- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 25 August 2017 15:23
- Hits: 2104
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily
ภาพตลาดวันวาน
ดัชนีเปิดตัวยืนบวกเล็กน้อย พร้อมกับแกว่งตัวผันผวนแคบ ๆ ที่ยืนบวกได้ตลอดทั้งวัน มีจุดต่ำสุดของวันที่ 1572.10 จุด ลดลง 1.28 จุด ก่อนที่จะดีดกลับขึ้นมาช่วงบ่ายจากแรงซื้อหุ้นในกลุ่มการแพทย์ และขนส่ง ขึ้นทำจุดสูงสุดของวันที่ 1577.98 จุด เพิ่มขึ้น 4.60 จุด ทำให้มีกรอบการเคลื่อนไหวทั้งวันที่ 5.88 จุด ทั้งนี้หุ้นที่มี Impact ต่อการปรับตัวขึ้นของดัชนีได้แก่ BDMS, BH, AOT, BEM, KKP, BPP, MEGA ก่อนดัชนีจะทำปิดที่ 1575.96 จุด เพิ่มขึ้น 2.58 จุด (+0.16%) มูลค่าการซื้อขาย 37,566 ล้านบาท
ภาพตลาดวันนี้
ดัชนีวานนี้กลับมาเดินหน้าขยับทำ High ต่อที่ 1577.98 จุด พร้อมกับแกว่งตัวแคบ ๆ ยืนบวกได้ตลอดทั้งวัน และทำปิดที่ 1575 จุด ด้วยกราฟแท่งเทียนที่มีลักษณะยก High-Low ได้อย่างต่อเนื่อง จนกลับขึ้นมายืนเหนือกลุ่มเส้นค่าเฉลี่ย (5/10/25/75 วัน) หรือ 1574 จุด ทำให้ Momentum ของการขึ้นในลักษณะการขยับ High ได้เรื่อย ๆ นั้นยังมีอยู่ มองแนวรับ 1570-1573 จุด แนวต้าน 1578-1580 จุด
แกว่งตัวผันผวน - ในกรอบจำกัด ที่ยังคาดหวังการขยับ High ต่อ
Support 1550-1554 // 1535 จุด Resistance 1574 // 1580-1583 จุด
พรรณนภา เขมะสุรัตน์
Technical Analyst
เลขทะเบียน : 060110
Tel 02- 6481124
Email: [email protected]
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
'รอฟังผลคดีจำนำข้าว'
ทิศทางตลาดหุ้นไทย : คาดการซื้อขายจะเบาบางและผันผวน ..... ทั้งนี้ นักลงทุนจะรอดุการแถลงของประธานธนาคารกลางทั้งสองแห่ง ที่ส่งผลให้การซื้อขายน้อยลง รวมทั้งการประกาศคำตัดสินคดีจำนำข้าว ที่จะเริ่มขึ้น 9.00 น. จะทำให้นักลงทุนเฉพาะตลาดหุ้นไทยรอคอยผลการตัดสิน และจะมีผลต่อตลาดหุ้นไทยตามคำตัดสินออกมา ซึ่งจะเป็นได้ทั้งบวกและลบ
กลยุทธ์การลงทุน : ภาพรวมเป็นชะลอการลงทุน ผลของการแถลงของประธาน Fed และ ECB จะมีผลต่อไทยในวันจันทร์ และควรตามผลคดีจำนำข้าวในวันนี้เพื่อประกอบการตัดสินใจ เนื่องจากมีผลต่อตลาดวันนี้มากกว่าปัจจัยตัวอื่น หรือสลับไปเก็งกำไรช่วงสั้นในหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มผลประกอบการ หรือข่าวเฉพาะตัว ซึ่งจะเป็นหุ้นที่นักลงทุนจับเป็นประเด็นมาเล่นกันในช่วงนี้
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ประจำวัน : สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิ SVI, SAWAD, RJH, MEGA*, MINT
หุ้นแนะนำเชิงเทคนิค : MALEE ,SVI ,INGRS
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
บทวิเคราะห์และความเห็นข่าวสำคัญ
(+) SVI คาดกำไรครึ่งปีหลังเติบโตจากลูกค้าที่เพิ่มขึ้นมาก
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (24 ส.ค.) ปิดที่ระดับ 1,575.96 จุด เพิ่มขึ้น 2.58 จุด หรือ +0.16% มูลค่าการซื้อขาย 37,566.40 ล้านบาท ตลาดปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ตลาดกำลังติดตามผลการตัดสินคดีจำนำข้าวที่จะเกิดขึ้นในวันนี้
