WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

DBSบล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

'เลือกซื้อหุ้นแนวโน้มดี'


• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
  ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ SET Index ปิดทรงตัวที่ 1567.52 โดยเป็นการเลือกซื้อ/ขายรายบริษัทเป็นหลัก หุ้นที่ปรับขึ้นดีเป็นหุ้นที่กำไร 2Q60 ดีเกินคาด เช่น TPP, ASIMAR, TFG, RS, LST, KTIS เป็นต้น นักลงทุนแต่ละกลุ่มซื้อขายสุทธิไม่มาก


  ประเด็นสำคัญวันนี้ : ปัจจัยภายนอก –ตัวเลขเศรษฐกิจเดือนก.ค.ของสหรัฐบ่งชี้ว่ายังมีการเติบโตที่ดี โดยการจ้างงานที่มากขึ้นก็หนุนการจับจ่ายใช้สอยประชาชนและการผลิตด้วย ส่งผลให้ดัชนีค่าเงิน US$ แข็งขึ้นจาก 92.5 มาเป็น 93.8-94.1 ในช่วงนี้ แต่ก็ยังแข็งค่าอย่างจำกัดเพราะความไม่แน่นอนของนโยบายทรัมป์ เศรษฐกิจจีนเติบโตดีต่อในต้น 3Q60 เศรษฐกิจญี่ปุ่นขยายตัวแกร่ง (+4%YoY, +1%QoQ ในงวดเม.ย.-มิ.ย.60) เศรษฐกิจยูโรโซน 2Q60 โตตามคาดที่ +0.6%QoQ, +2.2%YoY สูงสุดในรอบกว่า 6 ปี

  ปัจจัยในประเทศ – การประชุมกนง.เมื่อวานนี้ (16 ส.ค.60) ไม่มี Surprise โดยคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% ตามคาด ส่วนกำไร 2Q60 ที่รายงานทั้งหมดพบว่า -11%YoY และ -23%QoQ เป็น 2.24 แสนล้านบาท ส่วนงวด 6M60 ยัง +5%YoY เป็น 5.17 แสนล้านบาท เพราะกำไร 1Q60 ที่สูงมากถึง 2.91 แสนล้านบาท (คาดเป็นไตรมาสที่ Peak ของปีนี้) สำหรับทั้งปี 60 เราคาด EPS ตลาด +6% และคงดัชนีเป้าหมายไว้ที่ 1650 จุด (P/E 16.7 เท่า – Median+1SD) ซึ่งมี Upside จากปัจจุบันเพียง 5% กลยุทธ์ ยังคงเป็น Selective Buy โดยเน้นไปยังหุ้นพื้นฐานดี กำไรมีแนวโน้มเติบโตแกร่ง & หุ้นที่ธุรกิจมั่นคง จ่ายปันผลสูง ซึ่งหุ้นกลยุทธ์แนะนำสัปดาห์ (16-22 ส.ค.) เป็น COM7, KKP (ดูรายละเอียดในข่าวเช้าวันที่ 16 ส.ค.60)


  วิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดกลับเป็นบวกเล็กๆ เน้นซื้อตามค่าบวก (ลบให้ Wait & see ก่อน) แนวต้าน 1570-1580 จุด Stop loss ถ้าต่ำกว่า 1565 โดยมีแนวรับ 1555-1550 สำหรับการ SCAN หุ้นที่คาดว่าราคาจะทำ New High ได้ พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่เป็น AMATA, BCPG, WORK, TFG, PTTGC หุ้นยังอยู่ใน List BEM, CCET หุ้นหลุด List คือ –ไม่มี- ส่วนหุ้นแนะนำที่ให้หาจังหวะขายทำกำไรคือ BCP, GCAP, TMT


ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมันและทองคำ
+ ยูโรโซน : เศรษฐกิจ 2Q60 ขยายตัว 0.6%QoQ และ 2.2%YoY สูงสุดในรอบกว่า 6 ปี
  สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจยูโรโซนมีการขยายตัว 0.6% ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบรายไตรมาส ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และขยายตัว 2.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 6 ปี

