- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 30 August 2017 15:28
- Hits: 1030
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
ความกลัวปัญหาเกาหลีเหนือผ่อนคลาย
คาดหุ้นไทยเดินหน้าต่อวันนี้ หลังปิดพุ่งแรงมากเมื่อวาน สอนทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลกที่ต่างร่วงแรงเพราะกลัวปัญหาเกาหลีเหนือ วันนี้หนุนโดนความกลัวผ่อนคลายจนทำให้หุ้นสหรับกลับมาปิดบวกเมื่อคืน และทำให้ตลาดอื่น ๆ เปิดบวกเช้านี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ตอบโต้เปียงยางเอพียงแค่ว่า เตรียมทุกทางเลือกสำหรับเกาหลีเหนือไว้แล้วรวมทั้งการใช้กำลังทหารในขณะที่ยังต้องไปพะวงกับปัญหาความเสียหายจากพายุเฮอริเคน ฮาร์วีย์ ปัจจัยภายในวันนี้ก็เป็นบวกสภาพัฒน์มอง GDP ปีนี้โต 3.7% และปีต่อ ๆ ไปอาจไปได้ 5% รัฐบาลออกมาตรการช่วยผู้มีรายได้น้อยอีกรวมมูลค่า 4.2 หมื่นล้าน ซึ่งจะช่วยเพิ่มอำนาจซื้อของประชาชน
หุ้นเด่นวันนี้ : KKP (ราคาปิด 70.75 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมายปี 60 ของ AWS 79.00 บาท)
ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) เป็นหุ้นแนะนำในวันนี้จากอัตราเงินปันผลตอบแทนที่น่าสนใจมากและแนวโน้มสินเชื่อที่คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง KKP ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับงวดดำเนินงานครึ่งแรกของปี 60 ที่ 2 บาท/หุ้น หรือเท่ากับอัตราเงินปันผลตอบแทนครึ่งปีที่ 2.8% หรือ 5.7% ต่อปี มีกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 5 ก.ย. 2560 ซึ่งยังมีเวลาสำหรับนักลงทุนในการเก็บสะสม นอกเหนือจากนั้น เราชื่นชอบ KKP จากการที่ธนาคารแสดงการเติบโตสินเชื่อต่อเนื่องที่ 3.1% YoY และ 2.8% YTD ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 60 หนุนโดยสินเชื่อรายย่อยที่ไม่ใช่กลุ่มเช่าซื้อ เราคาดแนวโน้มสินเชื่อของธนาคารจะเร่งตัวขึ้นในช่วงที่เหลือของปี หนุนโดยสภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นและการเร่งการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ เราประมาณการสินเชื่อปี 60 เติบโต 8% ฟื้นตัวจากที่หดตัวในช่วง 3 ปีก่อนหน้า
เราคาดการณ์กำไรสุทธิจะเติบโต 6.9% ในปี 60 และ 7.3% ในปี 61 Price Pattern ของ KKP ยังมีความแข็งแกร่งทั้งในระยะสั้นและระยะกลางจากการเกิดทั้ง DaiIy & WeekIy Buy SignaI โดยหาก Price Pattern ของ KKP สามารถปิดตลาดรายเดือนได้เหนือ 71.50 บาท ก็จะทำให้กลับมาเกิด MonthIy Buy SignaI ครั้งใหม่ ซึ่งจะเป็นการยืนยันถึงแนวโน้มหลักของ KKP ที่อยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ KKP มีเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 81 บาท และมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ 100 บาท ตามลำดับ ทั้งนี้ KKP มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 66.25 บาท (Resistance: 71.25, 71.75, 72.75; Support: 70.50, 70.00, 69.00)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
สศช. ยืนยัน GDP Growth ปี 2560 ที่ 3.7% และอาจเพิ่มขึ้นถึง 5% ในปีถัดๆ ไป ซึ่งสอดคล้องกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างค่อยเป็นค่อยไปและการส่งออกที่ดีขึ้น (Thaipost)
มติคณะรัฐมนตรีออกมาตรการใหม่เพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย มูลค่า 4.19 หมื่นล้านบาทให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. เป็นต้นไป มาตรการดังกล่าวรวมถึงรวมการขึ้นรถโดยสารสาธารณะและรถไฟฟรี และการอุดหนุนค่าสาธารณูปโภค (Bangkok Post)
คณะรัฐมนตรีอนุมัติแผนพัฒนาอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ โดยสนับสนุนด้วยเงินลงทุนไม่เกิน 200,000 ล้านบาท ระยะเวลา 5 ปีภายใต้วิสัยทัศน์เทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (ThaiIand 4.0) นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายในการใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในภาคการผลิตและภาคบริการ (Bangkok Post)
การค้าชายแดนไทยช่วง 7 เดือนแรกเพิ่มขึ้น 5.51% เป็น 618 พันล้านบาท นำโดยการค้ากับมาเลเซีย ตามด้วยลาวพม่า และเวียดนามตามลำดับ (ไทยรัฐ)
ต่างประเทศ :
ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลียิ่งระอุ นายคิมจองอึน ประธานาธิบดีเหตุเกาหลีกล่าวในวันนี้ว่าเกาหลีเหนือได้ทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยกลาง (IRBM) เมื่อวานนี้เพื่อตอบโต้การฝึกซ้อมรบทางทหารระหว่างสหรัฐกับเกาหลีใต้ ซึ่งเขามองว่าเป็นการเตรียมรุกรานเกาหลีเหนือ เพื่อตอบโต้ต่อการกระทำของเกาหลีเหนือครั้งล่าสุด ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์เผยว่ากำลังพิจารณาวิธีการต่าง ๆ รวมทั้งการดำเนินการทางการทหาร (Reuters)
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลงเมื่อวันอังคาร หลังจากเกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธข้ามญี่ปุ่น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีปรับตัวลงถึงระดับ 2.086% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. ก่อนจะดีดกลับมากที่ระดับ 2.10% (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าต่ำสุดในรอบ 2 ปีครึ่งเทียบกับสกุลเงินหลักเมื่อวันอังคาร หลังจากเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธข้ามญี่ปุ่นก่อให้เกิดกระแสเงินไหลกลับเข้ามาซื้อเงินเยน ดัชนีค่าเงินดอลลาร์แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่กลางเดือนม.ค. 58 ที่ระดับ 91.621 ก่อนปิดที่ระดับ 92.328 (Reuters)
สหรัฐ :
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกเมื่อวันอังคาร โดยดัชนีหลัก ๆ ปิดบวก ฟื้นตัวหลังจากที่ดิ่งลงแรงในช่วงต้นของการซื้อขายจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดที่ลุกลามในคาบสมุทรเกาหลีที่อาจเพิ่มขึ้น (Reuters)
น้ำท่วมจากพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ทำให้ความสามารถในการกลั่นน้ำมันของโรงกลั่นในสหรัฐลดลงเกือบ 1 ใน 5 เนื่องจากพายุดังกล่าวค่อย ๆ เคลื่อนตัวสู่ใจกลางของอุตสาหกรรมปิเตรเคมีสหรัฐ โดยที่ความสามารถในการกลั่นน้ำมันอย่างน้อยที่สุด 3.6 ล้านบาร์เรลต่อวันถูกตัดออกในรัฐเท็กซัสและหลุยเซียน่า โรงกลั่นจะสามารถกลับมาดำเนินการได้ตามปกติแม้แต่ในสถานการณ์ที่ดีที่สุดอาจต้องใช้เวลา 1 สัปดาห์หรือมากกว่านั้น (Reuters)
ยุโรป :
หุ้นยุโรปร่วงสู่จุดต่ำสุดในรอบ 6 เดือน เนื่องจากความกังวลปัญหาการเมืองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น หลังจากเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธเข้าใกล้ทางตอนเหนือของญี่ปุ่น (Reuters)
เอเชีย :
ยอดค้าปลีกของญี่ปุ่นชะลอตัวลงในเดือนกรกฎาคม แต่นักเศรษฐศาสตร์ยังคงมุมมองเป็นบวกต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคจะเร่งตัวขึ้นเนื่องจากตลาดแรงงานที่ตึงตัว ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 1.9%YoY ในเดือนกรกฎาคม ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 1.0% YoY แต่ก็ยังช้ากว่าการปรับขึ้น 2.2% ในเดือนพฤษภาคม (Reuters)
ดัชนีตลาดหุ้นจีนปรับตัวลงเล็กน้อยในวันอังคาร ถือเป็นการพักตัวหลังจากการเพิ่มขึ้นโดดเด่นในวันก่อน โดยนักลงทุนจีนไม่ได้ให้ความสนใจต่อกรณีเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธของข้ามญี่ปุ่น การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นจีนส่วนใหญ่เกิดจากปัจจัยภายในประเทศ ทั้งนี้นักลงทุนกำลังรอผลประกอบการของบริษัทในช่วงปลายเดือนและตัวเลขล่าสุดเกี่ยวกับภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการของจีน (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันดิบร่วงวานนี้ หลังจากพายุเฮอริเคนฮาร์วีย์ส่งผลให้มีการปิดกำลังการกลั่นน้ำมันกว่า 20% ของสหรัฐ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ลดลง 7 เซนต์อยู่ที่ 51.82 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 24 เซนต์อยู่ที่ 46.33 ดอลลาร์ (Reuters)
ราคาทองปรับตัวใกล้ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย. หลังจากเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธเหนือญี่ปุ่น ราคาทองคำตลาดจรปรับตัวขึ้น 0.4% อยู่ที่ 1,314.52 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากแตะระดับสูงสุดที่ 1,325.93 ดอลลาร์เมื่อเดือน พ.ย. ราคาทองล่วงหน้าปรับเพิ่มขึ้น 0.3% อยู่ที่ 1,318.90 ดอลลาร์ (Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 0-2680-5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 0-2680-5090
Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No. 17385) Tel: 0-2680-5077
MISS. Veeraya Rattanaworatip (No.86645) Tel: 0-2680-5042