- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 23 August 2017 17:09
- Hits: 1780
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
มีโอกาสปรับขึ้นตามตลาดต่างประเทศ ภายใต้ปัจจัยหนุนจากประเด็นต่างประเทศ ทั้ง (1) ประเด็นเกี่ยวกับการเมืองของสหรัฐฯ เริ่มดูดีขึ้น หลังจากประธานสภาฯ สหรัฐฯ ให้ความเห้นในเชิงที่ว่าจะผลักดันกฎหมายการปฏิรูปภาษีของรัฐบาล ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ส่งผลให้มีมุมมองเป็นบวกมากขึ้น ว่าจะสามารถผลักดันมาตรการต่างๆ ตามที่เคยหาเสียง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ในขณะที่ค่าเงินสหรัฐฯ เริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น
ขณะที่อยู่ระหว่างติดตามการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟด ที่เมือง แจ็คสัน โฮล วันที่ 24-26/8/60 โดยเฉพาะสุนทรพจน์ของประธานเฟด จะมีการส่งสัญญาณใดๆ เกี่ยวกับนโยบายการเงิน
ส่วนทางด้านปัจจัยในประเทศ Sentiment เป็นบวก หลังสภาพัฒน์ เปิดเผยตัวเลข GDP – 2Q/60 ดีกว่าคาด และเป็นการขยายตัวที่สูงสุดในรอบกว่า 4 ปี พร้อมปรับเพิ่มประมาณการ GDP และการส่งออกในปี’60 ส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มธนาคาร เช่น KBANK และ BBL ส่วนทางด้าน Fund Flow ภาพรวมคาดยังมีความผันผวน จากแรงซื้อ/ขายสุทธิสลับกัน โดย YTD ยอดซื้อสุทธิสะสม อยู่ที่เพียง 1,549 ล้านบาท ??ขณะที่เงินบาท ยังคงแข็งค่าต่อเนื่องในรอบเกือบ 2 ปี ส่วนราคาน้ำมันที่ทรงตัวอยู่ในระดับ 50 USD/bbl คาดส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน เช่น PTT และ PTTEP เป็นต้น
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มอาหาร ได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น BR เป็นต้น
(2) กลุ่มธนาคาร ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย เช่น BBL, KBANK
(3) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น
(4) กลุ่มพลังงาน เช่น TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น และ PTT ที่ผลการดำเนินงานยังมีความแข็งแกร่งต่อเนื่อง
(5) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วง 2Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น MONO และ WORK
(6) กลุ่มท่องเที่ยว ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว เช่น CENTEL, MINT
(7) กลุ่มขนส่ง ยังได้รับผลดีจากการท่องเที่ยว เช่น AOT ส่วนที่ได้รับผลดีจากดัชนีค่าระวางเรือที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง เช่น PSL
SET SET50 SET100
1,573.19 +3.57 1,001.85 +2.58 2,246.02 +6.07
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดต่างประเทศ DJIA +196.14, NASDAQ +84.35, S&P +24.14, FTSE +62.86, CAC +44.27 และ DAX +163.35
จากการเข้าซื้อเก็งกำไร หลังจากประธานสภาฯ สหรัฐฯ ให้ความเห็นว่าจะผลักดันการปฏิรูปภาษี มากกว่ากฎหมายการปฏิรูประบบประกันสุขภาพ ในขณะที่ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐฯ กล่าวว่ามีโอกาสเป็นศูนย์ที่สหรัฐฯ จะไม่สามารถปรับเพิ่มเพดานหนี้ในเดือน ก.ย. ซึ่งช่วยคลายความวิตกที่ว่าสหรัฐฯ จะผิดนัดชำระหนี้
และยังอยู่ระหว่างจับตาการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟด ที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง วันที่ 24 – 26/8/60 ภายใต้หัวข้อการประชุม "Fostering a Dynamic Global Economy"
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ก.ย. +US$0.27 อยู่ที่US$47.64 ต่อบาร์เรล โดยราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นได้เพียงเล็กน้อย หลังจากมีรายงานว่าแหล่งน้ำมันดิบซารารา ซึ่งเป็นแหล่งน้ำมันดิบที่ใหญ่ที่สุดในลิเบียเริ่มเปิดดำเนินงานอีกครั้ง ในขณะที่มีการคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันอาจปรับตัวผันผวนในช่วงต้นสัปดาห์นี้ เนื่องจากวันอังคารจะเป็นวันสุดท้ายของการซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบ WTI สำหรับส่งมอบเดือนก.ย. และอยุ่ระหว่างรอการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันสหรัฐฯ โดย EIA ในวันพุธนี้
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. -US$5.7 อยู่ที่ US$ 1,291.0 ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ก่อนการประชุมเฟดที่เมืองแจ็คสัน โฮล ในช่วงวันที่ 24-26 ส.ค. นี้
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
16.71 1.9 3.07
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 36,838.42
สถาบัน 1,879.25
บัญชีหลักทรัพย์ -408.2
ต่างประเทศ -678.28
ในประเทศ -792.77
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.04 อยู่ที่ 2.21%(ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -1.84 อยู่ที่ 11.85
หุ้นแนะนำ : TOP
นักวิเคราะห์ : ศักดิ์นรินทร์ ศศานนท์ โทร. 02-684-8789