- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 10 August 2017 16:32
- Hits: 1685
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
ผันผวน? โดยคาดอยู่ในกรอบแคบ ภายใต้ปัจจัยกดดันประเด็นเดิมจากต่างประเทศ โดยเฉพาะความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือ
ขณะที่ราคาน้ำมัน ล่าสุดปรับเพิ่มขึ้น คาดกลับมาส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน เช่น PTT และ PTTEP อย่างไรก็ตามคาดการปรับขึ้นของราคาน้ำมันเป็นเพียงระยะสั้นๆ โดยคาดภาพรวมยังถูกกดดันจากตัวเลขการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกล่าสุด เพิ่มขึ้นและเป็นระดับสูงสุดในรอบปี แม้ในช่วงที่ผ่านมาจะมีความพยายามลดปริมาณผลิตลงเพื่อรักษาเสถียรภาพราคา
พร้อมยังแนะติดตามปัจจัยเดิมจากต่างประเทศ คาดยังกดดันภาพรวมตลาด (1) การส่งสัญญาณของเฟดปรับลดงบดุลจากระดับปัจจุบันที่ 4.5 ล้านล้านUSD ที่คาดจะประกาศในเดือนก.ย. นี้ (ประชุมเฟด 19 – 20/9/60) และ (2) ความไม่แน่นอนทางการเมืองของสหรัฐฯ หลังวุฒิสภามีมติคัดค้านการยกเลิกกฎหมายประกันสุขภาพฉบับโอบามาแคร์ ซึ่งทำให้เกิดความไม่มั่นใจว่า ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ จะสามารถผลักดันมาตรการต่างๆ ตามที่เคยหาเสียง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงนโยบายการปฏิรูปภาษี ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อเนื่อง คาดส่งผลดีต่อทิศทางเงินลงทุนจากต่างชาติ
ทางด้านประเด็นในประเทศ (+) แรงเก็งกำไรผลประกอบการ 2Q/60 และเงินปันผล ถึงกลางเดือน ส.ค. รวมถึงแรงเก็งกำไรหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างจากกำหนดการเปิดซองราคาในวันนี้ (10/8/60) โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่เส้นทางนครปฐม –หัวหิน จำนวน 2 สัญญา มูลค่ารวมประมาณ 16,000 ล้านบาท
ส่วนทางด้าน Fund Flow คาดยังมีความผันผวน แม้ล่าสุดจะมีแรงซื้อสุทธิกลับเข้ามา และทำให้ YTD ยอดขายสุทธิสะสม ลดลงเหลือเพียง 48 ล้านบาท ขณะที่เงินบาท ยังคงแข็งค่าต่อเนื่องในรอบเกือบ 2 ปี โดยเคลื่อนไหวบริเวณ 33.23 - 33.24 บาท และภายใต้เงินบาทที่แข็งค่าดังกล่าว คาดส่งผลกระทบทางลบต่อหุ้นในกลุ่มส่งออก
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มอาหาร ได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น BR, CBG เป็นต้น
(2) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น
SET SET50 SET100
1,571.51 -5.93 999.47 -2.93 2,239.75 -7.94
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-) ตลาดต่างประเทศ DJIA -36.64, NASDAQ -18.13, S&P -0.90, FTSE -44.67, CAC -73.19 และ DAX -138.05
ภายใต้ปัจจัยลบ (1) สถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี รวมทั้งความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือ ส่งผลให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงและ (2) ผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงวอลท์ ดิสนีย์ หลังเปิดเผยยอดขายต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ใน 2Q/60 แม้กำไรปรับตัวดีขึ้นก็ตาม
ขณะที่สหรัฐฯ เปิดเผย สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่ง - มิ.ย. เพิ่มขึ้น 0.7% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากสุดในรอบ 6 เดือน และมากกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 0.6% หลักๆ จากสต็อกรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น 1.4%
และอยู่ระหว่างติดตามสภาคองเกรส พิจารณาปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ก่อนที่จะปิดสมัยประชุม เพื่อให้สหรัฐฯ สามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ โดยปัจจุบันรัฐบาลมีงบประมาณเพียงพอถึงเดือนก.ย. นี้ เท่านั้น
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ก.ย. +US$0.39 อยู่ที่US$49.56 ต่อบาร์เรล หลัง EIA เปิดเผย สต็อกน้ำมันดิบ ล่าสุด ลดลง 6.45 ล้านบาร์เรล อยู่ที่ 475.4 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะลดลง 2.7 ล้านบาร์เรล ซึ่งช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด
ขณะที่ EIA ปรับลดคาดการณ์ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ปี’61 จากเดิมคาดเพิ่มขึ้น 570,000 บาร์เรล/วัน เป็นคาดเพิ่มขึ้น 560,000 บาร์เรล/วัน อยู่ที่ 9.91 ล้านบาร์เรล/วัน พร้อมคาดอุปสงค์น้ำมันในสหรัฐฯ ปี’60 เพิ่มขึ้น 340,000 บาร์เรล/วัน จากก่อนหน้าที่คาดเพิ่มขึ้น 310,000 บาร์เรล/วัน และปี’61 คาดเพิ่มขึ้น 330,000 บาร์เรล/วัน ลดลงจากก่อนหน้าที่คาดเพิ่มขึ้น 360,000 บาร์เรล/วัน
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
16.42 1.9 3.07
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 34,898.13
สถาบัน -352.56
บัญชีหลักทรัพย์ 136.37
ต่างประเทศ 861.28
ในประเทศ -645.09
(3) กลุ่มพลังงาน เช่น BCP, TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น และ PTT ที่ผลการดำเนินงานยังมีความแข็งแกร่งต่อเนื่อง
(4) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วง 2Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น MONO และ WORK
(5) กลุ่มท่องเที่ยว ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว เช่น CENTEL, MINT
(6) กลุ่มขนส่ง ยังได้รับผลดีจากการท่องเที่ยว เช่น AOT
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.04 อยู่ที่ 2.24%
(ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.15 อยู่ที่ 11.11
หุ้นแนะนำ : PSL
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร. 02-684-8788