- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 16 August 2017 17:26
- Hits: 1143
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily
ภาพตลาดวันวาน
ดัชนีเปิดตลาดปรับตัวขึ้นทันที ก่อนที่จะเหวี่ยงตัวลงมาเล็กน้อยถือเป็นจุดต่ำสุดของวันที่ 1565.43 จุด เพิ่มขึ้น 4.12 จุด พร้อมกับแกว่งตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่องโดย ได้แรงซื้อหลักจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน พาณิชย์ และแบงก์ ขึ้นทำจุดสูงสุดของวันที่ 1572.07 จุด เพิ่มขึ้น 10.76 จุด ทำให้มีกรอบการเคลื่อนไหวทั้งวันที่ 6.64 จุด ทั้งนี้หุ้นที่มี Impact ต่อการปรับตัวขึ้นของดัชนีได้แก่ BEAUTY, IVL, SCC, PTT, BEM, LH ก่อนดัชนีจะทำปิดที่ 1567.19 จุด เพิ่มขึ้น 5.88 จุด (+5.88%) มูลค่าการซื้อขาย 36,977 ล้านบาท
ภาพตลาดวันนี้
ดัชนีวานนี้สามารถฟื้นตัวได้ ด้วยการเปิดกระโดดขึ้นสร้าง gap (1561.53-1565.58=4.05) ในภาพรายชม. แกว่งตัวยืนบวกได้ตลอดทั้งวันขึ้นทำ High ที่ 1572 จุด ก่อนที่จะอ่อนตัวลงมาทำปิดที่ 1567 จุด จากภาพของการฟื้นตัวนั้นดูเหมือนยังไม่มีความแข็งแรงมากพอ ประกอบกับปริมาณการซื้อขายที่ยังไม่สนับสนุน ทำให้การพักตัวมีโอกาสเกิดขึ้นได้ ขณะเดียวกันค่าสัญญาณ MACD และ Signal ที่ต่ำกว่าศูนย์ทั้งคู่ ทำให้น้ำหนักของการลงมีมากขึ้น โดยคาดว่าดัชนีมีโอกาสลงมาปิด gap ที่เปิดไว้ในวันก่อนหน้า แนวรับ 1561-1565 จุด แนวต้าน 1570-1575 จุด
แกว่งตัวผันผวน - การ Rebound ที่อ่อนแรงมีโอกาสพักตัวลงต่อ
Support 1550-1554 // 1535 จุด Resistance 1574 // 1580-1583 จุด
พรรณนภา เขมะสุรัตน์ Technical Analyst
เลขทะเบียน : 060110 Tel 02- 6481124
Email: [email protected]
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
'แรง rebound น้อยลง กลับมาดูหุ้นรายตัว'
ทิศทางตลาดหุ้นไทย : แรง Rebound จะเริ่มแผ่ว ปัจจัยในประเทศ มีผลมากขึ้น หลังกำไร 2Q ของตลาด(SET) น่าจะติดลบ 10-12% YoY ผลประกอบการของหุ้นหลายตัวชะลอลงและมีหุ้นที่ขาดทุนเพิ่มขึ้น และนักลงทุนยังอาจไม่มั่นใจต่อภาวะเศรษฐกิจ ที่อาจได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมและกำลังซื้อที่ชะลอตัว กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีฯทั้งสัปดาห์ 1550-1575 จุด
กลยุทธ์การลงทุน : ตลาดหุ้นไทย จะถูกกดดันด้วยปัจจัยเฉพาะตัว ทำให้แรงซื้อของนักลงทุน จะกลับเข้ามาในหุ้นขนาดใหญ่บางตัวเท่านั้น .... ภาพรวมเรายังแนะนำชะลอการลงทุน หรือเลือกลงทุนแบบ selective buy เน้นปัจจัยเฉพาะตัว และเข้าลงทุนเพียงกรอบเวลาสั้นๆ
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ประจำวัน : สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิ TASCO* , BDMS , IVL , LH* , KCE
หุ้นแนะนำเชิงเทคนิค : TTA , ECL, STAR
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
