- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 25 August 2017 15:37
- Hits: 14773
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
เลือกซื้อเมื่อ SET เหนือ 1570
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : SVI ถือ (จากเดิม Fully Valued)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ SET Index ปิดบวกเล็กน้อย (+2.58 จุดปิดที่ 1575.96) โดยตลาดยังรอดูผลการตัดสินคดีทุจริตจำนำข้าวและซื้อขายข้าวจีทูจี และสถานการณ์การเมืองต่างประเทศ ทั้งในสหรัฐและคาบสมุทรเกาหลี ต่างชาติขายสุทธิต่อ 1.8 พันลบ. ส่วนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิต่อเช่นกัน 3.3 พันลบ.
ประเด็นสำคัญวันนี้ : ปัจจัยต่างประเทศ-นักลงทุนรอผลประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟดที่เจคสัน โฮล ช่วงวันที่ 24-26 ส.ค.นี้ว่าจะมีสัญญาณเกี่ยวกับการลดงบดุลของสหรัฐ แผนยุติโครงการ QE ของธนาคารกลางยุโรป ญี่ปุ่น หรือไม่ อย่างไร รวมทั้งดูทีท่าของสภาคองเกรสเกี่ยวกับร่างงบประมาณสหรัฐที่มีงบฯสร้างกำแพงสหรัฐ-เม็กซิโกรวมอยู่ด้วย การขยายเพดานหนี้ และการปฎิรูปภาษี อย่างไรก็ตามตลาดมีความหวังว่าการปฎิรูปภาษีและการขยายเพดานหนี้จะเกิดขึ้นภายในปีนี้
ปัจจัยในประเทศ -วันนี้ (25 ส.ค.60) ศาลจะมีคำพิพากษาตัดสินคดีรับจำนำข้าว & ขายข้าวจีทูจี อย่างไรก็ตาม รัฐธรรมนูญปี 60 เปิดทางให้ทางฝั่งจำเลยยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วันหากศาลตัดสินว่ามีความผิด ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองจึงมองว่าเรื่องนี้อาจจะยังไม่ถึงจุดแตกหักในวันนี้ ส่วนกรณีถ้าจำเลยมารับฟังคำตัดสินไม่ครบ ศาลมีสิทธิที่จะอ่านหรือไม่อ่านคำพิพากษาก็ได้
กลยุทธ์ลงทุน : โดยหลักยังเป็นการ Selective Buy โดยเน้นไปยังหุ้นพื้นฐานดี กำไรมีแนวโน้มเติบโตแกร่ง & หุ้นที่ธุรกิจมั่นคง จ่ายปันผลดีและสม่ำเสมอ ซึ่งหุ้นกลยุทธ์แนะนำสัปดาห์ (23-30 ส.ค.) เป็น COM7 (Growth Play), KBANK (Value Play)
+ KKP : ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 2.00 บาท/หุ้น กำหนด XD 5 ก.ย.60 ชำระเงิน 22 ก.ย.60 คิดเป็น Interim dividend yield 2.9% ซึ่งเป็นไปตามคาด สำหรับปันผลที่เหลือของปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 3-4 บาท/หุ้น นับว่า KKP เป็นหุ้นปันผลเด่นมากในกลุ่มแบงค์ ด้านผลดำเนินงานปีนี้คาดว่าจะคล้ายๆ กับธนาคารอื่นๆ คือ มีการเติบโตจำกัดเพราะต้องระมัดระวังในช่วงเศรษฐกิจซบเซา แนะซื้อ ให้ TP 78 บาท
วิเคราะห์ทางเทคนิค : ตลาดเป็นบวกเล็กๆ เน้นซื้อตามค่าบวก แนวต้าน 1580-1590 จุด Stop loss ถ้าต่ำกว่า 1570 โดยมีแนวรับ 1560-1550 สำหรับการ SCAN หุ้นที่คาดว่าราคาจะทำ New High ได้ พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่เป็น TISCO, TPOLY, BDMS, BCH, MALEE หุ้นยังอยู่ใน List คือ IRPC, PDI, WORK หุ้นหลุด List ได้แก่ HTECH ส่วนหุ้นแนะนำที่ให้หาจังหวะขายทำกำไรเป็น BEM, ESSO, SUPER
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมันและทองคำ
• สหรัฐ : ยอดขายบ้านมือสองก.ค.ลดลง MoM ส่วนภาคแรงงานยังแข็งแกร่ง
# ยอดขายบ้านมือสองร่วงลง 1.3%MoM ในเดือนก.ค. สู่ระดับ 5.44 ล้านยูนิต สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.9%MoM
# จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 2,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 234,000 ราย โดยต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 238,000 ราย
• ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : วิตกการเมืองสหรัฐ & จับตาประชุม "แจ็กสัน โฮล"
# ในสหรัฐมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางการเมืองหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ชัตดาวน์หน่วยงานรัฐถ้ารัฐบาลไม่อนุมัติงบประมาณซึ่งรวมถึงการสร้างกำแพงสหรัฐและเม็กซิโก และขยายเพดานหนี้สาธารณะที่ปัจจุบันอยู่ที่ 19.9 ล้านล้านUS$
# นายพอล ไรอัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ได้ออกมาแสดงความเชื่อมั่นว่ามาตรการปฏิรูปภาษีจะผ่านความเห็นชอบของสภาคองเกรสในปีนี้ และเชื่อว่า ท้ายที่สุดแล้วสภาคองเกรสจะมีมติให้เพิ่มเพดานหนี้
# นักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮล โดยคาดหวังว่าถ้อยแถลงของผู้เข้าร่วมการประชุมจะส่งสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินในปีนี้
# ดัชนี DJIA ปิด -28.69 จุด หรือ -0.13% ดัชนี S&P500 ปิด -5.07 จุด หรือ -0.21% และดัชนี Nasdaq ปิด -7.08 จุด หรือ -0.11%
- ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาอ่อนลง
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 98 เซนต์ หรือ 2% ปิดที่ 47.43 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ลดลง 53 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 52.04 ดอลลาร์/บาร์เรล
# ทั้งนี้มีข่าวว่าพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์เตรียมพัดถล่มชายฝั่งสหรัฐในรัฐเท็กซัสและหลุยเซียนา ซึ่งทำให้โรงกลั่นน้ำมัน 2 แห่งในรัฐเท็กซัสต้องปิดการดำเนินงาน อุปสงค์น้ำมันดิบอาจลดลงในช่วงสั้น
-/• ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก : ราคาอ่อนลงเล็กน้อย
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 2.7 ดอลลาร์ หรือ 0.21% ปิดที่ระดับ 1,292 ดอลลาร์/ออนซ์ จับตาผลประชุมที่แจ็กสัน โฮลช่วง 24-26 ส.ค.นี้
ปัจจัยในประเทศ และหุ้นมีข่าว
+ เศรษฐกิจไทย : ธนาคารโลกปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 60 เติบโต 3.5% และปีหน้าโต 3.6%
# ธนาคารโลกคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 60 จะเติบโตได้ 3.5% (เดิม 3.2%) และโตต่อเนื่องอีก 3.6% ในปี 61 ทั้งนี้มองว่าไทยยังมีศักยภาพที่จะทำให้เศรษฐกิจโตได้เกิน 4% ถ้ามีการแก้ไขข้อติดขัดเชิงโครงสร้างในเรื่องคุณภาพการศึกษา การเปิดเสรีภาคบริการ และการจัดการโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ
# ความเสี่ยงต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ได้แก่ ความไม่แน่นอนทางการเมือง หากการปฎิรูปและการเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไป รวมทั้งสภาพแวดล้อมของเศรษฐกิจโลกถดถอย เช่น มาตรการป้องกันทางการค้า การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกไทยและการฟื้นตัวของการลงทุนในภาคเอกชน
• การเมืองไทย : วันนี้ (25 ส.ค.60) ตัดสินคดีทุจริตรับจำนำข้าวและซื้อขายข้าวแบบจีทูจี
# วันนี้ (25 ส.ค.60) ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดอ่านคำพิพากษาคดีทุจริตรับจำนำข้าวที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นจำเลย และคดีซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ซึ่งมีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์, นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เป็นจำเลยร่วมกับข้าราชการการเมือง ข้าราชการระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์ และภาคเอกชนรวม 28 ราย
# กรณีถ้าจำเลยมารับฟังคำพิพากษาไม่ครบ ศาลฯมีสิทธิที่จะอ่านคำพิพากษาหรือไม่ก็ได้
# ด้านนักวิชาการด้านการเมืองระบุว่ายังไม่อาจคาดเดาผลของคดีนี้ได้ เพราะมองว่าสามารถออกได้ทุกทาง แต่เรื่องนี้ยังไม่จบ และวันที่ 25 ส.ค.จะยังไม่ถึงจุดแตกหัก เพราะคู่ความยังมีความหวังที่จะอุทธรณ์คดีต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้ภายใน 30 วันหลังจากที่ศาลฯมีคำพิพากษา ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญปี 60 มาตรา 195 วรรคสี่ ให้โอกาสคู่ความสามารถต่อสู้คดีได้อีกเฮือกหนึ่ง (ที่มา : อินโฟเควสท์)
นักกลยุทธ์&นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค& Reseach Team – [email protected]