- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 25 September 2017 17:17
- Hits: 2426
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily
ภาพตลาดวันวาน
ดัชนีเปิดตัวลงตั้งแต่เปิดตลาด แกว่งตัวสลับขึ้นลงที่อยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน มีจุดสูงสุดของวันที่ 1670.29 จุด ลดลง 0.20 จุด ก่อนที่จะเผชิญแรงขายหนักจากหุ้นขนาดใหญ่ นำโดย AOT, PTT, KBANK, SCC, PTTEP กดดัชนีไหลลงทำจุดต่ำสุดของวันที่ 1658.26 จุด ลดลง 12.23 จุด ทำให้มีกรอบการเคลื่อนไหวทั้งวันที่ 12.03 จุด ก่อนดัชนีจะทำปิดที่ 1659.05 จุด ลดลง 11.44 จุด (-0.68%) มูลค่าการซื้อขาย 64,499 ล้านบาท
ภาพตลาดวันนี้
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีมีทิศทางของการชะลอตัวหลังจากที่ขึ้นทำ High ที่ 1678 ในสัปดาห์ก่อนหน้า โดยเป็นในลักษณะ Sideway ก่อนที่จะทิ้งตัวลงแรงในวันศุกร์ที่ผ่านมา มาทำ Low ที่ 1658 (SMA 10 วัน) และทำปิดที่ใกล้จุดต่ำสุดของวันที่ 1659 จุด จากภาพดังกล่าวทำให้ดัชนีมีแนวโน้มการปรับฐานที่ชัดเจนกว่าเดิมที่แกว่งตัวออกข้าง เนื่องจากภาพรายสัปดาห์ที่มีกราฟแท่งเทียนเตือนในเชิงลบ (Shooting Star) ทำให้มีโอกาสลงมาที่ 1634 จุดได้ แต่อย่างไรก็ตามระยะสั้นมีจังหวะดีดกลับเนื่องจาก Oversold ในภาพรายชม.มีแนวต้าน 1663-1667 จุด และแนวรับ 1650-1654 จุด
คาดเข้าสู่การปรับฐานที่ชัดเจน
Support 1660-1654 // 1634 จุด Resistance 1690-1700 จุด
พรรณนภา เขมะสุรัตน์ Technical Analyst
เลขทะเบียน : 060110 Tel 02- 6481124
Email: [email protected]
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
'ปรับฐานก่อน รอดู 1650'
ทิศทางตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ : ยังเป็นสัปดาห์ของการปรับฐานของตลาดหุ้น หลังขึ้นไปทดสอบ 1670 จุด คาดว่าจะลงมาเล่นในกรอบ 1650-1670 จุด ไปอีกระยะหนึ่ง แต่ขึ้นกับตัวแปรสำคัญๆ ในและต่างประเทศด้วยว่าจะดึงตลาดไปในทางใด ไม่ว่าจะเป็น การปรับพอร์ตนักลงทุน หรือสถานการณ์เกาหลีเหนือ กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีฯ 1650-1676 จุด
กลยุทธ์การลงทุน : เรามองตลาดปรับฐาน หากยืนต่ำกว่า 1670 จุดอีก นักลงทุนระยะยาวให้ลดพอร์ต สำหรับนักเก็งกำไรช่วงสั้น เราแนะในรอซื้อเมื่อตลาดฟื้นตัว .... การลงทุนในสัปดาห์นี้ อาจต้องเน้นเล่นสั้นไปก่อน โดยสลับกลุ่มเล่นแบบรายวันกันอีกครั้ง โดยน้ำหนักของกลุ่มที่เราให้ความสนใจมากที่สุด จะไปเน้นที่หุ้นมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว หุ้นที่ผลประกอบการ 3Q ที่จะออกมาดี และหุ้นที่ยังมีความ laggard อยู่ และควรระวังแรงขายทำกำไรช่วงสั้น หุ้นที่ P/E สูงๆ เช่นกลุ่มปิโตรเคมีขั้นต้น ที่ราคาขึ้นมามาก
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ : HTECH, TOP, WIIK*, BANPU, SNC*
หุ้นแนะนำเชิงเทคนิค MC, TWPC, FN , ALT
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
ภาพตลาดสัปดาห์ที่ผ่านมา
SET Index สัปดาห์ก่อนปิดที่ระดับ 1,659.05 จุด ปรับตัวขึ้นจากสัปดาห์ก่อนที่ -1.48 จุด หรือ +0.09% ตลาดมีแรงเทขายในช่วงวันสุดท้ายของสัปดาห์ โดยได้รับแรงกดดันจากภาพต่างประเทศ หลังการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯมีการส่งสัญญาณที่จะขึ้นดอกเบี้ยในช่วงปลายปีพร้อมทั้งเริ่มการลดขนาดงบดุลในช่วงเดือนตุลาคม