บทวิเคราะห์และความเห็นข่าวสำคัญ
(0) AOT : กำไรสุทธิ 3Q17 ใกล้เคียงคาด รอลุ้นประมูลพื้นที่เช่าเชิงพาณิชย์สนามบินสุวรรณภูมิต้นปีหน้า
(-) BA : 2Q17 ขาดทุนหนัก แต่คาดว่าจะเป็นจุดต่ำสุดของปี
(+) BCH : รายงานกำไรสุทธิ 2Q17 ดีกว่าที่ตลาดคาดเล็กน้อย เติบโตทั้ง YoY และ QoQ
(-) CFRESH : 2Q17 ธุรกิจกุ้งมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน
(0) CPF : 2Q17 กดดันจากหมูเวียดนาม กำไรปกติใกล้กับที่คาด ครึ่งปีหลังแนวโน้มฟื้นขึ้น
(0) SAWAD : กำไรสุทธิ 2Q17 เพิ่มขึ้น YoY ตามการขยายตัวของสาขา และสินเชื่อ
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (15 ส.ค.) ปิดที่ระดับ 1,567.19 จุด เพิ่มขึ้น 5.88 จุด หรือ +0.38% มูลค่าการซื้อขาย 36,976.92 ล้านบาท ตลาดสามารถปรับตัวขึ้นได้ตามตลาดหุ้นภูมิภาค หลังสถานการณ์ความตรึงเครียดในเกาหลีเริ่มมีความคลี่คลายลง
ตลาดหุ้นต่างประเทศ ตลาดหุ้นนิวยอร์ค ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 21,998.99 จุด เพิ่มขึ้น 5.28 จุด หรือ +0.02% ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นเล็กน้อย โดยมีแรงบวกจากสถานการณ์เกาหลีเหนือที่ดีขึ้น แต่กรอบการขึ้นมีจำกัด หลังนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มค้าปลีก .... ด้าน Stoxx Europe 600 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.1% ปิดที่ 376.50 จุด
ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-เกาหลีเหนือคลี่คลายลง ภาพตลาดต่างประเทศเป็นบวกมากขึ้น หลังนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ประกาศหยุดแผนการโจมตีเกาะกวมออกไปก่อน อีกทั้งรัฐบาลสหรัฐออกมายืนยันว่าจะยังคงใช้แนวทางทางการทูตในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลี เรามองประเด็นดังกล่าวเป็นประเด็นบวกซึ่งจะส่งผลให้ตลาดกลับมาเป็นบวกได้ .... จากประเด็นดังกล่าว ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลัก ในขณะที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์ มาอยู่ที่ราว 33.3 บาท/ดอลลาร์ ....
ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญวานนี้ของสหรัฐฯได้แก่ ตัวเลขยอดค้าปลีกซึ่งออกมาดีกว่าคาดโดยพุ่งขึ้น 0.6% ในเดือนก.ค. ในขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดค้าปลีกจะเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก.ค. .... วันนี้ติดตามผลการรายงานตัวเลข GDP ของยุโรป (Bloomberg คาดไวดที่ 0.60%)
ราคาน้ำมันดิบยังทรงตัวต่อเนื่อง สัญญาน้ำมันดิบ ลดลงเล็กน้อย 4 เซนต์ หรือ -0.1% ปิดที่ 47.55 ดอลลาร์/บาร์เรล .... EIA คาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดานของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นในเดือนส.ค. และเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะบ่อน้ำมันสหรัฐ เปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเรายังมีมุมมองเช่นเดิมว่าราคาน้ำมันดิบจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ราว 50 ดอลลาร์/บาร์เรบ
