- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 27 September 2017 14:52
- Hits: 1233
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> ทยอยสะสมเพิ่มในช่วงอ่อนตัว
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET สามารถแกว่งตัว Sideways Up ซึ่งดีกว่าที่เราประเมินเล็กน้อยแม้จะมีประเด็นกดดันจากความตึงเครียดระหว่างเกาหลีเหนือกับสหรัฐฯ โดยหุ้นในกลุ่มพลังงานยังพยุงตลาดได้ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังซื้อในตลาดหุ้นอีกเล็กน้อยราว 150 ลบ. และขายสุทธิในตลาดฟิวเจอร์สบางตาลงเหลือ 1,743 สัญญา (ราว 340 ลบ.)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะยังคงแกว่งตัว Sideways ต่อหลังประธาน FED กล่าวว่าจำเป็นที่จะต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปแม้ทิศทางเงินเฟ้อจะยังไม่แน่นอน รวมถึงสถานการณ์ตึงเครียดในเกาหลีเหนือที่ยังกดดันบรรยากาศการลงทุน ส่วนปัจจัยในประเทศวันนี้ต้องจับตาการประชุมกนง. (เราคาดว่ายังคงอัตราดอกเบี้ย) เรายังมองว่าการแกว่งตัวพักฐานของตลาดในระยะนี้ยังเป็นโอกาสในการเข้าทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี โดยคาดหวังต่อการเติบโตของเศรษฐกิจที่จะเร่งตัวขึ้นในระยะถัดไป
กลยุทธ์ : ทยอยสะสมเพิ่มในช่วงอ่อนตัว
หุ้นเด่นเดือน ก.ย. : BCH, CPALL, IRPC, SCC, TMB
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$608ล้าน นำโดยเกาหลีใต้ US$303ล้าน และไต้หวัน US$275ล้าน ขณะที่ไหลเข้าไทย US$5ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาค ประธานเฟดกล่าวสุนทรพจน์เมื่อวานนี้ตอกย้ำถึงความเหมาะสมของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเนื่องจากเงินเฟ้อมีทิศทางที่ไม่แน่นอน
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> EKH <<
เบื้องต้นคาดกำไร 3Q17 +180% Q-Q, +20% Y-Y อยู่ที่ 33-35 ลบ. จาก High Season ที่ทำให้จำนวนผู้ป่วยโต และ Utilization Rate ของเตียง IPD สูงกว่า 80% ซึ่งเป็นระดับที่เกือบเต็ม
มี Catalyst จากบริษัทลูก EKI (ถือหุ้น 57%) เริ่มเปิดบริการศูนย์ผู้มีบุตรยากใน 4Q17 ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีความต้องการสูงโดยเฉพาะตลาดจีน โดย EKH มี Partner ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญช่วยเจาะตลาดให้ คาดหนุนการเติบโตของกำไรอย่างมีนัยยะตั้งแต่ปีหน้า
เราคาดกำไรปกติปี 2017-2018 +7.3% Y-Y และ +13.7% Y-Y อยู่ระหว่างปรับใช้ราคาเหมาะสมปี 2018 คาดว่าจะอยู่ที่ราว 7.00-7.50 บาท แนะนำซื้อ
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) ถ้อยแถลงของประธานเฟด ทำให้ FedWatch สำหรับโอกาสการปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 1.50% ในการประชุมครั้งสุดท้ายของปี 13 ธ.ค. 17 เพิ่มขึ้นเป็น 81.4% จาก 37.8% ใน 1 เดือนที่ผ่านมา โดยประธานเฟดให้ความเห็นว่าไม่ควรคงอัตราดอกเบี้ยต่ำไว้นาน แม้ภาวะเงินเฟ้อในปัจจุบันจะอยู่ในทิศทางที่ไม่ชัดเจน
(+) หุ้นที่คาดผลประกอบการ 3Q17 แข็งแกร่ง ทั้ง Q-Q และ Y-Y เริ่มได้รับความน่าสนใจและคาดว่าจะ Outperform ตลาดในช่วงแกว่งออกด้านข้างเช่นนี้ได้ กลุ่มที่คาดว่าดีคือ แบงก์และไฟแนนซ์ (TMB TISCO KKP BBL MTLS THANI LIT) โรงพยาบาล (BCH CHG EKH) ขนส่ง (BEM BTS) บันเทิง (WORK RS) ส่งออก (GFPT HANA) และอื่นๆ (BOL ITEL FTE BIG BEAUTY SYNEX ATP30) ที่เด่นมากคือ MTLS THANI EKH BEM BOL GFPT FTE และ ATP30
(0) SSP เริ่มซื้อขายวันนี้ ราคา IPO เท่ากับ 7.70 บาท จำนวน 276.375 ล้านหุ้น (หุ้นใหม่ 230.375 ล้านหุ้น) SSP เป็นผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่จะมีกำลังผลิตไฟเพิ่มจากปัจจุบัน 3.4 เท่าตัว ภายในปี 2020 โดยหลักมาจากโครงการใหม่ในญี่ปุ่น หากการดำเนินงานเป็นไปตามแผน คาดว่ากำไรปกติในปี 2018 จะโต 20.5% Y-Y และโตเฉลี่ย 16.4% ต่อปีใน 3 ปีข้างหน้า (2017-2020) เราประเมินราคาเหมาะสมตามปี 2017 (หลังเพิ่มทุน) ที่ 8.95 บาท ด้วยวิธี SOTP คิดเป็น Implied PE ปี 2017 ที่ 19.0 เท่า และปี 2018 ที่ 15.8 เท่า (FSS เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้น IPO ของ SSP)
