- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 15 August 2017 16:53
- Hits: 1424
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> ระยะสั้นเก็งกำไรตามการรีบาวด์ ส่วนที่ซื้อแล้วเน้นถือต่อ
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ปรับตัวลงแรงกว่าคาดโดยระหว่างวันลงไปทะสอบระดับ 1,555 จุดก่อนที่จะรีบาวด์ขึ้นมาได้บ้าง โดยตลาดกังวลกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างเกาหลีเหนือและสหรัฐฯ ขณะที่แรงขายส่วนใหญ่มาจากสถาบันในประเทศถึงเกือบ 3,600 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิในตลาดหุ้นเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันอีกเกือบ 1,000 ลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะรีบาวด์กลับขึ้นมาทดสอบระดับ 1,570 จุด ตามตลาดหุ้นภูมิภาคหลังสหรัฐระบุว่าจะใช้แนวทางทางการทูตในการแก้ไขปัญหากับเกาหลีเหนือ แต่ราคาดิบที่ปรับตัวลง 2.5% เมื่อคืนนี้อาจถ่วงหุ้นในกลุ่มพลังงานอยู่บ้าง แต่เชื่อว่าหุ้นในกลุ่มอื่นๆจะยังนำตลาดได้ โดยเราชอบกลุ่มทีได้ประโยชน์จากการลงทุน (แบงค์ รับเหมา วัสดุก่อสร้าง)
กลยุทธ์ : ระยะสั้นเก็งกำไรตามรอบรีบาวด์ ส่วนที่ซื้อแล้วเน้นถือต่อ
หุ้นเด่นเดือน ส.ค. : EKH, EPG, ITEL, MTLS, SEAFCO
Fund Flow เมื่อวันศุกร์และเมื่อวานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$864ล้าน และ US$278ล้าน ตามลำดับ เมื่อวานนี้เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$215ล้าน และไต้หวัน US$49ล้าน ขณะที่ไหลเข้าฟิลิปปินส์ US$5ล้าน ไทยปิดทำการ ขณะที่วันศุกร์มีเม็ดเงินไหลเข้าไทย US$30ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางพลิกกลับมาไหลเข้าภูมิภาคหลังความกังวลต่อคาบสมุทรเกาหลีสงบลง
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> BEM <<
BEM เป็นหุ้นที่ผลประกอบการ 1H17 ดีขึ้น Y-Y (+18%) แต่ราคายังไม่ตอบรับเท่าที่ควร ตั้งแต่ต้นปี -1.3% แย่กว่ากลุ่มขนส่ง +16% และ SET +1.2%
แนวโน้ม 2H17 ยังโดดเด่นจากการเปิดสถานีเชื่อมเตาปูน-บางซื่อ และการจราจรบนทางด่วนที่หนาแน่นขึ้นทุกวัน ส่วนภาพระยะยาวจะได้แรงหนุนจากการเปิดรถไฟฟ้าสีน้ำเงินส่วนต่อขยายปี 2019 และการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์รวมถึงสื่อโฆษณามากขึ้น
แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 9.70 บาท
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) กำไรปกติ 2Q17 -19% Q-Q, -12% Y-Y ส่วนใหญ่เพราะ Stock loss ของกลุ่ม Commodity (พลังงาน ปิโตรเคมี เหล็ก) ตรงข้ามกับ 1Q17 และ 2Q16 ที่มี Stock gain จำนวนมาก หากดูเฉพาะกำไรปกติของกลุ่ม Non-commodity พบว่า -26% Q-Q เพราะฝนมาเร็วกว่าปกติ และ -7% Y-Y ฉุดโดยกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม สายการบิน อสังหาฯ มือถือ และโรงพยาบาลขนาดเล็ก เมือมองไปข้างหน้าเราพบ 3 กลุ่มเสี่ยงคืออิเล็คทรอนิกส์ สายการบิน และเครื่องดื่ม ส่วน 3 กลุ่มแกร่งคือ โรงแรม โรงพยาบาล และมือถือ ทั้งนี้ เรายังชอบกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการลงทุน (แบงก์ รับเหมา วัสดุก่อสร้าง)
(0) BANPU กำไรสุทธิ 2Q17 +58% Q-Q, +704% Y-Y ต่ำกว่าคาดจากขาดทุนค่าเงินและ Hedging แต่กำไรปกติตามคาดที่ 2,745 ลบ. +15% Q-Q, 410% Y-Y จากทั้งราคาถ่านหินที่ขึ้นและโรงไฟฟ้าหงสาที่เดินเครื่องเต็มกำลัง แนวโน้ม 2H17 คาดโตต่อเนื่องตามราคาถ่านหินที่ทรงตัวระดับสูง ราคาปัจจุบันที่ Laggard ทั้งราคาถ่านหินและ ITMG เพราะกังวลคดีหงสา กรณีแย่สุดกระทบ 6.1 บาท/หุ้น ราคาเป้าหมายจะลดจาก 24 บาทเหลือ 17.9 บาท ยังสูงกว่าราคาตลาด แนะนำซื้อ