ปัจจัยในประเทศ เข้าสู่ช่วงสุดท้ายของการรายงานผลประกอบการ 2Q โดยกำไร SET จนถึงช่วงเย็น 15 ส.ค. มีกำไร 2.1 แสนลบ. ลดลง 12% YoY และ ลดลง 24% QoQ จากการลดลงของกำไรหุ้น 2 กลุ่มหลัก คือ พลังงาน-ปิโตรเคมี ตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง .... ในวันนี้จะมีการประชุม กนง. โดยตลาดยังคาดว่าจะคงดอกเบี้ยนโยบายไวที่ระดับ 1.50%)
Fund Flow Analysis & Sector Rotation
Fund Flow แรงซื้อหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศกลับเข้ามาในตลาดหุ้นเอเซียอีกครั้ง (ยกเว้นอินเดีย) หลังผู้นำเกาหลีเหนือ ยอมถอนคำสั่ง(แผน)โจมตีเกาะกวม ส่งผลให้สถานการณ์เกาหลีเหนือคลี่คลายลง และพลิกมาขายพันธบัตร จากที่เคยซื้อเข้าเป็นจำนวนมากในช่วงก่อนหน้านี้ .... ประเมิน Flow ของนักลงทุนต่างประเทศอาจกลับเข้ามาซื้อหุ้นคืน แต่คาดจะเลือกตลาดและเลือกหุ้นที่จะเข้าซื้อด้วย
ทิศทางตลาดหุ้น แรง Rebound จะเริ่มแผ่ว ปัจจัยในประเทศ มีผลมากขึ้น หลังกำไร 2Q ของตลาด(SET) น่าจะติดลบ 10-12% YoY ผลประกอบการของหุ้นหลายตัวชะลอลงและมีหุ้นที่ขาดทุนเพิ่มขึ้น และนักลงทุนยังอาจไม่มั่นใจต่อภาวะเศรษฐกิจ ที่อาจได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมและกำลังซื้อที่ชะลอตัว กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีฯทั้งสัปดาห์ 1550-1575 จุด
กลยุทธ์ลงทุน ตลาดหุ้นไทย จะถูกกดดันด้วยปัจจัยเฉพาะตัว ทำให้แรงซื้อของนักลงทุน จะกลับเข้ามาในหุ้นขนาดใหญ่บางตัวเท่านั้น .... ภาพรวมเรายังแนะนำชะลอการลงทุน หรือเลือกลงทุนแบบ selective buy เน้นปัจจัยเฉพาะตัว และเข้าลงทุนเพียงกรอบเวลาสั้นๆ
ปัจจัยสำคัญ
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. มั่นใจส่งออกไทยแตะ 5% สะท้อนคำสั่งซื้อต่างประเทศพุ่ง แต่ต้องจับตาค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด หวั่นสูญเงินกว่า 4-5 หมื่นล้านบาท พร้อมยอมรับกำลังซื้อในประเทศยังเงียบ หวังรัฐเร่งกระตุ้น ….. สะท้อนให้เห็นภาพเศรษฐกิจของไทยเอง ที่อาจดตไม่ได้มากนัก (เมื่อเทียบกับที่ตลาดประมาณการ)
Update สถานการณ์เกาหลีเหนือ ผู้นำเกาหลีเหนือยอมถอยลงหนึ่งก้าว สถานการณ์ดีขึ้น โดยกลับมาเจรจาบนโต๊ะ เป็นบวกต่อตลาดหุ้นสั้นๆ เพราะที่ผ่านมาตลาดไม่ได้ให้น้ำหนักต่อเรื่องนี้มากอยู่แล้ว
การรายงานผลประกอบการของบริษัทในตลาด ในช่วงสุดท้าย คือเช้าวันนี้ กำไรของบริษัท ใน SET รายงานจนถึงในช่วงเย็น 15 ส.ค. มีกำไร 2.1 แสนลบ. ลดลง 12% YoY และ ลดลง 24% QoQ ขณะที่ผลกำไรบริษัทใน Mai อยู่ที่ 1.9 พันลบ. ลดลง 22% YoY และ ลดลง 15% QoQ
