- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 29 August 2017 15:49
- Hits: 1729
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
ตามตลาดภูมิภาค? คาดมีโอกาสปรับลดลงตามตลาดภูมิภาค ภายใต้ความกังวลสถานการณ์เกาหลีเหนือ หลังเช้านี้ยิงขีปนาวุธข้ามประเทศญี่ปุ่นก่อนไปตกมหาสมุทรแปซิฟิก นอกชายฝั่งเกาะฮอกไกโด
ขณะที่คาดตลาดส่วนใหญ่ให้น้ำหนักไปที่ยังประเด็นเดิม โดยเฉพาะความไม่แน่นอนทางการเมืองของสหรัฐฯ ที่อาจทำให้เกิดเหตุการณ์ Shutdown หากสภาคองเกรสไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการจัดทำงบประมาณการชั่วคราว รวมถึงงบประมาณสร้างกำแพงกั้นเม็กซิโก และการดำเนินงานนโยบายต่างๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น การปฏิรูปภาษี เป็นต้น
ทางด้านปัจจัยในประเทศ ยังไม่มีประเด็นชี้นำใหม่ๆ (-) Fund Flow ซึ่งภาพรวมยังมีความผันผวน จากแรงซื้อ/ขายสุทธิสลับกัน และ YTD ยอดขายสุทธิสะสมเพิ่มเป็น 4,661 ล้านบาท อย่างไรก็ตามเงินบาท ยังคงแข็งค่าต่อเนื่องในรอบเกือบ 2 ปี ส่วนราคาน้ำมันที่ทรงตัวอยู่ในระดับ 45 - 50 USD/bbl คาดส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน เช่น PTT และ PTTEP เป็นต้น
ส่วนประเด็นทางการเมือง โดยเฉพาะคดีโครงการรับจำนำข้าว ที่มีการเลื่อนฟังคำพิพากษาจาก 25/8/60 เป็น 27/9/60 หลังอดีตนายกฯ ไม่มาฟังคำพิจารณา ซึ่งคาดทำให้สถานการณ์มีความคลี่คลายลงระดับหนึ่ง
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มอาหาร ได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น BR เป็นต้น
(2) กลุ่มธนาคาร ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย เช่น BBL, KBANK
(3) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น
(4) กลุ่มพลังงาน เช่น TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น และ PTT ที่ผลการดำเนินงานยังมีความแข็งแกร่งต่อเนื่อง
(5) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วง 2Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น MONO และ WORK
(6) กลุ่มท่องเที่ยว ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว เช่น CENTEL, MINT
(7) กลุ่มขนส่ง ยังได้รับผลดีจากการท่องเที่ยว เช่น AOT ส่วนที่ได้รับผลดีจากดัชนีค่าระวางเรือที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง เช่น PSL
SET SET50 SET100
1,585.79 +9.94 1,010.57 +7.40 2,265.82 +16.30
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-/+) ตลาดต่างประเทศ DJIA -5.27, NASDAQ +17.37, S&P +1.19, FTSE -5.60, CAC -24.58 และ DAX -44.47 ภายใต้การซื้อขายที่ซบเซา จากความกังวลเกี่ยวกับผลระทบของพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ ซึ่งพัดถล่มรัฐเท็กซัส และส่งผลให้เกิดน้ำท่วมหนัก รวมถึงสร้างความเสียหายต่อพื้นที่ประสบภัยหลายแห่ง โดยเฉพาะเมืองฮุสตัน ซึ่งเป็นเมืองขนาดใหญ่อันดับ 4 ของสหรัฐฯ และส่งผลต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน และกลุ่มประกันปรับลดลง
อย่างไรก็ตามยังคงได้รับปัจจัยกดดันจาก ความไม่แน่นอนทางการเมืองของสหรัฐฯ ทั้งการจัดทำงบประมาณชั่วคราวสำหรับการบริหารงานของรัฐบาล ก่อนที่หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐหลายแห่งก็ต้องปิดตัวลง เนื่องจากรัฐบาลขาดงบประมาณในการบริหารประเทศ และการดำเนินงานนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการปฏิรูปภาษี ที่ล่าสุดส่งสัญญาณที่ดี โดยปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ จะเริ่มต้นทำการรณรงค์เกี่ยวกับการปฏิรูปภาษีในสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ต.ค. -US$1.30 อยู่ที่US$46.57 ต่อบาร์เรล จากความรุนแรงของพายุเฮอร์ริเคน "ฮาร์วีย์" ส่งผลให้โรงกลั่นหลายแห่งในรัฐเท็กซัสต้องปิดดำเนินงาน และมีผลกระทบต่อการผลิตเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นเหตุให้น้ำมันดิบที่รอเข้าสู่กระบวนการกลั่นเป็นเชื้อเพลิงนั้น มีปริมาณสูงขึ้น
ขณะที่จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐฯ ล่าสุด ลดลง 4 แท่น อยู่ที่ 759 แท่น
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
16.83 1.91 3.04
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 39,261.52
สถาบัน 453
บัญชีหลักทรัพย์ 617.32
ต่างประเทศ -1,924.53
ในประเทศ 854.21
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.01 อยู่ที่ 2.16%(ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.04 อยู่ที่ 11.32
หุ้นแนะนำ : SPALI
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร. 02-684-8788