(+) FTE กำไรสุทธิ 2Q17 อยู่ที่ 27 ลบ. เพิ่มขึ้นถึง 59% Y-Y จากการรับรู้งานโครงการอัตรากำไรสูง กำไร 1H17 คิดเป็น 51% ของคาดการณ์ทั้งปีที่ 106 ลบ. (+22% Y-Y) ซึ่งปกติครึ่งปีหลังจะโต H-H เพราะ High Season ส่วน Backlog ยังสูง 270 ลบ. และมีงานรอประมูล ~2 พันลบ. ราคาปัจจุบันถูกกว่าและอัตราส่วนทางการเงินดีกว่า HARN และกลุ่มเกือบทุกมิติ เรามีแนวโน้มปรับราคาเป้าหมายขึ้นจากเดิมที่ 4 บาท ยังแนะนำซื้อ
(+) SEAFCO กำไรสุทธิ 2Q17 อยู่ที่ 38 ลบ. -37% Q-Q ตามฤดูกาล แต่ +7% Y-Y จากการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้ดี เรายังคาดกำไรเร่งตัวใน 2H17 จาก Backlog ที่สูงถึง 1.8 พันลบ. ล่าสุดทบอร์ดอนุมัติแตกพาร์จาก 1 บาท เหลือ 0.50 บาท ยังคงราคาเป้าหมายที่ 16.6 บาท แนะนำซื้อ
(+) ORI กำไร 2Q17 +39% Q-Q, +227% Y-Y ดีกว่าคาดถึง 19% จากรายได้โอนที่สูงกว่าคาดและควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้ดีมาก ทำให้อัตรากำไรสุทธิสูงถึง 20.6% ดีกว่าปกติที่ 16-17% แนวโน้ม 2H17 จะก้าวกระโดดจากคอนโดที่โอนต่อเนื่อง และ Park 24 ที่เริ่มโอนใน 4Q17 และกำไรจากการขายเงินทุนของบ.ลูกให้ JV (บ.ร่วมทุนกับ NRED) เข้ามาถือแทน ทั้งคอนโดที่ซื้อจากพราวเรสซิเดนส์และความร่วมกับ NRED จะทำให้ ORI ยังเป็น Growth stock ที่กำไรโตแรงสุดในกลุ่มอสังหาฯ แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 16 บาท
(0) EPG กำไรสุทธิ 1Q18 (เม.ย.-มิ.ย. 17) อยู่ที่ 186 ลบ. หากตัด Fx ออก มีกำไรปกติ 298 ลบ. ทรงตัว Q-Q, -24% Y-Y ดีกว่าคาด 17% ตัวฉุดคือ EPP ที่กำลังซื้อชะลอและต้นทุนพุ่ง แต่คาดกำไรผ่านจุดต่ำสุดของปีไปแล้ว และถ้าสมมติให้ช่วงที่เหลือทำได้เท่า 1Q18 ซึ่งเป็นกรณีแย่สุด ราคาปัจจุบันคิดเป็น PE ที่ 24 เท่า ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตั้งแต่เข้าตลาดที่ 25 เท่า จึงแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 16 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
15 ส.ค. - สหรัฐฯ: ยอดค้าปลีก (ก.ค.)
- อินโดนีเซีย: ดุลการค้า (ก.ค.)
16 ส.ค. - ไทย: กนง. ประชุม (คาดคงดอกเบี้ย)
- ยูโรโซน: GDP2Q17 ครั้งที่ 2
- สหรัฐฯ: ยอดอนุญาตก่อสร้าง,ยอดสร้างบ้านใหม่ (ก.ค.) และ FOMC Meeting Minutes
17 ส.ค. - ฟิลิปินส์: GDP2Q17
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ(ก.ค.)
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนปิดบวก เนื่องจากสหรัฐระบุว่าจะใช้วิธีทางการทูตแก้ไขปัญหาเกาหลีเหนือ ส่งผลให้ตลาดหุ้นคลายความวิตกเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างสหรัฐ และ เกาหลีเหนือ
(+) ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกโดยปัจจัยบวกมาจากความกังวลต่อสหรัฐ และ เกาหลีเหนือลดลง
(+) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดบวกตามทิศทางตลาดโลกที่นักลงทุนลดความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี
(0) ค่าเงินบาทเช้านี้แกว่งตัว Sideway โดยล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 33.24-33.25 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ย. ปิดลบ 1.23 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 47.59 ดอลลาร์/บาร์เรล จากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า และ อัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงกลั่นในจีนลดลง ส่งผลให้ตลาดมีความกังวลต่ออุปสงค์เนื่องจากจีนซึ่งเป็นผู้บริโภคน้ำมันอันดับสองของโลก
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดลบ 3.60 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,290.40 ดอลลาร์/ออนซ์ จากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า และ ปัญหาการเมืองระหว่างสหรัฐ และ เกาหลีเหนือลดความตึงเครียดลง
Contact person : Jitra Amorntham Register : 014530
Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research