การรายงานกำไรงวดนี้ น่าจะออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด รวมถึงเราที่คาดว่ากำไร 2Q ของ SET จะอยู่ที่ 2.3 แสนลบ. ลดลง 9% YoY .... ส่งผลให้ค่า P/E ของตลาดอาจพุ่งขึ้นแตะ 17.0 เท่า เรามองผลประกอบการที่ออกมาแบบนี้ ว่าเป็นตัวถ่วงตลาดหุ้น
หุ้นส่งงบ 15 ส.ค.ที่กำไรดี เช่น KTIS , MDX, ASIMAR, SAPPE,VIBHA
หุ้นที่ส่งงบ 11 ส.ค.กำไรลดลง เช่น JSP, PPM, TTCL,TCMC
ตั้งแต่วันนี้ หุ้นใหญ่ จะทยอยขึ้น "XD" ระลอกใหม่ วันนี้ จะเป็น INTUCH และช่วง 2 วันข้างหน้า BAFS, KCAR, SCCC,ANAN, JASIF, KCE,TU
ปัญหาน้ำท่วม เริ่มคลี่คลายลง แต่มีสัญญารบ่งชี้ว่าภาวะเศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม ซึ่งจะเห็นผลต่อ GDP ไตรมาสที่สาม รวมทั้งปรากฎในงบการเงินของบริษัทในตลาดหุ้นด้วย
# คำแนะนำหรือมุมมองของหุ้นแต่ละกลุ่ม #
ตลาดจะหมดช่วงของ technical rebound และนักลงทุนจะกลับเข้ามาสนใจ ตัวแปรสำคัญๆ ที่มีอยู่ในตลาด อาทิ ผลประกอบการ น้ำท่วม เศรษฐกิจไทย และ fund Flow ที่จะย้ายไปที่ไหน ทำให้แนวโน้มตลาดยังดูไม่สดใสนัก
เราคาดว่า หลังผ่านช่วงงบออกแล้ว เราจะมีการปรับประมาณการทั้งกำไรของบริษัทในตลาดและเป้าหมายของ SET Index ปีนี้ลง จากเป้าดัชนีฯ ที่ 1660 จุด (P/E 16.6 เท่า)
กลุ่มที่ควรให้ความสนใจสำหรับการลงทุนเป็นลำดับแรก คือหุ้นที่ไม่อิงต่อภาวะเศรษฐกิจมากนัก หรือมีความเป็น defensive โรงไฟฟ้า (EGCO, WHAUP) หรือหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลกลางปี (LH ; ขึ้น "XD" 27 ส.ค. @0.40)
กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ เราให้ความสนใจกับหุ้นพลังงาน-ปิโตรเคมีต้นน้ำ จาก demand และราคา ที่ฟื้นตัว เช่น IVL ,SCC, และ TASCO (ได้อานิสงค์จากภาวะน้ำท่วม) ขณะที่หุ้นโรงกลั่นน้ำมัน อาจเลือกเล่นได้บางตัว ที่ราคาขึ้นมาไม่มาก เช่น SPRC และ ESSO
หุ้นกลุ่มโรงพยาบาล แม้โรงพยาบาลประกันสังคมถูกมองข้าม นักลงทุนกลับให้ความสนใจกับหุ้นใหญ่ แต่กำไรรวมของกลุ่ม 2Q เพิ่มขึ้น 67% YoY และ 44% QoQ หุ้นที่เราให้ความสนใจ คือ BDMS และหุ้นที่กำไรออกมาดี อีกสองตัว คือ BCH และ VIBHA
กลุ่มที่ต้องรอจังหวะเข้าลงทุน เพราะมีความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจและน้ำท่วม จะเป็นกลุ่มธนาคารและค้าปลีก-ขายส่ง-ปล่อยเงินกู้ ที่อาจได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อหรือความสามารถในการชำระหนี้ที่ลดลง
หุ้นกลุ่มอีเล็คทรอนิคส์ การแข็งค่าของเงินบาท ยังอาจส่งผลกระทบต่อรายได้อนาคต แต่ด้วยเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลง (สั้นๆ) ราคาหุ้นที่เริ่มมีแรงซื้อกลับ เราเห็นว่า น่าจะทำให้มีแรงซื้อกลับในหุ้นบางตัว คือ KCE
Stock in Focus
หุ้น เหตุผล
