- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 24 August 2017 16:40
- Hits: 1901
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้
SMID CAP /High Yield
Smart Pick
1. สะสม TPIPP : ราคาปิด 7.40 บาท ราคาเหมาะสม 8.20 บาท
a) คาดว่าจะประกาศเงินปันผล 2Q60 ภายในสิ้นเดือน ส.ค. หุ้นละ 0.08-0.10 บาท คิดเป็น Dividend Yield ราว 1.3%
b) เซ็น PPA โรงไฟฟ้าขยะ 90MW กับกฝผ.ในวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้รับค่าไฟฐาน + Adder 3.50 บาท เป็นระยะเวลา 7 ปีและมีกำหนดเริ่มต้นขายไฟวันที่ 2 ต.ค.2560 ดังนั้น จึงประเมินว่ากำไรสุทธิ 4Q60 จะทำระดับสูงสุดใหม่ของบริษัทได้อีกครั้ง
c) Growth สูง และเงินปันผลเด่น คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2561 เติบโต +108% YoY เป็น 6,478 ล้านบาท และให้ Dividend Yield สูงถึง 5% ต่อปี รวมทั้งมี Valuation ที่น่าสนใจ ที่ระดับ PER2561 เพียง 9.6 เท่า
2. เก็งกำไร KCE : ราคาปิด 86.50 บาท ราคาเหมาะสม 94.00 บาท
a) Yuanta คาดว่าหุ้นกลุ่มส่งออก เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์จะฟื้นตัวได้ จากค่าเงินบาทที่พลิกกลับเป็นอ่อนค่า เนื่องจากดุลการค้าไทยเดือน ก.ค. มีผลขาดดุลเป็นครั้งแรกในรอบ 27 เดือน ที่ -US188 ล้าน ส่งผลให้เกิดการ Unwind ค่าเงินบาทที่ก่อนหน้าแข็งค่ามากถึง 7.2% YTD
b) หุ้น KCE ลดลง -29.1% YTD ได้สะท้อนผลประกอบการที่อ่อนแอใน 2Q60 แล้ว จากปัจจัยกดดันคือเงินบาทที่แข็งค่าและการปรับขึ้นของราคาทองแดง อย่างไรก็ตาม การทยอยปรับขึ้นราคาขาย และเข้าสู่ High Season ใน 3Q60 จะส่งผลให้กำไรสุทธิ 3Q60 กลับมาเติบโต QoQ
c) กำลังการผลิตใหม่อีก 5 แสนตารางฟุตที่เพิ่มขึ้นในปี 2560 จะรับรู้เต็มที่ในปีหน้า ส่งผลให้กำไรสุทธิปี 2561 เติบโต +13.4% YoY เป็น 3.1 พันล้านบาท และจุดเด่นของ KCE คือเป็นผู้นำธุรกิจ PCB สำหรับรถยนต์ซึ่งยังเติบโตได้ตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภค
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
วานนี้ SET INDEX ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพียง 0.19 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 3.6 หมื่นล้านบาท ส่วนหนึ่งมาจาก Big Lot SCB มูลค่า 887 ล้านบาท ด้านมูลค่าการซื้อขาย นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิวันที่ 3 ติดต่อกันราว 2 พันล้านบาท สวนทางกับสถาบันในประเทศที่ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 ติดต่อนกันราว 1.8 พันล้านบาท ด้านตลาดฟิวเจอร์ส นักลงทุนต่างชาติ มีสถานะ Long สุทธิเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันราว 8.3 พันสัญญา เช่นเดียวกับสถาบันในประเทศและบัญชี บล. ที่มีสถานะ Long สุทธิเป็นวันที่ 7 ติดต่อกันราว 1.6 พันสัญญา
กลยุทธ์วันนี้
เราประเมินว่าแนวต้าน 1575-1580 จุด ยังคงทำงานได้อย่างแข็งขัน ระยะสั้น SET INDEX มี Upside จำกัด เพราะนักลงทุนในตลาดน่าจะรอดูผลลัพธ์ของเหตุการณ์สำคัญในวันศุกร์นี้ คือ คำพิพากษาคดีรับจำนำข้าว และถ้อยแถลงของประธานเฟดที่ Jackson Hole ทั้งนี้ เราเริ่มเห็นแรงขายในกลุ่มที่มีความอ่อนไหวต่อปัจจัยการเมืองอย่างกลุ่มรับเหมาฯ ซึ่งปรับตัวลดลงวานนี้ 0.55% สวนทางกับการปรับตัวเพิ่มขึ้นของ SET INDEX
ค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ พลิกกลับมาอ่อนค่าราว 0.3% หลังกระทรวงพาณิชย์รายงานยอดส่งออกเดือน ก.ค.เพิ่มขึ้น 10.5% YoY ขณะที่ยอดนำเข้า โต 18.5% YoY ส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้าเป็นครั้งแรกในรอบ 27 เดือน นับตั้งแต่เดือน เม.ย.58 และหุ้นกลุ่มส่งออก เช่น อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งได้รับอานิสงส์จากการอ่อนค่าของเงินบาท เริ่มฟื้นตัว เรามองเป็นโอกาสในการเก็งกำไรระยะสั้น
กลยุทธ์ช่วงนี้ คือ Flight to Quality พื้นฐานแข็งแกร่ง, Valuation ไม่แพง, ปันผลจูงใจ โดยเรายังคงชอบหุ้น Defensive ในกลุ่มโรงไฟฟ้า/ สาธารณูปโภค ที่มีผลประกอบการเติบโตสม่ำเสมอ และให้ผลตอบแทนในรูปของเงินปันผลในระดับสูง (WHAUP/ TPIPP)
ปัจจัยสำคัญวันนี้
ประธานาธิบดีสหรัฐฯขู่ปิดการดำเนินงานหน่วยงานรัฐบาล หากสภาคองเกรสไม่สนับสนุนงบประมาณสร้างกำแพงกั้นชายแดนแม็กซิโก
Fitch Rating อาจลด Rating สหรัฐฯ หากไม่เพิ่มขนาดเพดานหนี้
กระทรวงพาณิชย์เผยมูลค่าการส่งออก ก.ค. ขยายตัว 10.5% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 12% และมูลค่าการนำเข้า ก.ค. ขยายตัว 18.45% ส่งผลให้ขาดดุลทางการค้าครั้งแรกในรอบ 27 เดือนราว $188 ล้าน
ส.อ.ท. เผยมูลค่าส่งออกรถยนต์ ก.ค. หดตัว 6.93% YoY แต่ยอดการผลิตเพื่อขายในประเทศเพิ่มขึ้น 5.5% YoY
ติดตามการกล่าวปาฐกถาของประธาน Fed ที่ Jackson Hole และคำพิพากษาคดีจำนำข้าว วันที่ 25 ส.ค.
Strategist Team
Mayuree Chowvikran , Head of Research , 662-009-8050
Padon Vannarat , Strategist , 662-009-8060
Piyapat Patarapuvadol , Strategist , 662-009-8062
Nutt Treepoonsuk , Assistant Strategist