- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 27 September 2017 14:49
- Hits: 1112
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมา SET แกว่งตัวในกรอบแคบ โดยมีแรงเก็งกำไรหุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำอย่าง PTT, PTTEP ภายหลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบปี ในขณะที่หุ้นขนาดกลางบางตัวยังคงมีแรงเก็งกำไรต่อเนื่อง เช่น กลุ่มทีวีดิจิตอล ( WORK, MONO) และกลุ่มโรงไฟฟ้าเช่น WHAUP, GPSC ในขณะที่ SKN เข้าซื้อขายวันแรก ปรับตัวขึ้น 29% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 4.2พันล้านบาท ณ สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,669 จุด (+2.1 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 6.0 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้าที่ 5.0 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนชาติซื้อหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 ที่ 150 ลบ. และ Short สุทธิ SET50 Index Future ที่ 1,743 สัญญา
Investment theme
ค่าเงินในภูมิภาค และเงินบาทเริ่มอ่อนค่า : ภายหลังการแถลงของ Yellen เมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งแนวโน้มค่อนข้าง Hawkish พบว่าเริ่มมีเม็ดเงินไหลออกจากตลาดหุ้นเอเชีย ส่วนหนึ่งสะท้อนจากค่าเงินดอลลาร์เทียบกับสกุลเงินในภูมิภาค (ADXY) ปรับลดลงต่อเนื่องจาก 108.9 ลงมาที่ 107.3 และสำหรับในประเทศ ภายหลังจากที่รัฐบาลเตรียมออกหุ้นกู้สกุลเงินบาท หรือ “บาทบอนด์” รอบพิเศษวงเงิน 8.0 หมื่นล้านบาท ในวันที่ 6 ต.ค.นี้ ซึ่งครั้งนี้กระทรวงการคลังเปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างประเทศสามารถนำเงินบาทที่กู้ แลกเปลี่ยนเป็น ดอลลาร์สหรัฐนำไปใช้นอกประเทศ เพื่อบรรเทาการแข็งค่าของบาท ล่าสุดค่าเงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่าอย่างมีนัยยะที่ 33.20จาก 33.08) ส่งผลให้เรามองว่าตลาดหุ้นในภูมิภาครวมถึง SET จะเริ่มปรับฐาน ภายหลังปรับตัวขึ้นมาจากต้นปีอย่างต่อเนื่อง
Investment theme: เก็งกำไรกลุ่มค้าปลีกจากประเด็นรัฐบาลเริ่มแจกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้ประชาชนกว่า 11.6 ล้านคนทั่วประเทศ(ค่าเดินทาง ,ค่าอาหารร้านธงฟ้า และค่าก๊าซหุงต้ม) รวมวงเงิน 4.1 หมื่นล้านบาท/ปี ถือเป็นประเด็นบวกทางอ้อมต่อกลุ่มค้าปลีกและการบริโภคในประเทศ (BJC, CPALL)
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา Bond yield 10 ปี ของสหรัฐปรับขึ้นนำหน้าประเทศไทยเป็นครั้งแรกในรอบ 16 เดือน / เกิดแรงขายในพันธบัตรญี่ปุ่น ภายหลังนักลงทุนกังวล อาจถูกปรับลดความน่าเชื่อถือ ส่งผลให้ yield เพิ่มขึ้นที่ 0.025 % / Dollar กลับมาแข็งค่าต่อเนื่องที่ 93.09
ตลาดเพิกถอน BIGC วันที่ 28 ก.ย.(ซื้อขายวันนี้วันสุดท้าย)
SSP วันนี้เข้าซื้อขายในตลาดเป็นวันแรก
Stock pick : BEM
BEM: ทยอยสะสม 8.50 บาท
คาดผลประกอบการไตรมาส 3 จะเติบโตเด่น เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนจาก ทั้ง 3 ธุรกิจนำโดย ธุรกิจรถไฟฟ้าซึ่งจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยวันทำงานแตะระดับ 3.5 แสนเที่ยว/วัน ภายหลังจากการเปิด 1 สถานีเชื่อมต่อในเดือนสิงหาคม ประกอบกับธุรกิจทางด่วน คาดผู้ใช้อยู่ในระดับประมาณ 1.2 ล้านคัน/วัน ในขณะที่ผู้ใช้ทางด่วน SOE ไต่ระดับสูงสุดต่อเนื่องที่ 6.0หมื่นคัน/วัน
ราคาหุ้น Laggard กลุ่มขนส่งอยู่สูงกว่า 18% ในขณะที่ราคาเป้าหมายปัจจุบันที่ 8.50 บาท ยังมี Upside ที่ไม่รวมไว้ในประมาณการอีกเช่นการขยายสัมปทานทางด่วน, สัมปทานเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วงต่อขยาย และ สายสีส้ม โดยเราคาดกำไรปี 2560 เติบโต 22% ที่ 3,179 ล้านบาท
Trading idea – เก็งกาไร MACO (2.00) / ทยอยสะสม TTCL บริเวณ 15.00+/- และ Cut loss หากต่ากว่า 14.80 / เก็งกาไร TPIPL (2.20-2.30) โดยเรามองว่าธุรกิจปูนจะเริ่มฟื้นตัวในไตรมาส 4 / เก็งกาไร TICON (16.70)
Technical View
อ่อนตัวบริเวณแนวต้าน 1675 : ในช่วงเช้าดัชนีเปิดโดดขึ้นจากแรงซื้อของหุ้นในกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวขึ้นแรงคืนก่อน โดยขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1675 และแกว่งตัว Sideway ตลอดทั้งวัน ระยะกลางมองว่าหากอ่อนตัวไม่หลุดแนวรับที่ 1665 หรือ 1660 จะยังคงรักษาแนวโน้มการแกว่งตัวในกรอบขาขึ้นได้ ระยะสั้นเน้นขายทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน 1675 เพื่อถือเงินสดให้มากขึ้น และรอดูแนวโน้มที่แนวรับ กลยุทธ์การลงุทน (1) นักลงทุนที่มีหุ้น เน้นขายทำกำไรที่แนวต้าน 1675, 1680 เพื่อถือเงินสดให้มากขึ้น (2) นักลงทุนที่ไม่มีหุ้น รอซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัวสู่แนวรับ 1665 หรือ 1660
แนวรับ : 1665, 1660 แนวต้าน : 1675, 1680
Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ : จับตาความคืบหน้านโยบายภาษีสหรัฐ 28 ก.ย.สหรัฐรายงานตัวเลข GDP ไตรมาส 2 , รายงาน Core-PCE และตัวเลขการบริโภค /วันที่ 29 ก.ย. จีนประกาศ PMI วันที่ 29 ก.ย. /
ปัจจัยในประเทศ : จับตาการประชุมกนง.วันที่ 27 ก.ย. / จับตาผลกระทบพรบ.จัดซื้อจัดจ้าง ที่ประกาศเริ่มใช้แล้ว
หุ้นเทคนิค:
AOT (B 57.50, Tp 60.00, Cut 57.00)
KBANK (B 206.00, Tp 213.00, Cut 204.00)
นักวิเคราะห์ : สุกิจ อุดมศิริกุล / สรพล วีระเมธีกุล / จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์
Research Department Tel. 02-658-5000