WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

KTBบล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily


ภาพตลาดวันวาน
  ดัชนีเปิดตัวลงเล็กน้อย ก่อนที่จะไหลลงแกว่งตัวสลับขึ้นลงในกรอบแคบ ๆ ที่ยืนอยู่ในแดนลบจากแรงขายหุ้นในกลุ่มสื่อสาร และแบงก์มีจุดต่ำสุดของวันที่ 1562.51 จุด ลดลง 4.68 จุด ก่อนที่ภาคบ่ายมีแรงซื้อจากหุ้นในกลุ่มพลังงานและอาหารช่วยดันดัชนีกลับขึ้นไปยืนแดนบวกสลับแดนลบ โดยมีจุดสูงสุดของวันที่ 1568.64 จุด เพิ่มขึ้น 1.45 จุด ทำให้ทั้งวันมีกรอบการเคลื่อนไหวที่ 6.13 จุด ทั้งนี้หุ้นที่ช่วยดึงดัชนีขึ้นมาปิดบวกได้แก่ SCC, AOT, BGRIM, ADVANC, PTTGC, BCP ก่อนดัชนีจะทำปิดที่ 1567.52 จุด เพิ่มขึ้น 0.33 จุด (+0.02%) มูลค่าการซื้อขาย 37,628 ล้านบาท

 

ภาพตลาดวันนี้
  ดัชนีวานนี้เป็นภาพของการชะลอตัวลง ซึ่งส่วนใหญ่แกว่งตัวอยู่ในแดนลบ และลงมาลดขนาด gap ที่เปิดทิ้งไว้จากวันก่อนหน้า ดึง Low ที่ 1562 จุด และมี High 1568 จุด จากภาพดังกล่าวจะเห็นกราฟแท่งทียนที่ยังคงอยู่ในเชิงลบด้วยการทำ High-Low ที่ต่ำกว่าวันก่อนหน้า และยังไม่สามารถกลับขึ้นไปยืน 1570 จุดได้ ทำให้น้ำหนักการของการลงยังคงมีอยู่ แต่อย่างไรก็ตามการที่ดัชนีทำปิดที่ใกล้จุดสูงสุดของวันและเริ่มมีสัญญาณในเชิงบวกในภาพรายชม. ทำให้มีโอกาสดีดกลับขึ้นมาได้ แต่ยังมีกรอบที่จำกัด แนวต้าน 1570-1572 // 1575 จุด และแนวรับ 1560-1564 จุด
   แกว่งตัวผันผวน - มีโอกาสฟื้นตัวแต่ในกรอบที่จำกัด
   Support 1550-1554 // 1535 จุด Resistance 1574 // 1580-1583 จุด


พรรณนภา เขมะสุรัตน์ Technical Analyst
เลขทะเบียน : 060110 Tel 02- 6481124
Email: [email protected]
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell

 

'แรงบวกเริ่มน้อยลง'
ทิศทางตลาดหุ้นไทย : แรงซื้อที่เข้ามาในตลาด จะเริ่มเบาบางลงหลังตอบรับต่อผลบวกจากสถานการณ์เกาหลีเหนือที่คลี่คลายลงและบริษัทที่กำไรออกมาดี ซึ่งจะทำให้นักลงทุนกลับมาสนใจในภาพรวม คือภาวะเศรษฐกิจ หลังผลการประชุม กนง.ที่คณะกรรมการมีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจอยู่บ้าง และกำไร 2Q-17 ของตลาดที่ออกมาไม่สู้ดีนัก .... ปัจจัยตัวหนึ่งที่เรามองเป็นบวกต่อตลาด คือ Fed มีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยช้าลง (อาจไม่ปรับขึ้นในปีดี) ซึ่งจะชะลอแรงขายในตลาดหุ้นไทยลง
กลยุทธ์การลงทุน : ด้วยมองว่าแรงซื้อจะเริ่มน้อย และเลือกตัวเล่นมากขึ้น อีกทั้ง เรายังมองตลาดมีความเสี่ยงจากงบ 2Q-17 ที่ออกมาไม่ดี รวมทั้ง upside ของตลาดอาจเหลือน้อยถ้านักวิเคราะห์ทยอยปรับลดเป้ากำไรของบริษัทต่างๆลง .... ภาพรวมเรายังแนะนำชะลอการลงทุน หรือเลือกลงทุนแบบ selective buy เน้นปัจจัยเฉพาะตัว โดยเข้าลงทุนเพียงกรอบเวลาสั้นๆ
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ประจำวัน : สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิ ADVANC, EPG, SCC , MEGA*, HANA


