมีผลกำไรจากสต๊อกเหล็ก (ผลการดำเนินงาน Turnaround จาก 2Q60) 2) โรงงานเหล็กในจีน ประสบปัญหาการเข้าตรวจสิ่งแวดล้อม เช่นเดียวกับ โรงงานปิโตรเคมี และโรงฟอกหนัง ที่ต้องปิดตัวลงหลายแห่งก่อนหน้านี้ ทำให้อุปทานเหล็กในตลาดโลกเริ่มตึงตัว 3) คาดโครงการลงทุนภาครัฐฯที่เริ่มลงงานฐานรากแล้ว + เศรษฐกิจในประเทศที่เติบโต (ที่ประชุม กนง ปรับเป้าหมาย GDP ปีนี้ขึ้นมาที่ 3.8%) + โครงการ EEC จะทำให้ดีมานด์เหล็กในประเทศเพิ่มขึ้น แนะนำ “เก็งกำไร” THE (แนวรับ 4.74 บาท / แนวต้าน 5.0 บาท และ 5.3 บาท /Stop loss 4.7 บาท), INOX (แนวรับ 1.73 บาท / แนวต้าน 1.80 บาท และ 2.0 บาท /Stop loss 1.70 บาท)
กลุ่มค้าปลีกโทรศัพท์มือถือ (COM7*, JMART*) ฝ่ายวิจัยฯ บล เคจีไอ ไต้หวัน ออกบทวิเคราะห์ Apple Insight ประเมินราคาหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ Supply chain ของ Apple ปรับตัวลงหลังนักลงทุนกังวลต่อดีมานด์ iPhone 8 ถือเป็นโอกาสในการเข้าซื้อหุ้น เนื่องจากประเมินดีมานด์จะไปเพิ่มในส่วนของ iPhone X ที่กำลังจะสรุปตัวเลข Preorder ซึ่งคาดว่าจำนวน Preorder จะสูงถึง 40 – 50 ล้านเครื่อง ขณะเดียวกันเราประเมินสำหรับตลาดประเทศไทย จะแบ่ง Segment ชัดเจนระหว่างกลุ่มผู้บริโภคที่รอซื้อ iPhone X (เปรียบเหมือน Major change ของรถยนต์) มากกว่า iPhone 8 (เปรียบเหมือน Minor change ของรถยนต์) และกลุ่มผู้บริโภคที่รอโปรโมชั่นราคาถูกสำหรับ iPhone 6 และ iPhone 7 ที่ตกรุ่น (ค่ายมือถือพันธมิตรจะเป็นคน อุดหนุนงบการตลาดฯให้ COM7* และ JMART*) ดังนั้นจึงแนะนำ สะสม COM7* และ JMART* ที่คาดผลการดำเนินงานจะโตเด่นใน 2H60
หุ้นมีข่าว
(+) กรุงเทพฯ ยังคงเป็นเป้าหมายอันดับ 1 ต่อเนื่องปีที่ 2 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเป็นรายงานผลการสำรวจของ Mastercard เมื่อวานนี้ (บางกอกโพสต์) ประเด็นดังกล่าวสะท้อนถึงมุมมองทางบวกที่เรามีต่อภาพรวมธุรกิจท่องเที่ยวของไทยไม่เปลี่ยนแปลง หากพิจารณาจากตัวเลขจากการสำรวจ พบว่ากรุงเทพฯ มีจำนวนผู้โหวตให้เป็นเป้าหมายการเดินทางถึง 19.4 ล้านคน ตามมาด้วยลอนดอนและปารีสจำนวน 19.1 และ 15.4 ล้านคน ตามลำดับ เรามีมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นต่อแนวโน้มการเติบโตของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทยในปี 2560-61 ทั้งนี้ เรายังแนะนำซื้อ AOT* โดยมีราคาเป้าหมาย 62.70 บาท
(+) 'รถใหม่-มาตรการรัฐ'ปั๊มยอดขายพุ่ง (กรุงเทพธุรกิจ) ตลาดรถ 8 เดือน รับแรงหนุนจากรถใหม่ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ดันยอดขายขยายตัวกว่า 10% มั่นใจเดือน ก.ย.โตต่อเนื่อง หลังค่ายรถแห่เปิดตัว ส่งแคมเปญเอื้อ การตัดสินใจซื้อ
(+) AP* ส่งไลฟ์อโศก-พระราม9 ชิงดีมานด์คนทำงาน-ลงทุน (กรุงเทพธุรกิจ) "เอพี" เปิดตัวคอนโด "ไลฟ์ อโศก-พระราม9" มูลค่า 9,000 ล้าน เจาะดีมานด์คนทำงานไทย-ต่างประเทศย่านออฟฟิศเกรดเอดึงเอเย่นต์ต่างชาติร่วมทำตลาด หวังยอดพรีเซล 50% ดันสิ้นปี ยอดขาย 3.1-3.2 หมื่นล้าน
(-) พิชญ์ขาย MONO* รวม 80 ล้านหุ้น เป๋าตุง 300 ล้าน (ข่าวหุ้น) “พิชญ์ โพธารามิก” รับทรัพย์กว่า 300 ล้านบาท เทขายหุ้น MONO* งวดเดือน ก.ย. สูงถึง 80 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 3.88-4.01 บาท ด้านราคาหุ้น MONO* ในกระดานวานนี้ร่วง 4.43%
