- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 01 September 2017 16:48
- Hits: 3693
บล.ทรีนีตี้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Today Selection >> AMATAV, BCH, EGCO
Stock S R Comment
AMATAV 7.60 8.00 คาด 3Q60 กำไร New High
BCH 14.50 15.00 ฝนยังตก คนยังป่วย แห่เข้าโรงพยาบาล
EGCO 230.00 236.00 COD 2 เพิ่มโรงใน 3Q60 หนุนรายได้กำไรโต
September market outlook
September : คาดการณ์ SET Index เดือนกันยายนแกว่งตัวในกรอบ 1570 - 1640 จุด ซึ่งหมายความว่ามี Downside มากกว่า Upside หากเทียบเคียงกับระดับดัชนีปัจจุบันที่ 1616 จุด มองว่าปัจจัยพื้นฐานไม่สนับสนุนการปรับตัวขึ้นของดัชนีในรอบนี้ แต่ดัชนีอาจยืนเหนือระดับ 1590 จุดได้ในระยะสั้น จากโมเมนตัมเชิงทางจิตวิทยาเชิงบวกที่เกิดขึ้น และความเป็น Laggard play ของ SET ในตลาดหุ้นเกิดใหม่ ในเชิงกลยุทธ์แนะนำถือเงินสดมากขึ้น แต่หากต้องลงทุนมองกลุ่มหุ้น Laggard มีความน่าสนใจ เช่น กลุ่มส่งออก และ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง สำหรับปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามดังนี้
1) การปรับลดประมาณการกำไร (EPS) ของบจ.ว่าจะยุติแล้วหรือไม่ หลังจากช่วงที่ผ่านมาซึมลงต่อเนื่อง จนล่าสุดประมาณการ EPS ปี 2017 และ 2018 อยู่ที่ระดับ 100.4 และ 110.8 บาทตามลำดับ ซึ่งหากเทียบเคียงกับดัชนีปัจจุบัน พบว่าซื้อขายที่ระดับ Forward PE 16.1 และ 14.6 เท่าเข้าไปแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่สูงมากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยระยะยาว
2) ตัวเลขภาคการผลิตทั่วโลกประจำเดือนสิงหาคมของประเทศสำคัญ ซึ่งหากยังอยู่ในเกณฑ์ดี ประเมินจะเป็นปัจจัยเชิงบวกต่อราคาโภคภัณฑ์ในกลุ่มโลหะอุตสาหกรรม ตลาดหุ้นเกิดใหม่ และราคาหุ้นในกลุ่มวงจรเศรษฐกิจ (Cyclical) เช่น พลังงาน ปิโตรเคมี และเดินเรือ โดยล่าสุดจีนรายงานตัวเลขดังกล่าวออกมาแล้ว พบว่าดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และถือเป็นเดือนที่ 13 ติดต่อกันที่อยู่ในระดับขยายตัว
3) การประชุมของธนาคารกลางสำคัญทั่วโลก ทั้ง ECB และ Fed ซึ่งล่าสุดตลาดคาดการณ์ว่า ECB อาจมีการให้รายละเอียดเกี่ยวกับแผนการลดวงเงิน QE ในการประชุมครั้งนี้ และคาดว่า Fed จะยังไม่มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ หากในที่ประชุมทั้งสองมีการส่งสัญญาณที่คลาดเคลื่อนไปจากนี้ อาทิเช่น ECB ยังไม่ประกาศลดวงเงิน QE หรือ Dot plots ของ Fed ยังคงยืนยันการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในปีนี้ มองจะเป็นปัจจัยทำให้ค่าเงิน EUR และ USD มีการกลับทิศได้
4) พัฒนาการทางด้านการเมืองสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเข้าใกล้การประชุมสภาฯนัดสำคัญ ทั้งการอนุมัติแผนงบประมาณประจำปี การพิจารณาเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะ และการอนุมัติแผนปฏิรูปภาษี หากยังคงมีความวุ่นวายเกิดขึ้น มองจะเป็นปัจจัยกดดันต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และทำให้สกุลเงินเกิดใหม่ปรับตัวแข็งค่าต่อไป แต่หากผ่านพ้นไปได้ด้วยดี จะเป็นปัจจัยบวกต่อเงินดอลลาร์ฯที่สำคัญ
5) ปัจจัยสุดท้ายได้แก่ปัจจัยรบกวน (Noise) ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกขณะ ได้แก่ข้อพิพาทระหว่างเกาหลีเหนือและชาติตะวันตกเกี่ยวกับประเด็นการทดสอบขีปนาวุธ รวมถึงการก่อการร้าย ที่อาจทำให้นักลงทุนมีการโยกย้ายเม็ดเงินเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น
Farm income : จับตาการหดตัวครั้งแรกของรายได้เกษตรกร (Farm income) ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา (-2.6%) นับเป็นการหดตัวครั้งแรกของปีนี้ โดยเกิดจากหดตัวทางด้านราคาเป็นหลัก (-15.6%) ซึ่งเคยเป็นสิ่งที่เราย้ำเตือนเอาไว้ว่าเป็นความเสี่ยงจากปัญหาเงินเฟ้อต่ำที่เกิดขึ้นขึ้น และจะส่งผลกระทบทำให้ประชาชนระมัดระวังการใช้จ่ายในช่วงถัดไป มองกลุ่มหุ้นที่มีความเสี่ยงจากปัจจัยดังกล่าวได้แก่กลุ่มที่อิงกับการบริโภคในประเทศ เช่น กลุ่มค้าปลีก (โดยเฉพาะสินค้าฟุ่มเฟือย) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ กลุ่มธนาคาร และกลุ่มอสังหาฯ เป็นต้น แนะนำติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของไทยประจำเดือนสิงหาคมที่จะออกมาในวันนี้ หากยังอยู่ในระดับต่ำ มองว่าจะกดดันหุ้นกลุ่มเหล่านี้ต่อไป
กลยุทธ์การลงทุน : แนะนำ Wait & See หลังจากลดพอร์ทการลงทุนไปแล้วในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากยังไม่เห็นปัจจัยสนับสนุนใดๆทางด้านพื้นฐาน อย่างไรก็ดีหากจำเป็นต้องลงทุน แนะนำโฟกัสกลุ่มหุ้น Laggard ที่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับได้แก่
1) กลุ่ม Export-oriented (YTD performance -5% โดยเฉลี่ย) ที่น่าจะได้ประโยชน์หากเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าในช่วงถัดไป ได้แก่ CPF, TU, HANA, SVI
2) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (YTD performance -8% โดยเฉลี่ย) ที่น่าจะได้ประโยชน์จากโครงการลงทุนภาครัฐที่มีความชัดเจนมากขึ้น ได้แก่ CK, STEC, UNIQ, SEAFCO
แนวรับ 1,604 แนวต้าน 1,622
Today's Event :
CTARAF XD 0.071 บาท
EGCO XD 3.50 บาท
GOLDPF XD 0.20 บาท
KPNPF XD 0.115 บาท
MJLF XD 0.225 บาท
PLE ลูกหุ้นเข้า 170,000,000 หุ้น
BCPG ลูกหุ้นเข้า 786,639 หุ้น
III เข้าซื้อขายเป็นวันแรก (604.5mn sh @ Bt. 4.80) หมวดขนส่งและโลจิสติกส์
นักวิเคราะห์ : ณัฐชาต เมฆมาสิน, CFA, FRM (ID: 31379)
E-mail: [email protected]