- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 11 August 2017 16:22
- Hits: 8745
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
ตามตลาดต่างประเทศ? ภายใต้ปัจจัยกดดันประเด็นเดิมจากต่างประเทศ โดยเฉพาะความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือ ที่มีความรุนแรงขึ้น หลังล่าสุดเกาหลีเหนือมีแผนโจมตีเกาะกวมภายในกลางเดือนนี้ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการลงทุน และหลีกเลี่ยงลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง
ทางด้านราคาน้ำมัน ยังมีความผันผวน ล่าสุดปรับลดลง หลังตัวเลขการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปก – ก.ค. เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบปี และสูงกว่าเพดานการผลิตตามที่มีการตกลงไว้เมื่อเดือนพ.ย.’59 อย่างไรก็ตามภายใต้สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือข้างต้น คาดส่งผลให้ราคาน้ำมันมีโอกาสปรับขึ้น
พร้อมยังแนะติดตามปัจจัยเดิมจากต่างประเทศ คาดยังกดดันภาพรวมตลาด (1) การส่งสัญญาณของเฟดปรับลดงบดุลจากระดับปัจจุบันที่ 4.5 ล้านล้านUSD ที่คาดจะประกาศในเดือนก.ย. นี้ (ประชุมเฟด 19 – 20/9/60) และ (2) ความไม่แน่นอนทางการเมืองของสหรัฐฯ หลังวุฒิสภามีมติคัดค้านการยกเลิกกฎหมายประกันสุขภาพฉบับโอบามาแคร์ ซึ่งทำให้เกิดความไม่มั่นใจว่า ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ จะสามารถผลักดันมาตรการต่างๆ ตามที่เคยหาเสียง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงนโยบายการปฏิรูปภาษี ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อเนื่อง คาดส่งผลดีต่อทิศทางเงินลงทุนจากต่างชาติ
ทางด้านประเด็นในประเทศ (+) แรงเก็งกำไรผลประกอบการ 2Q/60 และเงินปันผล ถึงกลางเดือน ส.ค. ขณะที่มีการประชุม กนง. (16/8/60) คาดยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50%
ส่วนทางด้าน Fund Flow คาดยังมีความผันผวน แม้ล่าสุดจะมีแรงซื้อสุทธิกลับเข้ามา และทำให้ YTD พลิกกลับเป็นยอดซื้อสุทธิสะสม 630 ล้านบาท ขณะที่เงินบาท ยังคงแข็งค่าต่อเนื่องในรอบเกือบ 2 ปี โดยเคลื่อนไหวบริเวณ 33.25 - 33.27 บาท และภายใต้เงินบาทที่แข็งค่าดังกล่าว คาดส่งผลกระทบทางลบต่อหุ้นในกลุ่มส่งออก
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มอาหาร ได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น BR, CBG เป็นต้น
(2) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น
SET SET50 SET100
1,571.64 +0.13 1,000.34 +0.87 2,242.08 +2.33
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-) ตลาดต่างประเทศ DJIA -204.69, NASDAQ -135.46, S&P -35.81, FTSE -108.21, CAC -30.47 และ DAX -139.70
ภายใต้ปัจจัยลบ (1) สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐ และเกาหลีเหนือ ที่รุนแรงขึ้น หลังล่าสุดเกาหลีเหนือได้ออกมาเน้นย้ำถึงแผนการโจมตีเกาะกวมภายในกลางเดือนนี้ ส่งผลให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง
และ (2) ผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ เช่น เมซีส์ อิงค์ ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ที่มียอดขายใน 2Q/60 ลดลง 2.5%
ขณะที่สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน ล่าสุด เพิ่มขึ้น 3,000 ราย อยู่ที่ 244,000 ราย สูงกว่าที่คาดว่าจะทรงตัวที่ระดับ 240,000 ราย และ (2) ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) – ก.ค. ลดลง 0.1% MoM ซึ่งปรับตัวลงมากที่สุดนับแต่ส.ค.’59
และยังอยู่ระหว่างติดตามสภาคองเกรส พิจารณาปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ก่อนที่จะปิดสมัยประชุม เพื่อให้สหรัฐฯ สามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ โดยปัจจุบันรัฐบาลมีงบประมาณเพียงพอถึงเดือนก.ย. นี้ เท่านั้น