 

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก
  ดัชนี DJIA ปิดเพิ่มขึ้น 25.88 จุด หรือ +0.12% ดัชนี S&P500 ปิดเพิ่มขึ้น 3.50 จุด หรือ +0.14% ดัชนี Nasdaq ปิดลดลง 12.10 จุด หรือ +0.19% หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดได้เสนอให้คณะกรรมการเฟดรอคอยให้เงินเฟ้อส่งสัญญาณดีขึ้นก่อนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไป อย่างไรก็ตาม ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในสหรัฐได้สกัดแรงบวกในตลาด หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศยุบสภาที่ปรึกษา 2 ชุด สืบเนื่องมาจากความเห็นที่ขัดแย้งเกี่ยวกับสถานการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นในเมืองชาร์ล็อตส์วิลล์ รัฐเวอร์จิเนีย

 

• ภาวะตลาดน้ำมัน
  สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 77 เซนต์ หรือ 1.6% ปิดที่ 46.78 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 53 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 50.27 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่าการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันที่สูงขึ้นในสหรัฐ แม้รายงานของ EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสัปดาห์ที่แล้วของสหรัฐปรับตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก็ตาม
- ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก
  สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 3.20 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่ระดับ 1,282.90 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากความผันผวนทางการเมืองในสหรัฐได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศยุบสภาที่ปรึกษา 2 ชุด สืบเนื่องมาจากความเห็นที่ขัดแย้งเกี่ยวกับสถานการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นในเมืองชาร์ล็อตส์วิลล์ รัฐเวอร์จิเนีย