ตลาดหุ้นต่างประเทศ ตลาดหุ้นนิวยอร์ค ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 21,783.40 จุด ลดลง 28.69 จุด หรือ -0.13% นักลงทุนชะลอการลงทุนรอฟังผลการประชุมแจ็กสันโฮล อีกทั้งประเด็นการเมืองยังคงเป็นลบจากที่ทรัมป์ได้เปิดฉากโจมตีแกนนำสภาคองเกรสในประเด็นการปรับเพิ่มเพดานหนี้ .... ด้าน Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น +0.2% ปิดที่ 374.51 จุด
ราคาน้ำมันดิบเป็นลบจากพายุเฮอร์ริเคน "ฮาร์วีย์" ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 98 เซนต์ หรือ -2% ปิดที่ 47.43 ดอลลาร์/บาร์เรล .... จากมีรายงานว่า พายุเฮอร์ริเคน "ฮาร์วีย์" จะพัดถล่มชายฝั่งสหรัฐในรัฐเท็กซัส ส่งผลให้มีการปิดโรงกลั่นน้ำมัน 2 แห่งในรัฐเท็กซัส .... เป็นประเด็นลบใหม่ต่อราคาน้ำมันดิบ เรายังมองราคาน้ำมันดิบจะทรงตัวในระดับที่ต่ำกว่า 50 ดอลลาร์/บาร์เรลต่อไป โดยผลลบจากการผลิตของ OPEC ที่เยอะกว่าที่แถลงก่อนหน้านี้ยังคงมีอยู่
ปัจจัยต่างประเทศเป็นลบ การเมืองสหรัฐฯยังคงเป็นลบต่อเนื่อง ซึ่งนายโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความ ระบุว่า ความวุ่นวายในสภาคองเกรสเป็นสิ่งที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ถ้าหากแกนนำในสภาทำตามคำแนะนำของเขา ในขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆของทรัมป์ เช่น นโยบายลดภาษีนิติบุคคล, มาตรการเฮลท์แคร์ ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะออกมาในช่วงเวลาอันสั้นนี้ .... การประชุมเศรษฐกิจประจำปีของ Fed ที่เมืองแจ็กสัน โฮล ยังคงเป็นสิ่งที่นักลงจับตามอง ซึ่งหากมีสัญญาณว่าการลด QE จะเลื่อนไปเป็นปีหน้าจะเป็นบวกต่อตลาดหุ้นโดยรวม
ติดตามคดีจำนำข้าวประเด็นสำคัญวันนี้ ในวันนี้ช่วงเวลาประมาณ 9 โมงจะเริ่มมีการแถลงคดีจำนำข่าว โดยเรามองว่าผลการตัดสินอาจออกมาได้ทั้งผิดและไม่ผิด ที่ไม่มีใครรู้ล่วงหน้า (คำตัดสิน จะขึ้นกับเสียงข้างมากของผู้พิพากษาทั้ง 9 ท่าน) ตลาดหุ้น ได้รับรู้และระวังต่อเรื่องนี้มาระดับหนึ่งแล้ว ในกรณีที่ผลออกมาในทางลบ ตลาดไม่น่าที่จะปรับตัวลงไปได้มากนัก สำหรับกรณีออกมาในทางบวก คือทางที่ประเมินแล้วว่า ไม่ทำให้บรรยากาศทางการเมืองเปลี่ยนไปในทางที่เป็นลบ หรือไม่มีการเคลื่อนไหวแบบมีนัยยะตามมาในภายหลัง คาดตลาดหุ้นน่าจะปรับตัวสูงขึ้นได้
Fund Flow Analysis & Sector Rotation
Fund Flow นักลงทุนต่างประเทศในตลาดเอเซีย ขายหุ้นในตลาดหุ้นอินเดีย อินโดนีเซีย และไทยอย่างต่อเนื่อง และกลับมาซื้อหุ้นที่ตลาดหุ้นไต้หวัน ตลาดพันธบัตร มีเงินไหลเข้า แต่ของไทย มีตัวเลข net sell
ปัจจัยสำคัญ
ตลาดต่างประเทศชะลอการซื้อขาย การประชุม Annual Monetary Policy เริ่มตั้งแต่วานนี้ เพื่อรอดูการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานธนาคารกลางสองแห่ง คือ Fed และ ECB วันที่ 25 และ 26 ส.ค.ตามลำดับ