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ก.ย. -US$0.97 อยู่ที่US$48.59 ต่อบาร์เรล หลังโอเปก เปิดเผย การผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปก – ก.ค. เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 อีก 173,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับเฉลี่ย 32.9 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับแต่ธ.ค.’59 และสูงกว่าระดับ 32.5 ล้านบาร์เรล/วัน ที่เป็นเพดานการผลิตที่มีการตกลงกันไว้เมื่อพ.ย.’59 เนื่องจากลิเบียและไนจีเรียปรับเพิ่มการผลิต
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
16.61 1.9 3.07
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 33,209.81
สถาบัน 434.62
บัญชีหลักทรัพย์ -222.02
ต่างประเทศ 677.99
ในประเทศ -890.59
(3) กลุ่มพลังงาน เช่น BCP, TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น และ PTT ที่ผลการดำเนินงานยังมีความแข็งแกร่งต่อเนื่อง
(4) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วง 2Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น MONO และ WORK
(5) กลุ่มท่องเที่ยว ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว เช่น CENTEL, MINT
(6) กลุ่มขนส่ง ยังได้รับผลดีจากการท่องเที่ยว เช่น AOT
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.03 อยู่ที่ 2.21%
(ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +4.93 อยู่ที่ 16.04
หุ้นแนะนำ : PSL
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. +US$10.8 อยู่ที่ US$ 1,290.1 ต่อออนซ์ จากการเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีเหนือมีความตึงเครียดมากขึ้น โดยล่าสุดเกาหลีเหนือประกาศว่าจะยิงขีปนาวุธถล่มเกาะกวม ซึ่งเป็นที่ตั้งฐานทัพของสหรัฐฯ ในมหาสมุทรแปซิฟิก
(+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +679 ล้านบาท สะสม YTD +630 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,173 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ปี’59 ซื้อสุทธิสะสม 77,927 ล้านบาท)
ประเด็นที่ต้องติดตาม 11 ส.ค. 2560
11/8/60 สหรัฐฯ เปิดเผย
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ค.
หุ้นแนะนำ
PSL : Badi Dry Index – BDI อยู่ที่ 1,092 จุด +35% จากลงไป 811 จุด เมื่อกลาง ก.ค. ที่ผ่านมา
คาดในระยะสั้นได้รับปัจจัยบวกจาก BDI (Badi Dry Index) ที่ปรับขึ้นต่อเนื่องจากกลาง ก.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งลงไประดับต่ำสุดที่ 811 จุด โดยล่าสุดอยู่ที่ 1,092 จุด ขณะที่คาดภาพรวมอุตสาหกรรมเรือเทกอง ในระยะยาวมีแนวโน้มฟื้นตัว คาด BDI จะดีขึ้นได้ในช่วง 2H/60 ภายใต้การปลดระวางเรือมีแนวโน้มเร่งตัวในระยะกลาง หลังข้อตกลงการจัดการน้ำถ่วงเรือ เริ่มใช้ในเดือน ก.ย. คาด Supply กองเรือในปีนี้จะเพิ่มในอัตราต่ำราว 1 - 2% ขณะที่ปี’61 คาด Supply อาจจะคงที่หรือลดลงเล็กน้อย
โดยคาดภาวะ Oversupply ดีขึ้นเป็นลำดับ ล่าสุด Order-book เรือใหม่อยู่ที่ราว 8% ของกองเรือปัจจุบัน ซึ่งต่ำสุดในรอบ 15 ปี ขณะที่กลุ่มเรือหลักของ PSL คือ Supramax มี Order Book ต่ำเพียง 2.0%
ขณะที่ผลการดำเนินงานเข้าใกล้จุดคุ้มมากขึ้น 2Q60 ผลการดำเนินงานปกติดีกว่าคาด โดยขาดทุนลดลงราวครึ่งหนึ่ง QoQ เหลือ 33 ล้านบาท จากการควบคุมต้นทุนที่ยังทำได้ดี ขณะที่ Performance เรือ Supramax ของ PSL ทำได้ดีขึ้น พร้อมปรับประมาณการปี’60 คาดขาดทุน 183 ล้านบาท ดีขึ้นจากเดิมคาดขาดทุนเกือบ 600 ล้านบาท และคาดกลับมากำไรสุทธิในปี’61
ประเมินราคาเป้าหมายปี’61 ที่ 13.50 บาท
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร. 02-684-8788