หุ้นแนะนำเชิงเทคนิค : BGRIM, TPAC, MACO
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์


บทวิเคราะห์และความเห็นข่าวสำคัญ
(+) AOT : ธนารักษ์เจรจา AOT สำเร็จ คิดค่าเช่ากันเองแค่ 4% ไม่มีเก็บย้อนหลัง
(0) BH : จำนวนผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยในต่อวันยังคงลดลง YoY แต่อยู่ในอัตราที่ลดลงแล้ว มองเป็นผู้นำด้านรักษาโรคยาก
(+) ERW : 2Q17 คาดว่า 2H17 กำไรสุทธิยังคงเติบโตได้ดีจาก RevPar ที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น


ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (16 ส.ค.) ปิดที่ระดับ 1,567.52 จุด เพิ่มขึ้น 0.33 จุด หรือ +0.02% มูลค่าการซื้อขาย 37,627.65 ล้านบาท ตลาดทรงตัวจากวันก่อน มองว่าเป็นผลมาจากการรายงานงบการเงินไตรมาส 2 ที่ออกมาต่ำกว่าคาดเป็นส่วนใหญ่
ตลาดหุ้นต่างประเทศ ตลาดหุ้นนิวยอร์ค ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 22,024.87 จุด เพิ่มขึ้น 25.88 จุด หรือ +0.12% ได้รับผลบวกจากการรายงานการประชุม FOMC ประจำเดือน ก.ค.ที่ระบุว่าควรจะจับตาดูตัวเลขเงินเฟ้อก่อนที่จะตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่ความกังวลด้านการเมืองสหรัฐฯเป็นปัจจัยกดดันตลาด .... ด้าน Stoxx Europe 600 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.7% ปิดที่ 379.09 จุด
ประเด็นเกาหลีเหนือลดลงไปมาก, ผลบวกจากรายงานประชุม FOMC, ผลลบจากการเมืองสหรัฐฯ เรามองประเด็นเรื่องเกาหลีเหนือคลี่คลายลงไปมาก ความกังวลในช่วงก่อนหน้านี้ได้หมดไป .... รายงานการประชุม FOMC ประจำเดือน ก.ค. เป็นประเด็นใหม่ โดยเจ้าหน้าที่ Fed ส่วนใหญ่ปรับคาดการณ์เงินเฟ้อที่ระดับต่ำกว่า 2% ซึ่งคาดว่าจะมีโอกาสที่ Fed จะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยภายในปลายปีนี้ .... การเมืองสหรัฐฯเป็นประเด็นลบ หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ทวีตข้อความ ระบุว่าเขาได้ประกาศยุบสภาที่ปรึกษา 2 ชุดของเขา
ราคาน้ำมันดิบยังทรงตัวต่อเนื่อง สัญญาน้ำมันดิบ ลดลง 77 เซนต์ หรือ -1.6% ปิดที่ 46.78 ดอลลาร์/บาร์เรล .... หลัง EIA เปิดเผยว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี เรายังมีมุมมองไม่เปลี่ยนแปลงว่าราคาน้ำมันดิบมีแนวต้านที่ระดับ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลด้าน oversupply ที่ยังคงมีอยู่


ปัจจัยในประเทศ ช่วงการประกาศงบการเงินสำหรับไตรมาส 2 ได้พ้นไป หุ้นส่วนใหญ่มีผลการดำเนินงานที่ลดลงและต่ำกว่าคาด .... การประชุม กนง. วานนี้มีผลประชุมปเป็นไปตามคาด โดยยังคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 1.50%
SCB ราคาหุ้น SCB ลดลง 2.1% วานนี้ เพราะได้รับแรงกดดันจาก PACE ที่กำลังมีปัญหาสภาพคล่อง ซึ่ง SCB เป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ โดยเรายังไม่ทราบจำนวนเงินที่ปล่อยกู้ ทั้งนี้ เราได้ทำ Sensitivity Analysis หากต้องตั้งสำรองทุกๆ 1 หมื่นล้านบาท จะกระทบต่อกำไรสุทธิในปีนี้ 16% และกระทบต่อ BVS ราว 2.4 บาทต่อหุ้น คิดเป็น Downside ต่อราคาหุ้น 3.7 บาท (ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 165 บาท) เราแนะนำ หลีกเลี่ยงการลงทุนไปก่อนจนกว่าจะเห็นความชัดเจน