(+) CSL ผนึก Palo Alto รุกตลาดไฟร์วอลล์ บนคลาวด์ในไทย (ข่าวหุ้น) CSL จับมือ Palo Alto Networks-อินแกรมฯ รุกตลาดไฟร์วอลล์บนระบบคลาวด์รายแรกในไทย ออกบริการ “Palo Alto Next-Gen Firewall on Cloud” ป้องภัยคุกคามทางไซเบอร์ขั้นสูงสุด
(+) เร่งเดินหน้าแหลมฉบังเฟส 3 เอ็กโกดันสร้างนิคมอุตฯคาดกำไรทะลักกว่า 10% (ไทยโพสต์) เร่งเดินหน้ารับฟังความคิดเห็นพัฒนาแหลมฉบังเฟส 3 รองรับการเติบโตอีอีซี ด้านเอ็กโกศึกษาตั้งนิคมอุตสาหกรรม 500 ไร่ ใช้พื้นที่โรงไฟฟ้าเก่าระยอง คาดกลางปี 61 ได้ข้อสรุป พร้อมลุ้นกำไรปีนี้โตกว่าเป้า 10%
(+) กองทรัสต์ WHART บิ๊กสุดพื้นที่ให้เช่า 9.7 แสนตร.ม. (ไทยโพสต์) WHAREM เผยรวมกองทุน WHAPF เข้ากับกองทรัสต์ WHART หนุนขนาดทรัพย์สินใหญ่สุด พื้นที่ให้เช่าพุ่ง 9.7 แสน ตร.ม. คาดแล้วเสร็จปลายปีนี้ ลุยซื้อสินทรัพย์เข้ากองเพิ่ม 3,000 ล้านบาท
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
BCP* (เป้าพื้นฐาน 43 บาท) พิจารณาที่แนวราคา 39.25 บาท หาก Breakout ผ่านได้ จะเริ่มเกิดสัญญาณซื้อ มีโอกาสปรับขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 41.5 บาท แนวรับ 38 บาท (Stop loss 37.25 บาท)
MTLS* (เป้าพื้นฐาน 40 บาท) แนวรับ 34 บาท แนวต้าน 36.25 บาท และถัดไปที่ 39 บาท (Stop loss 33 บาท)
MOONG (เป้าพื้นฐาน 9.1 บาท) ประเมินแนวรับ 6.80 บาท แนวต้าน 7.2 บาท และถัดไป 7.5 – 7.7 บาท (Stop loss 6.8 บาท)
GLOBAL* (เป้าพื้นฐาน 16.3 บาท) แนะนำ “Let profit run” ประเมินแนวต้าน 16.5 บาท กำหนด Trailing Stop 15.5 บาท
COM7* (เป้า Consensus 13.1 บาท) ประเมิน แนวรับ 13.0 บาท แนะนำ “สะสม” แนวรับ / แนวต้าน 13.7 บาท และถัดไปที่ 14.6 บาท
ECL (เป้าพื้นฐาน 4.1 บาท) แนะนำ “รอซื้ออ่อนตัว” ที่แนวรับ ±3.80 บาท แนวต้าน 4.1 บาท
WHA* (เป้า Consensus 3.81 บาท) ประเมินกรอบ Channel Line 3.48 – 3.76 บาท แนะนำ “เก็งกำไร” ในกรอบฯ และหากทะลุผ่านกรอบแนวต้าน 3.76 บาทได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้าน 4.0 บาท (Stop loss 3.30 บาท)
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
กลุ่มค้าปลีก น้ำหนักการลงุทน'มากกว่าตลาดฯ' ฝ่ายวิจัยฯประเมิน GDP ไทยที่จะยังคงเป็นขาขึ้นใน 2H60 จะช่วยหนุนให้ยอดค้าปลีกขยายตัวตามไปด้วย แต่อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวในพื้นที่ในกรุงเทพฯ จะเร็วกว่าในต่างจังหวัด ในขณะที่การเคลื่อนย้ายของแรงงานจากภาคเกษตรที่ค่าแรงต่ำไปยังอุตสาหกรรมที่จ่ายค่าแรงดีกว่าก็จะทำให้อำนาจซื้อเพิ่มขึ้น เลือก CPALL* เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มเนื่องจากคาดว่ากำไรจะเติบโตสูงสุดในกลุ่มที่ 20% CAGR ในช่วงปี FY60-61 ในขณะที่หุ้น CPALL* ก็ยังมี upside สูงที่สุดในกลุ่มด้วย และ HMPRO* ก็น่าสนใจ จากแนวโน้มกำไรที่เติบโต และโอกาสมี upside เพิ่มในกรณีภาวะเศรษฐกิจที่ดีกว่าที่คาดไว้
Market strategy Thailand
จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- ‘กรอบราคา 1665 – 1674 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ปรับขึ้นปิดเหนือนัยต้าน 1674 จุดนั้น อาจผลักราคาขึ้นในกรอบ 1674-1686 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ลดลงปิดต่ำกว่านัยรับ 1665 จุดนั้น อาจทรงราคาลงในกรอบ 1665-1655 จุด
แนวรับวันนี้: 1665/1658 แนวต้านวันนี้: 1673/1683
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ
อดิศักดิ์ คำมูล 66.2658.8888 ต่อ 8843 [email protected]
