- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 24 August 2017 17:09
- Hits: 2578
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
'เลือกซื้อค่าบวก/หรือเมื่อ SET เหนือ 1570'
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ SET Index ปิดทรงตัวที่ 1573.38 โดยในแต่ละกลุ่มมีทั้งซื้อ/ขายเป็นรายบริษัท เช่น กลุ่มแบงค์เลือกซื้อ KBANK, SCB กลุ่มพลังงานเลือกซื้อ PTT, BANPU กลุ่มอิเลคทรอนิกส์เลือกซื้อ HANA, กลุ่มท่องเที่ยวเลือกซื้อ AOT, MINT กลุ่มอสังหาฯเลือกซื้อ CPN เป็นต้น นักลงทุนสถาบันในปท.นำซื้อสุทธิต่อ 1.7 พันลบ. ส่วนต่างชาตินำขายสุทธิ 2 พันลบ.
ประเด็นสำคัญวันนี้ : ปัจจัยต่างประเทศ –ทรัมป์กดดันคองเกรส โดยขู่ชัตดาวน์หน่วยงานรัฐต้นต.ค.60 ถ้าไม่ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณ ซึ่งมีงบสร้างกำแพงสหรัฐ-เม็กซิโกด้วย และฟิทช์ เรทติ้งก็สำทับว่าถ้าสหรัฐไม่สามารถขยายเพดานหนี้อย่างเหมาะสมก็อาจปรับลดอันดับเครดิตลงจากปัจจุบันที่ AAA (สูงสดแล้ว) ส่วนปัจจัยติดตาม คือ ผลประชุมเศรษฐกิจประจำปีที่แจ็กสันโฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 24-26 ส.ค.นี้
ปัจจัยในประเทศ –ก.พาณิชย์อาจจะปรับเพิ่มเป้าส่งออกปีนี้เป็นโต 6% หรือ 6.5% (ปัจจุบันอยู่ที่ 5%) หลังตัวเลขส่งออก 7M60 +8.2% สูงสุดในรอบ 6 ปี โดยสินค้าเกษตรที่ส่งออกได้ดีเป็น ข้าว ผักผลไม้ ยางพารา ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป และน้ำตาลทราย ส่วนสินค้าอุตสาหกรรมเป็น กลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วน & อิเลคทรอนิกส์ ซึ่งหุ้นที่อยู่ใน DBSV Coverage ที่เกี่ยวข้องและเราแนะนำซื้อ เป็น GFPT (ราคาพื้นฐาน 23.80 บาท), HANA (ราคาพื้นฐาน 58 บาท) ปัจจัยจับตา คือ สถานการณ์การเมืองทั้งก่อนและหลังตัดสินคดีรับจำนำข้าว & ขายข้าวจีทูจีในวันที่ 25 ส.ค.นี้
+ GFPT : คาดกำไร 3Q60 จะสูงสุดในปีนี้ หนุนโดยปัจจัยฤดูกาล อุปสงค์ไก่แปรรูปในตลาดญี่ปุ่นแข็งแกร่ง ทำให้ปริมาณส่งออก 3Q60 จะโตได้ 13%QoQ ราคาส่งออกขยับขึ้นได้ 5%QoQ ต้นทุนวัตถุดิบต่ำทำให้มาร์จิ้นสูง ส่วนแบ่งกำไรจาก GFN เพิ่มขึ้นดีในปีนี้ และส่วนแบ่งกำไรจาก McKey จะดีขึ้นในปีหน้า แนวโน้มระยะยาวไปได้ดี คาดการณ์กำไรสุทธิปี 60 ขยายตัวสูง 22% ส่วนปี 61 ประเมินว่าจะทรงตัวสูงได้ แนะนำซื้อ ให้ TP 23.8 บาท อิงกับ P/E ปีนี้ที่ 15 เท่า
กลยุทธ์ลงทุน : โดยหลักยังเป็นการ Selective Buy โดยเน้นไปยังหุ้นพื้นฐานดี กำไรมีแนวโน้มเติบโตแกร่ง & หุ้นที่ธุรกิจมั่นคง จ่ายปันผลดีและสม่ำเสมอ ซึ่งหุ้นกลยุทธ์แนะนำสัปดาห์ (23-30 ส.ค.) เป็น COM7 (Growth Play), KBANK (Value Play)
วิเคราะห์ทางเทคนิค : ตลาดเป็นบวกเล็กๆ เน้นซื้อตามค่าบวก แนวต้าน 1580-1590 จุด Stop loss ถ้าต่ำกว่า 1570 โดยมีแนวรับ 1560-1550 สำหรับการ SCAN หุ้นที่คาดว่าราคาจะทำ New High ได้ พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่เป็น ESSO, SUPER, IRPC, PDI, WORK หุ้นยังอยู่ใน List คือ BEM, HITECH หุ้นหลุด List ได้แก่ IT, TMB, JWD ส่วนหุ้นแนะนำที่ให้หาจังหวะขายทำกำไรเป็น AMATA
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมันและทองคำ
• ยูโรโซน : ดัชนี PMI โดยรวมเบื้องต้นเดือนส.ค.ขยับขึ้นเป็น 55.8...หนุนโดยภาคการผลิต
# มาร์กิตเปิดเผยว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของยูโรโซนอยู่ที่ 55.8 ในเดือนส.ค. เพิ่มเล็กน้อยจาก 55.7 ในเดือนก.ค. โดยดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้นส.ค.เท่ากับ 54.9 ลดลงจาก 55.4 ในเดือนก.ค. แต่ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นที่ 57.4 ในเดือนส.ค. เพิ่มขึ้นจาก 56.6 ในเดือนก.ค.
- สหรัฐ : ยอดขายบ้านใหม่ -9.4%MoM แย่กว่าคาด
# ยอดขายบ้านใหม่สหรัฐ -9.4%MoM สู่ระดับ 571,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้วหลังจากพุ่งแตะระดับ 630,000 ยูนิตในเดือนมิ.ย.
- ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ทรัมป์ขู่ชัตดาวน์ถ้าคองเกรสไม่ผ่านร่างงบประมาณที่มีงบกำแพงเม็กซิโกด้วย
# ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าจะยอมให้หน่วยงานรัฐบาลต้องปิดการดำเนินงานลง ถ้าหากสภาคองเกรสไม่สนับสนุนงบประมาณในการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก นอกจากนี้นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่การประชุมเศรษฐกิจประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มขึ้นในวันนี้ ที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง
# ฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้ออกรายงานเตือนว่าหากสภาคองเกรสสหรัฐล้มเหลวในการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐในเวลาที่เหมาะสม (ปัจจุบันอยู่ที่ 19.9 ล้านล้านดอลลาร์) ฟิทช์ก็อาจต้องปรับทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ โดยมีแนวโน้มปรับลดลงจากระดับ AAA ในขณะนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุด
# ดัชนี DJIA ปิด ลดลง 87.80 จุด หรือ -0.40% ดัชนี S&P500 ปิดลดลง 8.47 จุด หรือ -0.35% และดัชนี Nasdaq ปิดลดลง 19.07 จุด หรือ -0.30%
+/• ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาปรับขึ้นหลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลงต่อเป็นเดือนที่ 8
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 58 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 48.41 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT เพิ่มขึ้น 70 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 52.57 ดอลลาร์/บาร์เรล
# EIA รายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบลดลง 3.3 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 463.2 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 18 ส.ค.60 ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันสัปดาห์ที่ 8
• ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก : ราคาปรับขึ้นเล็กน้อย
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 3.7 ดอลลาร์ หรือ 0.29% ปิดที่ระดับ 1,294.7 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ และหุ้นมีข่าว
• ไทย : ส่งออกเดือนก.ค. +10.5% และ 7M60 +8.2% สูงสุดในรอบ 6 ปี