ปัจจัยในประเทศ และหุ้นมีข่าว
• กนง.คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% ตามคาด...เศรษฐกิจเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป
  คณะกรรมการกนง.มีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ (โดยในการประชุมครั้งนี้ กรรมการ 1 ท่านลาประชุม) ทั้งนี้กนง.ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวชัดเจนต่อเนื่องจากการส่งออกและภาคท่องเที่ยวที่ขยายตัวดี ในขณะที่อุปสงค์ในประเทศยังขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ยังไม่กระจายตัวเท่าที่ควร การลงทุนภาคเอกชนฟื้นตัวช้า (การลงุทนหมวดก่อสร้างชะลอตัว การลงทุนภาครัฐเติบโตน้อยกว่าคาดการณ์เดิม) อัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ สภาพคล่องในตลาดเงินสูง เงินบาทที่แข็งค่าอาจกระทบผู้ส่งออกบ้างซึ่งต้องติดตามใกล้ชิด
  ปัจจัยเสี่ยงหลักเป็นภายนอก เช่น แนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า ความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจและการค้าของสหรัฐ และความเสี่ยงจากปัญหาการเมืองโลก ส่วนน้ำท่วมภาคอีสาน ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจราว 7.5 พันล้านบาท ถือว่าไม่มากเมื่อเทียบกับตัวเลขจีดีพี
- /• ตลาดหุ้นไทยมีกำไรสุทธิ 2Q60 ลดลง 11%YoY และ 23%QoQ
  บริษัทจดทะเบียนรายงานกำไรสุทธิ 2Q60 ออกมา จากการรวบรวมของ DBSV ได้ 97% ของจำนวนบริษัทจดทะเบียนทั้งหมดพบว่า กำไรสุทธิไตรมาสนี้อยู่ที่ 2.24 แสนล้านบาท (ไม่รวม MAI) -11%YoY และ -23%QoQ และเท่ากับ 2.23 แสนล้านบาท (รวม MAI) -10%YoY, -23%QoQ สำหรับงวด 6M60 มีกำไรสุทธิ 5.17 แสนล้านบาท (รวม MAI) +5%YoY และเป็น 5.16 แสนล้านบาท (ไม่รวม MAI) +6%YoY โดยกำไรที่ลดลงมีทิศทางเดียวกับที่เราคาดการณ์ไว้ และเมื่อพิจารณารายอุตสาหกรรมพบว่าสรุปได้ดังนี้
# กลุ่มเกษตร – มีผลขาดทุนสุทธิใน 2Q60 เพราะ STA ขาดทุนจำนวนมากถึง 2.08 พันล้านบาท แต่ GFPT มีกำไรเติบโตดีทั้ง YoY และ QoQ
# กลุ่มยานยนต์ – มีหุ้นที่กำไรเติบโตดี YoY เช่น AH, APCS, HFT, PCSGH, TSC
# กลุ่มธนาคาร – กำไรอ่อนลง YoY และ QoQ เพราะสินเชื่อและรายได้ Non-NII โตไม่มาก & ตั้งสำรองฯสูง
# กลุ่มค้าปลีก – บริษัทที่กำไรเติบโตสูง YoY คือ BEAUTY, BJC, COM7, SPI
# กลุ่มวัสดุก่อสร้าง – กำไรลดลง YoY และ QoQ นำโดย SCC
# กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง – กำไรหดตัวรุนแรง ฉุดโดย STPI ที่ขาดทุน 1.9 พันล้านบาท
# กลุ่มอิเลคทรอนิกส์ – กำไร DELTA, SMT, SVI ลดลงมาก
# กลุ่มพลังงาน – กำไรลดลง QoQ แต่มีการเติบโตได้ใน BANPU, GLOW, BPP, RATCH, WHAUP
# กลุ่มไฟแนนซ์ – กำไรเติบโตสูงใน BFIT, JMT, MTLS, TK
# กลุ่มอาหาร – มีหลายบริษัทที่กำไรขยายตัวสูง/ฟื้นตัวดี เช่น BR, CBG, KTIS, LST, M, PM, SORKON, SAPPE, TFG
# กลุ่มโรงพยาบาล – กำไรขยายตัวสูงเพราะ BDMS มีกำไรพิเศษจากการขายหุ้น BH
# กลุ่มสื่อสาร – กำไรลดลง YoY และ QoQ โดย SAMART, TRUE ขาดทุนสุทธิจำนวนมาก
# กลุ่มสื่อและบันเทิง – GRAMMY มีผลดำเนินงานฟื้นตัว, MONO, WORK กำไรเติบโตแข็งแกร่ง
# กลุ่มบรรจุภัณฑ์ – AJ กำไรฟื้นตัวสูง YoY แต่ทั้งกลุ่มมีกำไรหดตัวทั้ง YoY และ QoQ
# กลุ่มกระดาษ – กำไร UTP เพิ่มขึ้น
# กลุ่มปิโตรเคมี – หุ้นเล็กๆ มีกำไรขยายตัวดี เช่น PATO, PMTA, TCCC เป็นต้น
# กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ – บริษัทที่มีกำไรขยายตัวดี YoY และ QoQ คือ ANAN, ESTAR, LH, ORI, PRIN, RICHY, SIRI, WHA
# กลุ่มเหล็ก – พลิกเป็นขาดทุนสุทธิ นำโดย RICH, GSTEL, GJS
# กลุ่มท่องเที่ยว – ERW มีกำไรเติบโตโดดเด่นมากที่สุด
# กลุ่มขนส่ง – กำไรลดลงมากทั้ง YoY และ QoQ แต่มี ASIMAR และ BEM ที่ยังขยายตัวได้ดี
  เรายังคงประมาณการว่ากำไรบริษัทจดทะเบียนปีนี้จะเติบโต 8%YoY ส่วน EPS Growth อยู่ที่ +6% และคงเป้าหมาย SET Index ปีนี้ไว้ที่ 1,650 จุด อิงกับ P/E ที่ 16.7 เท่า (Median+1SD)


นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!