- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 23 August 2017 17:30
- Hits: 3040
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
'เลือกซื้อหุ้นแนวโน้มดี'
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ SET Index ปิด +3.57 จุดที่ 1573.19 นำโดยกลุ่มแบงค์มากขึ้นหลังตัวเลขเศรษฐกิจ 2Q60 ออกมาดีเกินคาด นักลงทุนสถาบันในปท.นำซื้อสุทธิอีก 1.9 พันลบ. ส่วนอีก 3 กลุ่มที่เหลือขายสุทธิต่อ
ประเด็นสำคัญวันนี้ : ปัจจัยต่างประเทศ – ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐคาดว่ามาตรการปฎิรูปภาษีน่าผ่านสภาคองเกรสไม่ยากเพราะสมาชิกรีพับลิกันเห็นด้วยอย่างเป็นเอกฉันท์ และผู้นำเสียงข้างมากรีพับลิกันเชื่อว่าสหรัฐจะขยายเพดานหนี้ได้อย่างแน่นอน ทำให้ Sentiment การลงทุนในตลาดกลับมาบวก เพราะการลดภาษีจะทำให้กำไรบจ.ใน S&P500 โตสองหลักได้เลย จาก 2Q60 ที่บวกราว 6%YoY ปัจจัยติดตาม คือ ผลประชุมเศรษฐกิจประจำปีที่แจ็กสันโฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 24-26 ส.ค.นี้
ปัจจัยในประเทศ – การเติบโตของภาคอุปโภคที่ดีต่อใน 2Q60 โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับสื่อสาร ไอที ท่องเที่ยว โรงแรม ขนส่ง, การฟื้นตัวของภาคส่งออก, การเร่งผลักดันการเบิกจ่ายงบประมาณราชการใน 2H60 หลังล่าช้าไปมากใน 2Q60 รวมทั้งการออกตราสารหนี้ที่ยากลำบากขึ้น ทำให้มีความหวังว่าความต้องการใช้สินเชื่อธนาคารจะเพิ่มขึ้นใน 2H60 และปี 61 ขณะที่ NPL น่าจะปรับขึ้นไม่มากแล้ว เรามีมุมมองเป็นบวกมากขึ้นต่อธนาคารพาณิชย์ไทย หุ้นเด่น คือ KBANK (Value), TISCO (Growth), KKP (High Yield) ปัจจัยจับตาคือ สถานการณ์การเมืองทั้งก่อนและหลังตัดสินคดีรับจำนำข้าว & ขายข้าวจีทูจีในวันที่ 25 ส.ค.นี้
กลยุทธ์หลัก : เป็น Selective Buy โดยเน้นไปยังหุ้นพื้นฐานดี กำไรมีแนวโน้มเติบโตแกร่ง & หุ้นที่ธุรกิจมั่นคง จ่ายปันผลดีและสม่ำเสมอซึ่งหุ้นกลยุทธ์แนะนำสัปดาห์ (23-30 ส.ค.) เป็น COM7 (Growth Play), KBANK (Value Play)
+ COM7 : อุปสงค์โทรศัพท์เคลื่อนที่สมาร์ทโฟนยังคงแข็งแกร่ง (การอุปโภคด้านสื่อสาร 2Q60 ของไทยโตสูงถึง +9.1%YoY, +16.3%QoQ ) สอดคล้องกับการเติบโตบริษัท แนวโน้ม 2H60 ขยายได้ดี การจับมือกับ Tesco Lotus ช่วยเพิ่มฐานลูกค้าในตจว. แนะซื้อ ให้ TP 13.90 บาท
+ KBANK : เชื่อว่าสินเชื่อปีนี้จะขยายได้ 6% ตามเป้าหมาย (1H60 +3.2%YTD) Non-NII ขยายได้ดีขึ้นเมื่อศก.ฟื้นตัว ด้าน NPL มีโอกาสขยับขึ้นต่อแต่ไม่แรง คาด NPL ratio จะ Peak ที่ 3% ปลายๆ (สิ้นมิ.ย.60 เท่ากับ 3.3% และมี Coverage ratio 141%) แนะซื้อ TP 208 บาท
วิเคราะห์ทางเทคนิค : ตลาดเป็นบวกเล็กๆ เน้นซื้อตามค่าบวก แนวต้าน 1580-1590 จุด Stop loss ถ้าต่ำกว่า 1570 โดยมีแนวรับ 1560-1550 สำหรับการ SCAN หุ้นที่คาดว่าราคาจะทำ New High ได้ พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่เป็น TMB, AMATA, JWD, HTECH หุ้นยังอยู่ใน List คือ BEM, IT หุ้นหลุด List –ไม่มี- ส่วนหุ้นแนะนำที่ให้หาจังหวะขายทำกำไรเป็น SQ, RS, BCH
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมันและทองคำ
+ สหรัฐ : คาดมาตรการปฎิรูปภาษีน่าผ่านสภาคองเกรสไม่ยาก & ไม่มีปัญหาในการขยายเพดานหนี้
# ล่าสุดมีรายงานข่าวว่าคณะทำงานของประธานาธิบดีทรัมป์ และแกนนำสภาคองเกรสมีความคืบหน้าในการผลักดันมาตรการปฏิรูปภาษี โดยนายพอล ไรอัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ได้แสดงมุมมองที่เป็นบวกว่าแผนปฏิรูปภาษีน่าจะผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสได้ง่ายกว่าร่างกฎหมายประกันสุขภาพ เนื่องจากสมาชิกรีพับลิกันมีความเห็นเป็นเอกฉันท์
# ด้านนายมิทช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากของรีพับลิกันในวุฒิสภา ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า มีโอกาสเป็น "ศูนย์" ที่สหรัฐจะล้มเหลวในการขยายเพดานหนี้ ซึ่งการแสดงความเห็นดังกล่าวช่วยให้ตลาดคลายความวิตกกังวลที่ว่าสหรัฐอาจเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้
+ ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดัชนีพุ่งขึ้นรับความหวังแผนปฏิรูปภาษีผ่านมติสภาคองเกรส