Fund Flow Analysis & Sector Rotation
Fund Flow นักลงทุนต่างประเทศ พลิกมาขายทั้งหุ้นและพันธบัตรในตลาดเอเซียอีกครั้ง ตลาดหุ้นที่ถูกขายมาก จะเป็นอินเดียและไต้หวัน ขณะที่พันธบัตรจะถูกขายที่ตลาดไทยและเกาหลีใต้ โดยไม่ได้ระบุเหตุผลที่ชัดเจนนัก ..... ทิศทาง Fund Flow จากต่างประเทศในช่วงนี้ ยังเอาแน่นอนไม่ได้ แม้จะกลับมาซื้อ หลัง Fed มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยช้าลง แต่คาดจะเลือกตลาดและเลือกหุ้นที่จะเข้าซื้อ จึงเป็นต่อหุ้นเป็นรายตัว มากกว่าที่จะบวกทั้งตลาด(ไทย)
ทิศทางตลาดหุ้น แรงซื้อที่เข้ามาในตลาด จะเริ่มเบาบางลงหลังตอบรับต่อผลบวกจากสถานการณ์เกาหลีเหนือที่คลี่คลายลงและบริษัทที่กำไรออกมาดี ซึ่งจะทำให้นักลงทุนกลับมาสนใจในภาพรวม คือภาวะเศรษฐกิจ หลังผลการประชุม กนง.ที่คณะกรรมการมีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจอยู่บ้าง และกำไร 2Q-17 ของตลาดที่ออกมาไม่สู้ดีนัก .... ปัจจัยตัวหนึ่งที่เรามองเป็นบวกต่อตลาด คือ Fed มีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยช้าลง (อาจไม่ปรับขึ้นในปีดี) ซึ่งจะชะลอแรงขายในตลาดหุ้นไทยลง
กลยุทธ์ลงทุน ด้วยมองว่าแรงซื้อจะเริ่มน้อย และเลือกตัวเล่นมากขึ้น อีกทั้ง เรายังมองตลาดมีความเสี่ยงจากงบ 2Q-17 ที่ออกมาไม่ดี รวมทั้ง upside ของตลาดอาจเหลือน้อยถ้านักวิเคราะห์ทยอยปรับลดเป้ากำไรของบริษัทต่างๆลง
.... ภาพรวมเรายังแนะนำชะลอการลงทุน หรือเลือกลงทุนแบบ selective buy เน้นปัจจัยเฉพาะตัว โดยเข้าลงทุนเพียงกรอบเวลาสั้นๆ


ปัจจัยสำคัญ
รายงานประชุม FOMC ระบุเงินเฟ้อต่ำ ปรับลดเป้าเงินเฟ้อลง เป็นผลให้เงินไหลกลับเข้าสู่ตลาดพันธบัตรอีกครั้งในลักษณะของ Reflation Trade ตลาดหุ้นเป็นบวกจาก Fund Flow ที่จะไม่เร่งออกจากตลาด (แต่ก็อาจไม่ซื้อเพิ่ม)
ประชุม กนง. คงดอกเบี้ย สิ่งที่ กนง.กังวล จริงๆก็เป็นเรื่องที่ตลาดรับรู้กันอยู่แล้ว คือ ลงทุนเอกชนและรัฐฯใช้จ่ายเงินช้าลง แต่ส่งออกดี เงินบาทแข็งเพราะดอลล่าร์เสื่อมค่าลง
หมดฤดูกาลเก็งงบการเงิน กำไร 2Q-17 บริษัทใน SET 2.25 แสนล้านบาท -9.0% YoY ; -21.8% QoQ และกำไรสุทธิของบริษัทใน MAI 1.90 พันล้านบาท -26.9% YoY ; -20.0% QoQ
มีประเด็นเรื่องหนี้ ของ PACE เข้ามาในตลาด ตามข่าวระบุ SCB เป็นเจ้าหนี้รายใหญ่