ตลาดหุ้นไทยมีตัวแปรสำคัญเฉพาะตลาด คือการตัดสินคดีจำนำข้าว ตลาดหุ้น ได้รับรู้และระวังต่อเรื่องนี้มาระดับหนึ่งแล้ว ในกรณีที่ผลออกมาในทางลบ ตลาดไม่น่าที่จะปรับตัวลงไปได้มากนัก สำหรับกรณีออกมาในทางบวก คือผลที่ออกมาแล้วประเมินได้ว่า จะไม่ทำให้บรรยากาศทางการเมืองเปลี่ยนไปในทางที่เป็นลบ หรือไม่มีการเคลื่อนไหวแบบมีนัยยะตามมาในภายหลัง คาดตลาดหุ้นน่าจะปรับตัวสูงขึ้นได้ (ดูรายงาน "ถ้าเงินบาทอ่อนใครบวก_คดีจำนำข้าว_170825_KTBST" ของวันนี้ (25) )
ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง ปิดที่ $47 เหรียญ โรงกลั่นน้ำมันบางแห่งในสหรัฐฯหยุดผลิตหลังพายุเข้า ส่งผลให้ค่าการกลั่นน้ำมันปรับสูงขึ้น
ทิศทางตลาดหุ้น คาดการซื้อขายจะเบาบางและผันผวน ..... ทั้งนี้ นักลงทุนจะรอดุการแถลงของประธานธนาคารกลางทั้งสองแห่ง ที่ส่งผลให้การซื้อขายน้อยลง รวมทั้งการประกาศคำตัดสินคดีจำนำข้าว ที่จะเริ่มขึ้น 9.00 น. จะทำให้นักลงทุนเฉพาะตลาดหุ้นไทยรอคอยผลการตัดสิน และจะมีผลต่อตลาดหุ้นไทยตามคำตัดสินออกมา ซึ่งจะเป็นได้ทั้งบวกและลบ
กลยุทธ์ลงทุน ภาพรวมเป็นชะลอการลงทุน ผลของการแถลงของประธาน Fed และ ECB จะมีผลต่อไทยในวันจันทร์ และควรตามผลคดีจำนำข้าวในวันนี้เพื่อประกอบการตัดสินใจ เนื่องจากมีผลต่อตลาดวันนี้มากกว่าปัจจัยตัวอื่น หรือสลับไปเก็งกำไรช่วงสั้นในหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มผลประกอบการ หรือข่าวเฉพาะตัว ซึ่งจะเป็นหุ้นที่นักลงทุนจับเป็นประเด็นมาเล่นกันในช่วงนี้
# คำแนะนำหรือมุมมองของหุ้นแต่ละกลุ่ม ในเชิงกลยุทธ์ #
เป็นวันที่ควรให้ความสนใจกับทิศทางตลาด โดยเรามีความเห็นต่อหุ้น 4 กลุ่ม ในวันนี้
1) หุ้นใหญ่ อิงผลตัดสินคดีจำนำข้าวมากกว่าหุ้นเล็ก น่าจะชะลอการซื้อขายหุ้นขนาดใหญ่ไปก่อนที่จะทราบผลของคดีในวันนี้ เพื่อป้องกันความเสี่ยงหากผลออกมาเป็นลบต่อตลาดหุ้น และควรพร้อมจะซื้อหุ้น ถ้าผลออกมาดี โดยหุ้นที่คาดว่า น่าจะมีแรงซื้อหากผลออกมาเป็นบวก คาดจะเป็นหุ้นใหญ่และหุ้นที่สถาบันเข้าลงทุน เช่น BBL , SCC , TOP ที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงวานนี้
2) หุ้นที่เคยเป็นลบจากเงินบาทแข็งค่า เราประเมินว่าเงินบาทอาจไม่แข็งค่าไปกว่านี้ ส่งผลบวกต่อหุ้นหลักๆ คือ อีเล็คทรอนิคส์ เราให้ความสนใจ 2 ตัว คือ HANA และ SVI (ดูรายงาน "ถ้าเงินบาทอ่อนใครบวก_คดีจำนำข้าว_170825_KTBST" ) รวมถึง WICE ที่โตตามขยายตัวของการส่งออกของไทย
3) หุ้นที่ราคาปรับตัวลงมามากในช่วงที่ผ่านมา ช่วงเวลาที่ขาดปัจจัยแบบนี้ นักลงทุนน่าจะไปมองหาหุ้นที่ราคาปรับตัวลงมามาก เพื่อเก็งกำไรช่วงสั้ จึงคาดว่า อาจมีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นเหล่านี้ อาทิ LPN, SAMART, AP, THAI เป็นต้น
4) หุ้นที่มีการนำเสนอข้อมูล Opportunity Day จะมีการซื้อขายที่คึกคักขึ้น (ทั้งบวก/ลบ) ช่วง 2 วันสุดท้ายของสัปดาห์ AMA, JUBILE, BAFS, PSH, ERW
Stock in Focus
