- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 24 August 2017 16:50
- Hits: 2780
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
ผันผวน? ภายใต้ปัจจัยกดดันจากประเด็นต่างประเทศ โดยเฉพาะ
ความไม่แน่นอนทางการเมืองของสหรัฐฯ ที่อาจทำให้เกิดเหตุการณ์ Shutdown หากสภาคองเกรสไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการจัดทำงบประมาณการชั่วคราว รวมถึงงบประมาณสร้างกำแพงกั้นเม็กซิโก
พร้อมกับอยู่ระหว่างติดตามการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟด ที่เมือง แจ็คสัน โฮล วันที่ 24-26/8/60 โดยเฉพาะสุนทรพจน์ของประธานเฟด ว่าจะมีการส่งสัญญาณใดๆ เกี่ยวกับนโยบายการเงิน? ขณะที่เฟดมีแผนปรับลดงบดุล จากระดับปัจจุบันที่ 4.5 ล้านล้านUSD ที่คาดเกิดขึ้นในการประชุมเฟด 19 – 20/9/60 เช่นเดียวกับ ECB ที่อยู่ระหว่างพิจารณาช่วงเวลาเหมาะสมในการลดวงเงิน QE (ปัจจุบันอยู่ที่ 60,000 ล้านยูโร/เดือน ถึง ธ.ค.’60)
ส่วนทางด้านปัจจัยในประเทศ แม้ยังได้รับ Sentiment เป็นบวก หลังสภาพัฒน์ เปิดเผยตัวเลข GDP – 2Q/60 ดีกว่าคาด และเป็นการขยายตัวที่สูงสุดในรอบกว่า 4 ปี พร้อมปรับเพิ่มประมาณการ GDP และการส่งออกในปี’60 คาดส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มธนาคาร เช่น KBANK และ BBL
แต่คาดได้รับ Sentiment ที่เริ่มเป็นลบ จาก Fund Flow ซึ่งภาพรวมยังมีความผันผวน จากแรงซื้อ/ขายสุทธิสลับกัน และ YTD พลิกกลับเป็นยอดขายสุทธิสะสม 484 ล้านบาท อย่างไรก็ตามเงินบาท ยังคงแข็งค่าต่อเนื่องในรอบเกือบ 2 ปี ส่วนราคาน้ำมันที่ทรงตัวอยู่ในระดับ 45 - 50 USD/bbl คาดส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน เช่น PTT และ PTTEP เป็นต้น
และคาดการซื้อขายยังเป็นไปอย่างระมัดระวัง โดยคาดอยู่ระหว่างติดตามคำพิพากษาคดีโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (25/8/60)
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มอาหาร ได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น BR เป็นต้น
(2) กลุ่มธนาคาร ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย เช่น BBL, KBANK
(3) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น
(4) กลุ่มพลังงาน เช่น TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น และ PTT ที่ผลการดำเนินงานยังมีความแข็งแกร่งต่อเนื่อง
SET SET50 SET100
1,573.38 +0.19 1,001.51 -0.34 2,246.06 +0.04
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-) ตลาดต่างประเทศ DJIA -87.70, NASDAQ -19.07, S&P -8.47, FTSE +0.91, CAC -16.47 และ DAX -55.04
ภายใต้ปัจจัยกดดันจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ และการเมืองของสหรัฐฯ โดย ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ จะยอมให้หน่วยงานรัฐบาลต้องปิดการดำเนินงานลง หากสภาคองเกรสไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการจัดทำงบประมาณชั่วคราวสำหรับการบริหารงานของรัฐบาล ซึ่งรวมถึงงบในการสร้างกำแพงกั้นเม็กซิโก หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐหลายแห่งก็ต้องปิดตัวลง เนื่องจากรัฐบาลขาดงบประมาณในการบริหารประเทศ
ขณะที่ฟิทช์ เรทติ้งส์ ออกรายงานว่า หากสภาคองเกรสสหรัฐฯ ประสบความล้มเหลวในการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ในเวลาที่เหมาะสม ฟิทช์อาจปรับทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ ซึ่งมีแนวโน้มปรับลดลงจากระดับ AAA ที่เป็นระดับสูงสุด
โดยสภาคองเกรสยังคงไม่มีการบรรลุข้อตกลงในการเพิ่มเพดานหนี้ ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 19.9 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งส่งผลให้สหรัฐเผชิญเผชิญความเสี่ยงในการผิดนัดชำระดอกเบี้ย และเงินต้นของพันธบัตร โดยหากรัฐบาลสหรัฐไม่มีงบประมาณที่จะบริหารประเทศ ก็จะส่งผลให้มีการปิดหน่วยงานของรัฐบาล ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนต.ค.
ทางด้านยอดขายบ้านใหม่ – ก.ค. ของสหรัฐฯ ลดลง 9.4%MoM อยู่ที่ 571,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับแต่ธ.ค.’59
และยังอยู่ระหว่างจับตาการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟด ที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง วันที่ 24 – 26/8/60 ภายใต้หัวข้อการประชุม "Fostering a Dynamic Global Economy"
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
16.73 1.9 3.07
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 35,734.12
สถาบัน 1,775.51
บัญชีหลักทรัพย์ -289.43
ต่างประเทศ -2,033.02
ในประเทศ 546.94
(5) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วง 2Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น MONO และ WORK
(6) กลุ่มท่องเที่ยว ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว เช่น CENTEL, MINT
(7) กลุ่มขนส่ง ยังได้รับผลดีจากการท่องเที่ยว เช่น AOT ส่วนที่ได้รับผลดีจากดัชนีค่าระวางเรือที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง เช่น PSL
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.04 อยู่ที่ 2.17%
(ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.90 อยู่ที่ 12.25
หุ้นแนะนำ : MONO