# คำแนะนำหรือมุมมองของหุ้นแต่ละกลุ่ม #
เรายังให้ความสนใจต่อหุ้นที่ไม่อิงต่อภาวะเศรษฐกิจมากนัก หรือมีความเป็น defensive เช่น โรงไฟฟ้า (EGCO, RATCH) หรือหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลกลางปี (LH ; ขึ้น "XD" 27 ส.ค. @0.40) หรือแม้กระทั่งหุ้นใหญ่ในกลุ่ม ICT คือ ADVANC ที่ราคาปรับลดลง แต่ยังคงความเป็นเบอร์หนึ่งของกลุ่มอยู่
กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ กลุ่มปิโตรเคมีต้นน้ำ จาก demand spread และราคาผลิตภัณฑ์ที่ฟื้นตัว ยังเป็นบวกต่อ IVL PTTGC และ SCC และ TASCO (ได้อานิสงค์จากภาวะน้ำท่วมและ spread ที่สูงขึ้น) ขณะที่หุ้นโรงกลั่นน้ำมัน ค่าการกลั่นเริ่มลดระดับลงมา เราแนะให้ทยอยขายทำกำไรช่วงสั้น
หุ้นกลุ่มโรงพยาบาล แม้โรงพยาบาลประกันสังคมถูกมองข้าม นักลงทุนกลับให้ความสนใจกับหุ้นใหญ่ แต่กำไรรวมของกลุ่ม 2Q เพิ่มขึ้น 67% YoY และ 44% QoQ หุ้นที่เราให้ความสนใจ คือ BDMS และหุ้นที่กำไรออกมาดี อีกสองตัว คือ BCH และ VIBHA
หุ้นกลุ่มอีเล็คทรอนิคส์ เงินบาทื่ทรงๆ และการสูงขึ้นของราคาหุ้นกลุ่ม Technology ในตลาดต่างประเทศ น่าจะทำให้ราคาหุ้นหลักๆ อย่าง HANA ปรับตัวสูงขึ้นได้
หุ้นเล็กที่น่าลุ้น จากผลประกอบการ 2Q ที่ออกมาดี ไม่ได้สั่นไหวไปตามภาวะเศรษฐกิจ และราคาหุ้นปรับตัวลงมามาก เราสนใจหุ้น 2 ตัว คือ UTP (กำไร 63 ลบ. +29% YoY ; +3% QoQ) และหุ้น CPR (กำไร 20 ลบ. +22% YoY ; -7% QoQ)
กลุ่มที่ต้องรอจังหวะเข้าลงทุน เพราะมีความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจ น้ำท่วม และ NPLs จะเป็นกลุ่มธนาคาร-ผู้ปล่อยเงินกู้ ที่อาจได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อหรือความสามารถในการชำระหนี้ที่ลดลง


Stock in Focus
หุ้น เหตุผล
ADVANC(ราคาปิด 180.00) มอง ADVANC ได้ผลบวกจากธุรกิจ Broadband หลัง TRUE หมดสัญญาสัมปทาน 2.6 ล้านเลขหมายกับ TOT ซึ่งจะส่งผลให้การขยายตัวเป็นไปได้ยากขึ้น …. มอง ADVANC มีแนวโน้มเติบโตได้ดีในระยะยาว โดยยังคงเป็นเบอร์ 1 ด้านธุรกิจ Telecom ซึ่งจะเริ่มเห็นการเติบโตอย่างชัดเจนตั้งแต่ช่วงปี 2018 เป็นต้นไป โดยคาดว่าปี 2018 ADVANC จะเติบโตประมาณ 18% (จากคาดการณ์ปี 2017 ที่ลดลงเล็กน้อย -2%) .... (ราคาที่เหมาะสมโดย KTBST ที่ 190.00 บาท)

EPG(ราคาปิด 10.90) คาดว่าผลการดำเนินงานในปี 2018 (เม.ย.2017-มี.ค.2018) จากทั้ง 3 ธุรกิจหลักจะกลับมาเติบโตได้ จากภาพรวมในแต่ละอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มดีขึ้น …. ประเมินกำไรสุทธิปี 2018 (เม.ย.2017-มี.ค.2018) ที่ 1,675 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% YoY …. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 14.00 บาท)

SCC(ราคาปิด 496.00) เราทำการ switch จาก IVL เป็น SCC โดยเรามอง spread ของปิโตรเคมีปรับตัวดีขึ้น .... SCC ได้เริ่มขยายการลงทุนในธุรกิจวัสดุก่อสร้างในต่างประเทศโดยต่อเนื่อง โดยเริ่ม COD โครงการโรงปูนในพม่าและลาวในช่วงเดือนมกราคมและมีนาคม .... (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 624.00 บาท)

