WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

CIMBบล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)

 

SET Index: เคลื่อนไหวในกรอบ 1570-1580
  SET Index: 1576.29 เคลื่อนไหวในกรอบแคบต่อเนื่องต่ำกว่าระดับ 1580 จุด แต่มูลค่าการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง ในขณะที่โครงสร้างในระยะระยะยาวยังไม่สามารถทะลุผ่านแนวต้านสำคัญที่ 1585 จุดขึ้นไปได้ ซึ่งเราคาดว่า ถ้าสามารถทะลุแนวโน้มขาลงในระยะยาวขึ้นไปได้ จะมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปเคลื่อนไหวเหนือระดับ 1600 จุด และมีแนวรับที่ 1570 และ 1560 จุด
  แนวต้าน : 1578 และ 1580
  แนวรับ : 1575 และ 1572

 

AOT = 52.50 / 53.50, CPF = 25.50 / 26.00, KCE = 85.00 / 86.00, PTT = 382 / 386, BANPU = 17.00 / 17.40

Thai Foods Group (TFG TB; THB 5.60) – ซื้อ
  แนวต้าน : 6.00 และ 6.20
  แนวรับ : 5.60 และ 5.50


  ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นกลับขึ้นมาเคลื่อนไหวเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 10 และ 20 วัน ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
  MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนลบ เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 50
  แนะนำซื้อ TFG โดยมีแนวรับที่ 5.60 และ 5.50 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 6.00 และ 6.20 เป็นจุดขายทำกำไร
  STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 5.30 ลงไป

Union Petrochemical (UKEM TB; THB 1.96) – ซื้อ
  แนวต้าน : 2.10 และ 2.20
  แนวรับ : 1.96 และ 1.94


  ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างแข็งแกร่ง หลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้างเพื่อสร้างฐานเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
  MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนลบ เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 50
  แนะนำซื้อ UKEM โดยมีแนวรับที่ 1.96 และ 1.94 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 2.10 และ 2.20 เป็นจุดขายทำกำไร
  STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 1.90 ลงไป


Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 761-9231 - [email protected]

บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)


SET…Underperform กว่าภูมิภาค
  เดือน ก.ค. ที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติเริ่มขายหุ้นในเอเชีย โดยเฉพาะตลาดหุ้น ไต้หวัน ไทย อินโดนีเชีย และเกาหลี ขณะที่ดัชนี MSCI Asia ex Japan นับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ปรับตัวขึ้นถึงประมาณ 25% แรงซื้อและขายหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศ ดูๆแล้ว ยังกระจัดกระจาย คือ ทั้งซื้อและขาย ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละประเทศ โดยแรงซื้อและขายในตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปี ถึงว่าเบาบางมาก จึงมีจุดดี คือ เวลาเกิดเหตุการณ์ไม่คาดขวัญที่ทำให้ตลาดลง ตลาดหุ้นไทยจะลงได้ไม่มากเนื่องจาก อิทธิพลการขายของต่างชาติมีไม่มาก ขณะที่ผลด้านลบ คือ ตลาดหุ้นไทยจะขึ้นช้ากว่าเพื่อนบ้าน เพราะต่างชาติยังไม่เข้ามาซื้อมากๆ
  ปัจจุบันตลาดหุ้นเอเชียไม่รวมญี่ปุ่น เทรดกันที่ค่า P/E 12 เดือนล่วงหน้าที่ประมาณ 13.3 เท่า เทียบสหรัฐที่ 18 และ ค่าเฉลี่ยตลาดหุ้นโลกที่ 15.4 เท่า ดังนั้นตลาดหุ้นเอเชียไม่รวมญี่ปุ่นโดยรวมถือว่า ยังไม่แพง เพียงแต่ตอนนี้เม็ดเงินที่ไหลเข้ามาจะเจาะจงไปที่ตลาดที่อิงกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก อย่าง ไต้หวัน เกาหลี อินเดีย และ สิงคโปร์ ส่วนตลาดในอาเซียน แรงขับดันยังคงเป็นนักลงทุนในประเทศ โดยในบรรดาตลาดหุ้นอาเซียน ตลาดหุ้นไทย เทรดกันถูกที่สุด


  สำหรับการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย (MSCI Thailand เทียบ MSCI Asia ex Japan รูปดอลลาร์) ในรูปด้านขวา พบว่าสัดส่วนดังกล่าวได้ลงมาเท่าๆกับช่วงปลายปี 2013 ที่ 0.612 หากดูว่าเมื่อสัดส่วนดังกล่าวลงมาในระดับปีปลายปี 2013 จะพบว่าดัชนี MSCI Thailand จะดีดตัวขึ้น โดยปัจจุบันสัดส่วนดังกล่าว ลงมาเท่าๆปลายปี 2013 แล้ว อย่างไรก็ตามสัดส่วนดังกล่าวอาจจะปรับตัวลงไปอีก เหมือนปลายปี 2015 ที่ 0.584 เนื่องจากตอนนี้ดูเหมือน จุดน่าดึงดูดใจของตลาดหุ้นไทยยังไม่เห็นเท่าที่ควร แต่กลับมีแรงกดใหม่ คือ ภาวะน้ำท่วมในภาคอีสาน การออกมาตรการคุมเข้มสินเชื่อรายย่อยและงบ Q2/17 ที่ออกมา ยังไม่ดีอย่างคาด จึงยังไม่เห็นแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติ
  เรามองว่าสัดส่วนของดัชนี MSCI Thailand เทียบภูมิภาคเอเชียไม่รวมญี่ปุ่น อาจจะลื่อนไหลลงมาอีกในลักษณะตลาดเพื่อนบ้านยังขึ้นต่อแต่ของเราทรงๆตัวหรือปรับตัวลง แต่คงไม่มาก จนกว่าจะเห็นปัจจัยบวกใหม่ๆ อย่าง ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น งบบริษัทที่เหลือออกมาดีขึ้น หรือ MSCI ไม่ลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทย สัญญาณที่เห็นได้ชัดสุดตอนนี้คือ ราคาน้ำมันยังมีสิทธิขึ้นต่อ หลังทาง Hedge fund ได้กลับมา Net Long น้ำมันทั้ง NYMEX ICE WTI และ ICE Brent สิ้นสุด ณ. วันที่ 1 ส.ค.สูงสุดเป็นครั้งที่ 3 ตั้งแต่ปลายปี 2016
  ใกล้จะถึงวันประกาศน้ำหนักของ MSCI ในวันศุกร์นี้ เรามองว่าดัชนี SET จะยังคงแกว่งตัวกรอบแคบๆต่อไป จากความกังวลต่างๆนาๆ จนกว่าจะผ่านไปถึงอาทิตย์หน้าที่จะเห็นทิศทางที่ชัดเจนว่าจะขึ้นหรือลง ส่วนแนวโน้มตลาดในวันนี้คาด จะยังคงซึมขึ้นได้ต่อในลักษณะแกว่งกรอบแคบ สลับแรงซื้อหุ้นที่ผลดำเนินงานออกมาดีรวมทั้งหุ้นพลังงาน เพื่อเก็งงบ โดยมีแนวต้านที่ 1581-1584 จุดและแนวรับที่ 1575-1572 วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร MTLS STEC CPALL และ TASCO


Analysts :
Kiatkong Decho +662 761-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)

 

Morning Market Summary…
  SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,576.29 จุด ลดลง 1.15 จุด (-0.07%) มูลค่าการซื้อขาย17,864.74 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับลงในกรอบแคบ เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆหนุน ด้านตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่แกว่งในแดนลบ ติดตามการประมูลรถไฟทางคู่สายนครปฐม-หัวหิน (พรุ่งนี้) และMSCI quarterly review (ศุกร์นี้)
  MINT รายงานผลประกอบ 2Q17 มีกำไรสุทธิ 737 ล้านบาท (+1% YoY, -62% QoQ)ต่ำกว่าที่ตลาดคาด 29% โดย Bloomberg consensus ให้ราคาเป้าหมาย 43.63 บาท(Buy/Hold/Sell : 19/5/1)
  IVL รายงานผลประกอบ 2Q17 มีกำไรสุทธิ 2,937 ล้านบาท (-51% YoY, -34% QoQ)ต่ำกว่าที่ตลาดคาด 16% โดย Bloomberg consensus ให้ราคาเป้าหมาย 42.71 บาท(Buy/Hold/Sell : 14/2/1)

 

Afternoon Perspective…
  แนวโน้มตลาดช่วงบ่าย แกว่งแคบ ภาพตลาดในภูมิภาคต่างประเทศที่ปรับตัวลดลงกดดันให้ตลาดหุ้นไทยอยู่ในภาวะซึมตัวตาม แต่เรายังเชื่อว่าแรงขายต่างชาติน่าจะเบาบางลงไปแล้ว ทำให้ทิศทางตลาดในระยะสั้นขึ้นอยู่กับการปรับพอร์ตของสถาบันในประเทศและพอร์ตโบรกเกอร์ แต่เนื่องจากภาพใหญ่ยังไม่มีปัจจัยหนุนที่ชัดเจนน่าจะทำให้ภาพรวมตลาดยังคงอยู่ในช่วง sideway ในกรอบ 1568-1590 จุด รูปแบบการลงทุนยังอยู่ในรูบแบบเดิม คือการวนสลับกลุ่มเล่นรอบไปมา โดยกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นมาสักระยะจะเริ่มมีแรงขายทำกำไรออกและวนกลับเข้าซื้อกลุ่มที่ปรับตัวลงมาก่อนหน้านี้ โดยยังมองกลุ่มธนาคารและกลุ่มส่งออก จะยังอยู่ในจังหวะดีดตัวกลับหลังถูกขายมาสักระยะ และมองหุ้นกลุ่มเช่าซื้อที่ผลการดำเนินงานดูดีต่อเนื่องน่าจะยังมีทิศทางที่ดีต่อได้ หุ้นแนะนำในกลุ่มเรามอง SCB, TMB, KCE, EPG, MTLS

 

Technical Pick (PM) & Cash Balance...
  Thai Foods Group (TFG TB; THB 5.60) – ซื้อ
  Union Petrochemical (UKEM TB; THB 1.96) – ซื้อ
  Cash Balance Preview : คาดหลักทรัพย์ที่มีโอกาสจะติด Cash Balance ในสัปดาห์หน้า : PLE-W3, PSL-W1, TTA-W5, NBC-W1* (* ดูรายละเอียดของเงื่อนไขในบทวิเคราะห์ และกรณีหุ้นแม่ติด ฯ Warrant ทุกตัวของหุ้นนั้นจะติดตามด้วย)


Analysts :
Kitichan Sirisukarcha +66(2) 761 9232 – [email protected]
Teerawut Kanniphakul +66(2) 761 9233 – [email protected]

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!