# กระทรวงพาณิชย์แถลงตัวเลขส่งออกเดือนก.ค.60 ว่ามีมูลค่า 18,852 ล้านเหรียญสหรัฐ (+10.5%) แต่ต่ำกว่าที่ตลาดคาด (+12%) ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 19,040 ล้านเหรียญสหรัฐ (+18.5%) ส่งผลให้ในเดือน ก.ค.60 ขาดดุล 188 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นการขาดดุลการค้าครั้งแรกนับตั้งแต่เม.ย.58 หรือในรอบกว่า 2 ปี ซึ่งการขาดดุลฯมาจากการเก็งกำไรทองคำ แต่ถ้าไม่รวมทองคำพบว่าเดือนก.ค.ยังเกินดุล 1,087 ล้านดอลลาร์
# สำหรับส่งออก 7M60 มีมูลค่า 132,399 ล้านเหรียญสหรัฐ (+8.2%) สูงสุดในรอบ 6 ปี นำเข้ามีมูลค่า 125,616 ล้านเหรียญสหรัฐ (+15.5%) ดุลการค้าเกินดุล 6,783 ล้านเหรียญสรัฐ
# การส่งออกไปตลาดหลัก +9.8% ตลาดศักยภาพสูง +15.4% และตลาดศักยภาพรอง +9.1%
# ส่งออกกลุ่มสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 ทั้งในด้านราคาและปริมาณนำโดย ข้าว ผักผลไม้สดแช่แข็งกระป๋องและแปรรูป ยางพารา ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ไก่สดแช่แข็งและแปรรูปและน้ำตาลทราย
# ส่งออกกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 โดยเฉพาะรถยนต์และส่วนประกอบ เครื่องจักรและส่วนประกอบ และผลิตภัณฑ์ยาง
# แนวโน้มส่งออกช่วง 5 เดือนที่เหลือปีนี้ยังไปได้ดี โดยเฉพาะในตลาดแถบเอเชียที่เศรษฐกิจขยายตัวดีขึ้นส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ยางและยางพารา น้ำตาลทราย มีแนวโน้มขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ในเบื้องต้นกระทรวงพาณิชย์ประเมินว่าส่งออกปี 60 จะโตได้เกิน 5% (เป้าหมายปัจจุบัน) จึงอาจมีการปรับเพิ่มเป้าการเติบโตส่งออกปีนี้เป็น 6% หรือ 6.5% (ถ้าจะโต 6% มูลค่าส่งออกช่วงที่เหลือต้องไม่น้อยกว่า 19,182 ล้านดอลลาร์/เดือน และถ้าจะโต 6.5% ต้องไม่น้อยกว่า 19,398 ล้านดอลลาร์/เดือน)
# ปัจจัยเสี่ยง คือ ความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าสหรัฐ ความขัดแย้งทางการเมืองที่จะส่งผลกระทบต่อเงินทุนเคลื่อนย้าย ค่าเงิน และราคาน้ำมัน
- ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย.60 ลดลง
# นายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เปิดเผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค.อยู่ที่ 83.9 ลดจาก 84.7 ในเดือนมิ.ย.60 โดยเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 และต่ำสุดในรอบ 10 เดือน โดยภาคธุรกิจกังวลเรื่องการฟื้นตัวของภาคบริโภคโดยเฉพาะในต่างจังหวัด การลงทุนภาครัฐล่าช้า มีผลกระทบจากน้ำท่วมในภาคอีสาน
# อย่างไรก็ตาม ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ใน 3 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้นเป็น 101.6 จาก 100.7 ในเดือนมิ.ย.60 เพราะคาดหวังว่ามาตรการกระตุ้นภาครัฐจะช่วยให้การบริโภคดีขึ้น
• การเมืองไทย : จับตาสถานการณ์ช่วงวันตัดสินคดีจำนำข้าว 25 ส.ค.นี้
# ในวันที่ 25 ส.ค.นี้จะมีเรื่องสำคัญที่ติดตาม คือ ผลการตัดสินคดีขายข้าวจีทูจีและคดีรับจำนำข้าว ซึ่งทำให้การเมืองไทยกระเพื่อมขึ้นในช่วงนี้ อย่างไรก็ตาม ถ้าผลการตัดสินออกมาเป็นกลางๆ ก็ไม่น่าจะมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น ซึ่งเราต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดต่อไป
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]