- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 15 August 2017 17:00
- Hits: 3311
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
ปรับขึ้นตามตลาดต่างประเทศ? หลังสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือ เริ่มคลี่คลายในมิศทางที่ดีขึ้น โดยสหรัฐฯ จะยังใช้แนวทางการทูตในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลี หลังสัปดาห์ที่ผ่านมาเกาหลีเหนือมีแผนโจมตีเกาะกวมภายในกลางเดือนนี้ ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการลงทุน และทำให้ดัชนีหุ้นปรับลดลงในช่วงที่ผ่านมา
ทางด้านราคาน้ำมัน ยังมีความผันผวน ล่าสุดยังปรับลดลง ภายใต้ความกังวล Supply ในตลาดโลก ขณะเดียวกันมีความกังวลต่อความต้องการใช้น้ำมันของจีนปรับลดลง (จีนใช้น้ำมันเป็นอันดับ 2 ของโลก)
พร้อมยังแนะติดตามปัจจัยเดิมจากต่างประเทศ คาดยังกดดันภาพรวมตลาด (1) การส่งสัญญาณของเฟดปรับลดงบดุลจากระดับปัจจุบันที่ 4.5 ล้านล้านUSD ที่คาดจะประกาศในเดือนก.ย. นี้ (ประชุมเฟด 19 – 20/9/60) และ (2) ความไม่แน่นอนทางการเมืองของสหรัฐฯ หลังวุฒิสภามีมติคัดค้านการยกเลิกกฎหมายประกันสุขภาพฉบับโอบามาแคร์ ซึ่งทำให้เกิดความไม่มั่นใจว่า ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ จะสามารถผลักดันมาตรการต่างๆ ตามที่เคยหาเสียง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงนโยบายการปฏิรูปภาษี ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อเนื่อง คาดส่งผลดีต่อทิศทางเงินลงทุนจากต่างชาติ
ทางด้านประเด็นในประเทศ (+) ผลประกอบการ 2Q/60 ถึงวันพรุ่งนี้ (ช่วงเช้าก่อนตลาดเปิด) โดยแนะระวังแรงขายทำกำไร (Sell on Fact) หลังจบช่วงประกาศงบฯ ขณะเดียวกันอยู่ในช่วงการขึ้นเครื่องหมาย XD ที่คาดปรับขึ้นของดัชนีอาจอยู่ในกรอบจำกัด และในวันพรุ่งนี้ (16/8/60) จะมีการประชุม กนง. (16/8/60) คาดยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50%
ส่วนทางด้าน Fund Flow คาดยังมีความผันผวน แม้ล่าสุดจะมีแรงซื้อสุทธิกลับเข้ามา และทำให้ YTD พลิกกลับเป็นยอดซื้อสุทธิสะสม 1,622 ล้านบาท ขณะที่เงินบาท ยังคงแข็งค่าต่อเนื่องในรอบเกือบ 2 ปี โดยเคลื่อนไหวบริเวณ 33.25 - 33.27 บาท และภายใต้เงินบาทที่แข็งค่าดังกล่าว คาดยังเป็น Sentiment ลบต่อหุ้นในกลุ่มส่งออก
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มอาหาร ได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น BR, CBG เป็นต้น
(2) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น
SET SET50 SET100
1,561.31 -10.33 995.06 -5.28 2,227.91 -14.17
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดต่างประเทศ DJIA +135.39, NASDAQ +83.68, S&P +24.52, FTSE +43.93, CAC +60.75 และ DAX +151.06
หลังเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐจะยังคงใช้แนวทางการทูตในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลี ทำให้คลายความกังวลต่อสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือที่มีมาก่อนหน้า และมีการกลับเข้าลงทุนในตลาดหุ้นหลังดัชนีปรับลดลง
และยังอยู่ระหว่างติดตามสภาคองเกรส พิจารณาปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ก่อนที่จะปิดสมัยประชุม เพื่อให้สหรัฐฯ สามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ โดยปัจจุบันรัฐบาลมีงบประมาณเพียงพอถึงเดือนก.ย. นี้ เท่านั้น
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ก.ย. -US$1.23 อยู่ที่US$47.59 ต่อบาร์เรล ภายใต้ปัจจับลบ (1) เงินสหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น ส่งผลให้สัญญาน้ำมันซึ่งซื้อขายในรูปเงินสหรัฐฯ มีราคาสูงขึ้น (2) กำลังการกลั่นน้ำมันของจีน – ก.ค. อยู่ที่ 10.71 ล้านบาร์เรล/วัน ลดลง 500,000 บาร์เรล/วัน จากเดือนมิ.ย. และเป็นระดับต่ำสุดนับแต่ก.ย.’59
ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่า ผลิตภัณฑ์น้ำมันกลั่นจำนวนมากในจีน จะทำให้จีนลดความต้องการน้ำมัน และ (3) จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐฯ ล่าสุด เพิ่มขึ้น 3 แท่น สู่ระดับ 768 แท่น โดยเพิ่มขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 สัปดาห์
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
16.68 1.89 3.09
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 43,323.88
สถาบัน -3,594.64
บัญชีหลักทรัพย์ 2,094.27
ต่างประเทศ 992.29
ในประเทศ 508.09
(3) กลุ่มพลังงาน เช่น BCP, TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น และ PTT ที่ผลการดำเนินงานยังมีความแข็งแกร่งต่อเนื่อง
(4) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วง 2Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น MONO และ WORK
(5) กลุ่มท่องเที่ยว ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว เช่น CENTEL, MINT
(6) กลุ่มขนส่ง ยังได้รับผลดีจากการท่องเที่ยว เช่น AOT
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.03 อยู่ที่ 2.22%(ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -3.18 อยู่ที่ 12.33
หุ้นแนะนำ : MONO
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร. 02-684-8788