TASCO(ราคาปิด 22.40) มอง TASCO จะได้รับผลบวกจากสถานการณ์น้ำท่วมในประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้ demand สินค้าของ TASCO มีสูงขึ้น …. กำไรช่วง 2Q17 ออกมาค่อนข้างน่าผิดหวังจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงตามราคายางมะตอย แต่มองว่าราคายางมะตอยมีแนวโน้มที่ดีขึ้นตั้งแต่ช่วง 3Q17 เป็นต้นไป .... (ราคาที่เหมาะสมโดย Bloomberg ที่ 24.45 บาท)
BDMS(ราคาปิด 19.80) เป็นหนึ่งในหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลที่รายงานกำไร 2Q17 เติบโตมาก โดย BDMS รายงานกำไรสุทธิ 2Q17 อยู่ที่ 3,791 ล้านบาท (+127.1% YoY, +92.1% QoQ) กำไรสุทธิเติบโตมากเนื่องจากมีกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุนใน BH จำนวน 2,195 ล้านบาท …. มองว่า 3Q17 นี้ กำไรปกติของ BDMS จะทำจุดสูงสุดของปี เนื่องจากฝนยังคงตกต่อเนื่องและเริ่มมีไข้หวัดใหญ่ระบาดตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมิถุนายน …. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 19.10 บาท)
IVL(ราคาปิด 38.25) การปรับตัวลงของ 2Q17 เป็นผลมาจาก stock loss แต่ถ้าดูเฉพาะกำไรที่มาจาก operation มีแนวโน้มที่ดีขึ้นจาก spread (margin) ที่ดีขึ้น +1.8% QoQ โดยคาดแนวโน้มในช่วงต่อจากนี้จะปรับตัวดีขึ้นหลังความเสี่ยงต่อการรับรู้ stock loss ต่ำ และยอดขายรวมในสหรัฐฯกลับมาดำเนินงานเป็นปกติ.... (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 43.00 บาท)
LH(ราคาปิด 10.20) LH ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลที่ 0.40 บาท/หุ้น โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 23 ส.ค. นี้ …. ผลการดำเนินงาน 2Q17 กำไรสุทธิออกมาดีที่ 3.6 พันล้านบาท สูงกว่าที่ตลาดคาด .... (ราคาที่เหมาะสม โดย Bloomberg ที่ 11.28 บาท)
KCE(ราคาปิด 89.25) ราคาหุ้นก่อนหน้านี้ปรับตัวลงไปมาก เป็นผลมาจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าและราคาทองแดงที่ปรับตัวสูงขึ้น มองราคาหุ้นมีโอกาสพลิกกลับ หลังค่าเงินบาทเริ่มมีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลง .... KCE รายงานกำไรสุทธิใน 2Q17 ที่ 672 ล้านบาท (-17.2% YoY, +1.5% QoQ) ใกล้เคียงกับที่คาดและคาดคาดว่า KCE จะกลับมาเติบโตโดดเด่นได้ใน 3Q17 …. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 104.00 บาท)
Source: KTBST Research
ประเด็นสำคัญ : ข่าวและหุ้น
เศรษฐกิจสหรัฐฯ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 0.6% ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว หลังจากขยับขึ้น 0.3% ในเดือนมิ.ย.
เศรษฐกิจสหรัฐฯ - สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านเพิ่มขึ้น 4 จุด สู่ระดับ 68 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.
เศรษฐกิจสหรัฐฯ - กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2016 หลังจากขยับขึ้น 0.3% ในเดือนพ.ค.