หุ้น เหตุผล
SVI(ราคาปิด 5.25) กำไรที่ลดลงในช่วงไตรมาสก่อนเป็นผลมาจากการตั้งสำรองสิทธิวันลาพักร้อนของพนักงานและการขาดทุนจากค่าเงินบาท โดยเรามองว่าช่วง 2H17 จะโตกว่าช่วง 1H17 …. อีกทั้งปัจจุบัน SVI ได้ลูกค้าใหม่เข้ามามากโดยเฉพาะลูกค้าทางฝั่งยุโรป .... (ราคาที่เหมาะสมโดย KTBST ที่ 6.60บาท)
SAWAD(ราคาปิด 50.50) SAWAD รายงานกำไรสุทธิ 2Q17 ที่ 630 ล้านบาท +45% YoY แต่ -9% QoQ ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาดการณ์ .... คาดการณ์กำไรสุทธิจากการดำเนินการปกติปี 2017 อยู่ที่ 2,538 ล้านบาท ขยายตัว 26.6% YoY ตามการเติบโตของสินเชื่อ การขยายสาขา และการขยายฐานลูกค้าเข้าสู่กลุ่ม CLMV …. (ราคาที่เหมาะสมโดย KTBST ที่ 59.00 บาท)
RJH(ราคาปิด 24.90) มองช่วงไตรมาสนี้จะสู่ช่วงไฮซีซั่นของกลุ่มโรงพยาบาลจากไข้หวัดพบได้สูงขึ้น .... เราปรับกำไรปกติขึ้นจากเดิม 3.5% เป็น 185 ล้านบาท (+19.7% YoY) จากการปรับประมาณการรายได้เฉลี่ยต่อหัวของผู้ป่วยนอกเพิ่มขึ้น และคาดช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตได้ดีกว่าครึ่งปีแรก .... (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 28.40 บาท)
MEGA*(ราคาปิด 31.00) มองเป็นอีกหุ้นที่ผลการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่อง …. โดยกำไรสำหรับช่วง 2Q17 อยู่ที่ 291 ล้านบาท (+33% YoY, +52% QoQ) สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 246 ล้านบาท และ Bloomberg คาดทั้งปีที่ 981 ล้านบาท (+12.5% YoY).... นอกจากนี้เทรนด์การรักสุขภาพยังเป็นปัจจัยหนุนให้ MEGA เติบโตในระยะยาวอีกด้วย .... (ราคาที่เหมาะสม โดย Bloomberg ที่ 31.59 บาท)
MINT(ราคาปิด 38.75) มองจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติท่องเที่ยวต่างชาติสูงขึ้นและการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของท่องเที่ยวเป็นบวกต่อ MINT …. คาด 2H17 กำไรจะเติบโตได้ดี จาก High Season ของยุโรปและไทย นอกจากนี้ คาดภาครัฐจะออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวเพิ่มเติม .... (ราคาที่เหมาะสมโดย KTBST ที่ 45.00 บาท)
Source: KTBST Research
ประเด็นสำคัญ : ข่าวและหุ้น
เศรษฐกิจสหรัฐฯ - สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในปีนี้ หลังจากที่ราคาบ้านพุ่งขึ้น เนื่องจากเกิดภาวะขาดแคลนบ้านในตลาด
เศรษฐกิจสหรัฐฯ - กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 2,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 234,000 ราย โดยต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 238,000 ราย
การเมืองสหรัฐฯ - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความ ระบุว่า ความวุ่นวายในสภาคองเกรสเป็นสิ่งที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ถ้าหากแกนนำในสภาทำตามคำแนะนำของเขาในการพ่วงร่างกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐเข้ากับร่างกฎหมายทหารผ่านศึก