(+) ADVANC คาดกำไรปกติ 3Q17 +12.9% Y-Y เป็นครั้งแรกในรอบ 7 ไตรมาส จากฐานต่ำในปีก่อน โดยคาดรายได้โตต่อเนื่อง ขณะที่ต้นทุนเริ่มชะลอการปรับขึ้น แนวโน้มการแข่งขันเริ่มผ่อนคลายลง แต่กิจกรรมทางการตลาดลดลงยังจำเป็นต้องมีอยู่ ส่วนการเสนอซื้อ CSL คาดส่งผลบวกจำกัดต่อกำไรที่คาด -3% Y-Y ในปี 2017 และ +7.4% Y-Y ในปี 2018 จากขนาดธุรกิจที่ต่างกันมาก เราปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2018 ที่ 220 บาท แนะนำซื้อ
(+) TISCO คาดการณ์กำไรสุทธิ 3Q17 ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ราว 1.57 พันลบ. +4.5% Q-Q, +26% Y-Y จากการตั้งสำรองหนี้สูญที่ลดลง, รายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจหลักทรัพย์ (นายหน้าและ IB), และคาด Spread อยู่ในระดับสูงที่ 4.8% จากส่วนผสมของสินเชื่อที่เป็น High-yield loan ขณะที่ สินเชื่องวด ส.ค. 17 เพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 14 เดือน ส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่ เป็นสัญญาณที่ดีของการกระจายตัวของสินเชื่อ เราคงคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้และปีหน้า +20% Y-Y และ +11% Y-Y ปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2018 ที่ 89 บาท คงคำแนะนำ ซื้อ
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
27-ก.ย. - ไทย: ประชุม กนง. (คาดคงอัตราดอกเบี้ย), SSP เข้าเทรด (ราคา IPO7.70บาท), BIGC ซื้อขายได้วันสุดท้าย
- สหรัฐฯ: ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนและยอดขายบ้านรอปิดการขาย
28 ก.ย. - สหรัฐฯ: 2Q17 GDP (ตลาดคาด +3.2%ดีกว่าคาดการณ์ครั้งก่อนที่ +3.0%)
- ยูโรโซน: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ก.ย.)
- ไทย: อัตราการว่างงาน (ส.ค.)
29 ก.ย. - ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (ก.ย.) ถ้อยแถลงของประธาน ECB
- สหรัฐฯ: PMI ภาคการผลิตของเฟดสาขาชิคาโก้ และยอดรายได้และค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล (ส.ค.)
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนปิดลบเล็กน้อย โดยปัจจัยกดดันมาจากเฟดที่ออกมาแสดงความเห็นว่าจะเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไป และ ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายกฎหมายสุขภาพ และ ภาษีของทรัมป์
(0) ด้านตลาดหุ้นยุโรปขยับบวกเล็กน้อย โดยการซื้อขายซบเซา เนื่องจากผลการเลือกตั้งเยอรมนีที่พรรคร่วมรัฐบาลไม่สามารถครองเสียงข้างมากได้ และ สถานการณ์ความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี
(-) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดค่อนไปทางลบเนื่องจากเฟดระบุว่าจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อไป และ นักลงทุนยังมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี
(0) ค่าเงินบาทเช้านี้ปรับตัวในทิศทางอ่อนค่าเล็กน้อย โดยล่าสุดเคลื่อนไหวแถว 33.19-33.21 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ย. ปิดลบ 0.34 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 51.88 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากมีแรงขายทำกำไรหลังราคาน้ำมันแตะระดับสูงสุดรอบ 5 เดือน ขณะที่นักลงทุนเฝ้าจับตาการปิดท่อขนส่งน้ำมันจากอิรักหากชาวเคิร์ดแยกตัวออกจากอิรัก และ ตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐที่คาดว่าจะเพิ่ม 1.3 ล้านบาร์เรล
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดลบ 9.80 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,301.70 ดอลลาร์/ออนซ์ จากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า หลังเฟดระบุว่าจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อไป
Contact person : Jitra Amorntham Register : 014530
Tel: 02-646-9966 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research