สถานการณ์เกาหลีเหนือ-สหรัฐฯ - นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ประกาศหยุดแผนการโจมตีเกาะกวมออกไปก่อน และรมว.ต่างประเทศสหรัฐ กล่าวในวันนี้ว่า สหรัฐยังคงเปิดกว้างต่อการเจรจากับทางเกาหลีเหนือ
เศรษฐกิจจีน - กระทรวงพาณิชย์ของจีนเปิดเผยว่า ปริมาณการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ของจีนลดลง 1.2% ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว สู่ระดับ 4.8542 แสนล้านหยวน (7.279 หมื่นล้านดอลลาร์)
เศรษฐกิจไทย - ครม. ขยายเวลาการใช้ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่อัตรา 7% ออกไปอีก 1 ปี จากเดิมที่จะสิ้นสุดในวันที่ 30 ก.ย.นี้ พร้อมยืนยันว่า ไม่มีแนวคิดเพิ่ม VAT เป็น 10% เพราะประเทศยังไม่พร้อม เนื่องจากรายได้ประชาชนยังต่ำ
กลุ่มรับเหมาฯ - นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร ในวันที่ 21-22 ส.ค.นี้ กระทรวงคมนาคมจะเสนอร่างสัญญาจ้างที่ปรึกษาออกแบบ หรือ สัญญา 2.1 โครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพ-นครราชสีมา
กลุ่มประกัน - วงการประกันภัยประเมินเคลมน้ำท่วมอีสาน-เหนือกว่า 20 จว. ไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท แถมหวั่นถ้านาข้าวเสียหาย 1.5 ล้านไร่ จากเป้าหมายพื้นที่ปลูกปีนี้ 25 ล้านไร่ (ดอกเบี้ยธุรกิจ, 14-20 ส.ค.)
กลุ่มโรงไฟฟ้า - กกพ.คาดการณ์อีก 20 ปีไม่มีเปิดประมูลโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ เหตุเศรษฐกิจขยายตัวต่ำกว่าแผน PDP "กัลฟ์" ทยอยส่งไฟเข้าระบบ ทำกำลังผลิตในประเทศล้น ไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนเพิ่ม 40% (ประชาชาติธุรกิจ, 17-19 ส.ค.)
PTTEP - ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างกฎกระทรวงและร่างประกาศคณะกรรมการปิโตรเลียม ออกตามความใน พ.ร.บ.ปิโตรเลียม พ.ศ.2514 และที่แก้ไขเพิ่มเติมรวม 4 ฉบับ "การให้สัมปทานตามเดิมมีปัญหาถกเถียงกันว่า พอสำรวจพบน้ำมันแล้วจะเป็นของผู้รับสัมปทาน ไม่ได้ให้สิทธิ์กับคนในชาติ จึงมีการแก้ไข ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ" นายกอบศักดิ์ กล่าว
SAPPE - กล่าวว่า บริษัทมั่นใจว่ารายได้ปีนี้จะเติบโตตามเป้า 10% โดยบริษัทยังเดินหน้ารุกขยายตลาดต่างประเทศใหม่ ๆ ในภูมิภาคเอเชีย ขณะที่ตลาดในประเทศนั้น มั่นใจว่าจะสามารถผลักดันยอดขายเติบโตได้ดีเช่นกัน
FOCUS - มีมติอนุมัติการลงทุนในโครงการบริหารจัดการขยะของบริษัท โฟคัส เวก บางนา จำกด (Focus Wheig Bangna) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ FOCUS โดยมูลค่าโครงการประมาณ 180 ล้านบาท
SPRC - บริษัทยังคงเป้าหมายกำลังการกลั่นน้ำมันเฉลี่ยในปีนี้ที่ระดับ 165,000 บาร์เรล/วัน แม้จะมีการหยุดซ่อมบำรุงหน่วยหอกลั่นน้ำมันดิบ (CDU) เป็นเวลา 10 วัน ในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้สามารถกลับมาดำเนินการได้ตามปกติแล้ว
Analyst : Mongkol Puangpetra
+662 648 1123
[email protected]
Nontapat Rushtasomboon
+662 648 1127
[email protected]