เศรษฐกิจไทย - ธนาคารโลก คาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 60 จะเติบโตได้ 3.5% และคาดโตต่อเนื่องในปี 61 โดยประเทศไทยยังมีศักยภาพที่จะทำให้เศรษฐกิจโตได้เกิน 4% จากการแก้ไขข้อติดขัดเชิงโครงสร้างในเรื่องคุณภาพการศึกษา การเปิดเสรีภาคบริการ และการจัดการโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ
เศรษฐกิจไทย - นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้ให้นโยบายสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เร่งดำเนินใน 2 เรื่องที่สำคัญ คือ การหามาตรการที่จะส่งเสริมให้เกิดการลงทุนอุตสาหกรรมเกษตรและภาคการบริการที่เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ระบบเศรษฐกิจไทยมากขึ้น โดยเฉพาะทำให้เกิดการสร้างงานและรายได้ให้เกษตรกร (โพสต์ทูเดย์, 25/08/2017)
BEM - กทพ.) ชี้แจงถึงแนวทางการดำเนินโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 ขณะนี้มี 3 แนวทาง คือ 1) กทพ.เป็นผู้ดำเนินการเอง 2) ร่วมลงทุนกับเอกชน โดยเปิดคัดเลือกเอกชนรายใหม่ และ 3) เจรจากับเอกชนรายเดิม จะมีการสำรวจการมีส่วนร่วมของพนักงาน ผู้บริหารและประชาชนทั่วไป ในวันที่ 28-29 ส.ค.นี้ คาดว่าจะสรุปผลศึกษาในเดือนก.ย.
GRAMMY - กลุ่มสิริวัฒนภักดี จะลงทุน 1 พันล้านบาท เพื่อเข้าถือหุ้น 50% ในบริษัท จีเอ็มเอ็มแชนแนล เทรดดิ้ง จำกัด พร้อมปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ภายใต้จีเอ็มเอ็ม แชนเนล เทรดดิ้ง ซึ่งประกอบด้วย บริษัท จีเอ็มเอ็ม แชนแนล จำกัด (GMM 25) ,บริษัท จีเอ็มเอ็ม ทีวี จำกัด ,บมจ.จีเอ็มเอ็ม มีเดีย , บริษัท เอ-ไทม์ มีเดีย จำกัด และบริษัท เอ-ไทม์ ทราเวิลเลอร์ จำกัด
GL - บริษัทแจ้งว่าได้รับแจ้งจากบริษัท เอ.พี.เอฟ. โฮลดิ้งส์ จำกัด (APFH) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท GL และเป็นบริษัทในกลุ่ม APF เกี่ยวกับข่าวการขายทอดตลาดของหุ้นบริษัท GL (หุ้น GL) ที่ทางบริษัท APFH ได้ถือครองนั้น ข่าวดังกล่าวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของบริษัท GL และไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจต่าง ๆ ของบริษัทแต่อย่างใด
QTC - ก.ล.ต. ขอให้ผู้ถือหุ้นบริษัท คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (QTC) ศึกษาข้อมูลและไปใช้สิทธิออกเสียงในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น วันที่ 29 สิงหาคม 2560 กรณีเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท แอล โซลาร์ 1 จำกัด (LS1) เพื่อลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และการออกหุ้นเพิ่มทุนเสนอขายกับบุคคลในวงจำกัด (PP) เพื่อชำระค่าหุ้น LS1 บางส่วน ซึ่งที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเห็นว่าไม่เหมาะสม
Analyst : Mongkol Puangpetra
+662 648 1123 [email protected]
Nontapat Rushtasomboon +662 648 1127
[email protected]