ปัจจัยที่ควรติดตาม
ปัจจัยต่างประเทศ 3 เรื่องที่ต้องติดตาม - 3 ประเด็นต่างประเทศที่ต้องติดตามได้แก่ สถานการณ์เกาหลีเหนือ, การเลือกตั้งเยอรมัน, และ การรายงาน GDP ไตรมาส 2 (Revise) ของสหรัฐฯ
1) สถานการณ์เกาหลีเหนิอ - ความตีงเครียดในพื้นที่แถบเกาหลีเหนือยังมีอยู่ มีการบรรลุข้อตกลงในการทำ sanction ต่อเกาหลีเหนือรอบใหม่ เรามองว่าช่วงสัปดาห์นี้ มีความเสี่ยงจากเกาหลีเหนือที่จะมีการทดสอบขีปนาวุธเพื่อตอบโต้มาตรการ sanction และสหรัฐฯส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดบินเหนือน่านฟ้าเกาหลีเหนือ ทำให้บรรยากาศลงทุนดูตึงเครียดมากขึ้น
2) การเลือกตั้งเยอรมัน - การเลือกตั้งประเทศเยอรมันจะเกิดขึ้นในวันที่ 24 ก.ย. เรามองประเด็นดังกล่าวจะสร้างผลบวกต่อตลาด เนื่องจากโอกาสที่พรรค CDU/CSU (นาง Angela Merkel เป็นหัวหน้าพรรค) จะชนะการเลือกตั้งมีสูง
3) การรายงานตัวเลข GDP สหรัฐฯ - วันที่ 28 ก.ย. สหรัฐฯจะมีรายงานตัวเลข GDP (Revise) ซึ่งตลาดคาดไว้ที่ 3.23% มองว่าไม่มีประเด็นอะไรจะสร้างความประหลาดใจต่อตลาด
ปัจจัยในประเทศติดตามการประชุม กนง. และการ preview งบแบงก์
1) การประชุม กนง. - การประชุม กนง. จะเริ่มวันที่ 27 ก.ย. ปัจจุบันเริ่มมีความเป็นไปได้ออกมาว่า กนง. จะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยลง อีกทั้ง ช่วงก่อนหน้านี้ กระทรวงการคลังมีการระบุว่า ธปท. ควรจะออกมาตรการบางอย่างเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ค่าเงินบาทแข็งค่าไปมากกว่านี้ เราจึงคาดว่ารายงานการประชุม กนง. อาจจะมีการประกาศมาตรการบางอย่างเพื่อให้สอดคล้องกับแนวคิดของกระทรวงการคลัง ซึ่งหากมีการปรับดอกเบี้ยลง จะเป็นลบต่อกลุ่มธนาคาร
2) การ preview หุ้นกลุ่มธนาคาร - ในสัปดาห์นี้ นักวิเคราะห์จะเริ่มมีการ preview งบการเงินไตรมาส 2 สำหรับหุ้นกลุ่มแบงก์ เริ่มจากหุ้น TISCO และ TCAP ซึ่งเรามีมุมมองเป็นบวกจากคาดการณ์สินเชื่อที่จะเติบโตขึ้นและการตั้งสำรองน้อยลง
Stock Picks of The Week (25 - 29 September 2017 )
HTECH : ราคาปิด 11.00 บาท ราคาเหมาะสม 10.30 บาท (มีแนวโน้มปรับประมาณการขึ้น)
มูลค่าส่งออกหน่วยขับจานบันทึกแบบแข็ง (Hard Disk Drives) สำหรับเดือนสิงหาคมออกมาที่ 622.91 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (+3.5% YoY, +17.4% MoM) เติบโตเพิ่มขึ้นมาก เราคาดผลประกอบของ HTECH ใน 3Q17 จะออกมาดีตามตัวเลขส่งออก
เรามองว่า HTECH มีแนวโน้มที่กำไรสุทธิในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตดี ซึ่งเป็นช่วง High season อีกทั้งอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องยังคงมีสัญญาญการเติบโตอยู่ ประมาณการกำไรสุทธิสำหรับปี 2017 เท่าเดิมที่ 159 ล้านบาท (+34.9% YoY)
ราคาพื้นฐานโดย KTBST ที่ 10.30 บาท (อยู่ระหว่างการปรับประมาณการขึ้นเนื่องจากมีความชัดเจนเรื่องการขึ้นโรงงานใหม่ข้างๆ โรงงานเก่าที่นิคมอุตสาหกรรมบางชัน)
TOP : ราคาปิด 92.00 บาท ราคาเหมาะสม 89.95 บาท
ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นได้ดี และคาดว่าจะทรงตัวเหนือกว่าระดับ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล จะเป็นผลดีกับ TOP ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมี stock gain ในงวด 3Q-17 และราคาน้ำมันดิบ Dubai ล่าสุด เทียบกับปลายงวด 2Q มีส่วนต่าง $8 เหรียญ หมายถึง โรงกลั่นน้ำมันน่าจะมีกำไรจาก stock น้ำมันในไตรมาสนี้ ขณะที่ค่าการกลั่นน้ำมันในตลาด นั้น 3Q (qtd) นั้นสูงกว่าเฉลี่ยของไตรมาสก่อนอยู่ $2 เหรียญ ที่ $7.9 เหรียญ/บาร์เรล
Bloomberg คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 18,140 ล้านบาท (-14.5% YoY) แต่คาดว่า consensus น่าจะปรับประมาณการขึ้นในอนาคตจากราคาน้ำมันและค่าการกลั่นน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น
ราคาพื้นฐานโดย Bloomberg ที่ 89.95 บาท
Weekly Portfolio (25 - 29 September 2017)
หุ้น เหตุผล
HTECH(ราคาปิด 11.00) มูลค่าส่งออกหน่วยขับจานบันทึกแบบแข็ง (Hard Disk Drives) สำหรับเดือนสิงหาคมออกมาที่ 622.91 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (+3.5% YoY, +17.4% MoM) เติบโตเพิ่มขึ้นมาก เราคาดผลประกอบของ HTECH ใน 3Q17 จะออกมาดีตามตัวเลขส่งออก โดยประมาณการกำไรสุทธิสำหรับปี 2017 เท่าเดิมที่ 159 ล้านบาท (+34.9% YoY) …. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 10.30 บาทแต่มีแนวโน้มปรับประมาณการขึ้น)
TOP(ราคาปิด 92.00) ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นได้ดี และคาดว่าจะทรงตัวเหนือกว่าระดับ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล จะเป็นผลดีกับ TOP ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมี stock gain ในงวด 3Q-17 และราคาน้ำมันดิบ Dubai ล่าสุด เทียบกับปลายงวด 2Q มีส่วนต่าง $8 เหรียญ หมายถึง โรงกลั่นน้ำมันน่าจะมีกำไรจาก stock น้ำมันในไตรมาสนี้ ขณะที่ค่าการกลั่นน้ำมันในตลาด นั้น 3Q (qtd) นั้นสูงกว่าเฉลี่ยของไตรมาสก่อนอยู่ $2 เหรียญ ที่ $7.9 เหรียญ/บาร์เรล…. (ราคาที่เหมาะสม โดย Bloomberg ที่ 89.95 บาท)
WIIK(ราคาปิด 4.58) เรามอง WIIK สามารถเริ่มรับรู้รายได้จากการบริการบริหารจัดการน้ำได้ โดยในช่วง 2Q17 บริษัทมีการรับรู้รายได้จากงานดังกล่าว 12.23 ล้านบาท อีกทั้งยังได้ผลบวกจากออร์เดอร์ท่อ HDPE จากเหมืองแร่ในอินโดฯ มูลค่า 2.19 ล้านเหรียญฯ รับรู้ช่วง 2H17
BANPU(ราคาปิด 17.40) ราคาถ่านหินปรับตัวขึ้นมามาก ล่าสุด $97 เหรียญ/ตัน ปัจจัยบวกมาจาก การผลิตถ่านหินของจีนที่ลดลง และยูเอ็น ban ส่งออกถ่านหินของเกาหลีเหนือ และสูงขึ้นตาม demand และราคาของเหล็ก ..... ความเสี่ยงที่ยังมีอยู่และกดดันต่อราคาหุ้น คือ คดีหงสา ความคืบหน้าล่าสุด มีเพียงคดีที่รัฐบาลลาวถูกฟ้องนั้นถูกยก (ไม่ฟ้อง) และทาง BANPU ระบุว่ายังไม่มีการส่งหมายเรียกจากศาลเพื่อให้ไปฟังคำตัดสิน .... เราคาดกำไรสุทธิปี 2017 ของ BANPU ที่ 9,692 ล้านบาท (+477.9% YoY) ….. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 23.00 บาท)
SNC(ราคาปิด 15.20) มองกำไรของ SNC จะสามารถกลับมาเติบโตได้ จากอัตรากำไรขั้นต้นที่คาดว่าจะสูงขึ้น, การคืนเงินกู้เพื่อลดดอกเบี้ย, และการขายหุ้นในบริษัทที่ไม่สร้างผลกำไรออกไป .... Bloomberg คาดกำไรสุทธิปี 2017 เติบโต +10% YoY ที่ 442 ล้านบาท และเติบโตอีก +4.7% ในปี 2018 ที่ 463 ล้านบาท .... (ราคาเหมาะสม โดย Bloomberg ที่ 15.40 บาท)
Analyst : Mongkol Puangpetra
+662 648 1123
[email protected]
Analyst
Nontapat Rushtasomboon
+662 648 1127
[email protected]