# ข่าวว่าคณะทำงานของประธานาธิบดีทรัมป์และแกนนำสภาคองเกรสมีความคืบหน้าในการผลักดันเรื่องการปฏิรูปภาษี และผู้นำเสียงข้างมากของรีพับลิกันในวุฒิสภาเชื่อมั่นว่าสหรัฐจะขยายเพดานหนี้ได้อย่างแน่นอนผลักดันให้ดัชนี DJIA ปิดพุ่งขึ้น 196.14 จุด หรือ +0.90% ดัชนี S&P500 ปิดเพิ่ม 24.14 จุด หรือ +0.99% และดัชนี Nasdaq ปิดเพิ่ม 84.35 จุด หรือ +1.36%
# ส่วนปัจจัยที่ติดตาม คือ การประชุมเศรษฐกิจประจำปีที่เมืองแจ็กสัน โฮล 24-26 ส.ค.นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ถึงแนวโน้มนโยบายการเงินของประเทศขนาดใหญ่ต่างๆ โดยหัวข้อการประชุมในปีนี้คือ "Fostering a Dynamic
• ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาขยับขึ้นเล็กน้อย
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 27 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 47.64 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 21 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 51.87 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐจะลดลง 3.4 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 18 ส.ค. ซึ่งจะเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันสัปดาห์ที่ 8
- ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก : ราคาลดลง
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 5.7 ดอลลาร์ หรือ 0.44% ปิดที่ระดับ 1,291.00 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังสถานการณ์ความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลีซาลง และกำไรภาคธุรกิจและเศรษฐกิจสหรัฐมีโอกาสเติบโตมากขึ้นหากมาตรการปฎิรูปภาษีผ่านสภาคองเกรส
ปัจจัยในประเทศ และหุ้นมีข่าว
• กลุ่มธนาคารพาณิชย์ : สินเชื่อเดือนก.ค.ติดลบ 0.9%MoM เพราะรายใหญ่ชำระคืนหนี้
# รายงานธ.พ.1.1 ระบุว่าเดือนก.ค.60 สินเชื่อธนาคารพาณิชย์ -0.9%MoM แต่ +2.7%YoY เป็น 10.1 ล้านล้านบาท การลดลง MoM เพราะลูกค้ารายใหญ่ชำระคืนหนี้
# อย่างไรก็ตาม คาดว่าสินเชื่อในช่วงที่เหลือของปีนี้จะเติบโตได้ดีขึ้น จากการอุปโภคและการลงทุนที่ขยายตัวดีขึ้น การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ กระตุ้นให้ภาคธุรกิจขยับตัวตามไปด้วย ความต้องการใช้สินเชื่อเงินทุนหมุนเวียนและบริการการเงิน (L/C, T/R) ในกลุ่มส่งออกก็สูงขึ้นตามการเติบโตของภาคส่งออก รวมทั้งการออกตราสารหนี้ของบริษัทต่างๆ ก็ยากลำบากมากขึ้นหลังมีประเด็นผิดนัดชำระหนี้ของ IFEC และ EARTH ทำให้บริษัทในภาคธุรกิจกลับมาใช้การกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์มากขึ้น
# เรามีมุมมองที่เป็นบวกขึ้นกับกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทย โดยคาดว่าสินเชื่อ & Non-NII จะเติบโตดีขึ้นใน 2H60 และการเพิ่มขึ้นของ NPL จะไม่มากเหมือนใน 1H60 ที่ผ่านมา
# หุ้นเด่นในกลุ่มธนาคาร คือ
KBANK : Value Play โดยมีธุรกิจมั่นคง โครงสร้างรายได้และพอร์ตสินเชื่อกระจายตัวดี & สมดุล และมีความพร้อมด้านดิจิตอลแบงกิ้ง – ให้ราคาพื้นฐาน 208 บาท
TISCO : Growth Play คาดสินเชื่อจะขยายตัวได้ไม่น้อยกว่า 10% หลังควบรวมกับ SCBT ฐานลูกค้ารายย่อยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มสินเชื่อที่พักอาศัยและบัตรเครดิต – ให้ราคาพื้นฐาน 82 บาท
KKP : High Dividend Yield Play มีความแข็งแกร่งในธุรกิจตลาดทุนที่ดำเนินการโดยภัทร ประเมินอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลปีนี้ไว้ไม่น้อยกว่า 7% – ให้ราคาพื้นฐาน 78 บาท
• การเมืองไทย : จับตาสถานการณ์ช่วงวันตัดสินคดีจำนำข้าว 25 ส.ค.นี้
# ในวันที่ 25 ส.ค.นี้จะมีเรื่องสำคัญที่ติดตาม คือ ผลการตัดสินคดีขายข้าวจีทูจีและคดีรับจำนำข้าว ซึ่งทำให้การเมืองไทยกระเพื่อมขึ้นในช่วงนี้ อย่างไรก็ตาม ถ้าผลการตัดสินออกมากลางๆ ก็ไม่น่าจะมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นซึ่งเราต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดต่อไป
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]