MEGA*(ราคาปิด 30.00) มองเป็นอีกหุ้นที่ผลการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่อง …. โดยกำไรสำหรับช่วง 2Q17 อยู่ที่ 291 ล้านบาท (+33% YoY, +52% QoQ) สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 246 ล้านบาท และ Bloomberg คาดทั้งปีที่ 981 ล้านบาท (+12.5% YoY).... นอกจากนี้เทรนด์การรักสุขภาพยังเป็นปัจจัยหนุนให้ MEGA เติบโตในระยะยาวอีกด้วย .... (ราคาที่เหมาะสม โดย Bloomberg ที่ 31.59 บาท)

HANA(ราคาปิด 43.75) มองตลาดรับรู้เรื่องค่าเงินบาทที่แข็งค่าไปมากแล้ว และมองค่าเงินบาทเริ่มทรงตัว อีกทั้งหุ้นกลุ่ม Technology ในต่างประเทศเริ่มพลิกกลับเป็นบวกได้ .... HANA รายงานกำไรสุทธิใน 2Q17 ที่ 676 ล้านบาท (+62.0% YoY, -17.4% QoQ) ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด …. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 57.00 บาท)
Source: KTBST Research


ประเด็นสำคัญ : ข่าวและหุ้น
เศรษฐกิจสหรัฐฯ - กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านร่วงลงมากกว่าคาดในเดือนก.ค. โดยได้รับผลกระทบจากการลดลงของการสร้างบ้านสำหรับครอบครัวเดี่ยว และหลายครอบครัว
สถานการณ์การเมืองสหรัฐฯ - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทวีตข้อความ ระบุว่า เขาได้ประกาศยุบสภาที่ปรึกษา 2 ชุดของเขา ซึ่งได้แก่ สภาการผลิตอเมริกา และสภากลยุทธ์และนโยบาย หลังจากที่สมาชิกของสภาการผลิตอเมริกาได้พากันทยอยลาออกเพื่อประท้วงท่าทีของปธน.ทรัมป์ต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้นในเมืองชาร์ล็อตส์วิลล์ รัฐเวอร์จิเนียเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
สถานการณ์เกาหลีเหนือ-สหรัฐฯ - นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (UN) กล่าวว่า ขณะนี้ถึงเวลาที่จะต้องลดการใช้คำพูดยั่วยุฝ่ายตรงข้าม และเพิ่มการใช้แนวทางทางการทูตในการแก้ไขวิกฤตการณ์เกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ
เศรษฐกิจยุโรป - แหล่งข่าวระบุว่า นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะไม่ส่งสัญญาณการใช้นโยบายใหม่ในการกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมเศรษฐกิจประจำปีที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแคนซัส ซิตี้ จัดขึ้นที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 24-26 ส.ค.นี้
เศรษฐกิจยุโรป - สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจยูโรโซนมีการขยายตัว 0.6% ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบรายไตรมาส ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
เศรษฐกิจไทย - คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ต่อปี
น้ำมัน - สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว และเป็นการปรับตัวลงสัปดาห์ที่ 7 ติดต่อกัน
PTTEP - ปตท.สผ. เปิดเผยว่า ปตท.สผ. มองว่าเป็นการดีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติในหลักการของร่างกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับสัญญาแบ่งปันผลผลิตทั้ง 3 ฉบับ และเห็นชอบในประกาศร่างประกาศคณะกรรมการปิโตรเลียม เนื่องจากกฎหมายลูกทั้ง 4 ฉบับนี้จะเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่ทำให้การประมูลสัมปทานที่จะหมดอายุ คือ แหล่งบงกชและแหล่งเอราวัณเดินหน้าต่อไปได้
MALEE - MALEE กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกันเพิ่มเติมอีก 2-3 ราย หลังล่าสุดได้มีความร่วมมือกับ บมจ.เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ (MEGA) เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์พร้อมดื่มเพื่อสุขภาพ โดยคาดว่าจะเห็นผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้ในช่วงไตรมาส 4/60
BANPU - BANPU คาดว่า ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะได้รับผลบวกจากราคาถ่านหินที่คาดว่าจะอยู่ในระดับที่สูงกว่าระดับ 66.6 เหรียญสหรัฐ/ตัน ในช่วงครึ่งปีแรก หลังราคาตลาดโลกปัจจุบันอยู่ในระดับที่สูง


Analyst : Mongkol Puangpetra
+662 648 1123
[email protected]

Nontapat Rushtasomboon
+662 648 1127
[email protected]

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!