- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 08 August 2017 19:47
- Hits: 1281
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ภาพตลาดวันวาน
ดัชนีเปิดปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ขยับขึ้นทำจุดสูงสุดของวันที่ 1580.47 จุด เพิ่มขึ้น 2.21 จุด ก่อนที่จะซึมลงอย่างต่อเนื่องเข้าสู่แดนลบ แกว่งตัวผันผวนที่อยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน โดยเผชิญแรงขายหลักจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน แบงก์ และสื่อสาร มีจุดต่ำสุดของวันที่ 1573.34 จุด ลดลง 4.94 จุด กรอบการเคลื่อนไหวทั้งวันที่ 7.15 จุด ทั้งนี้หุ้นที่มี Impact ต่อการปรับตัวลงของดัชนีได้แก่ SCB, KTB, ADVANC, KCE, BGRIM, KCE, SCC, PTG ก่อนดัชนีจะทำปิดที่ 1573.67 จุด ลดลง 4.59 จุด (-0.29%) มูลค่าการซื้อขาย 33,270 ล้านบาท
ภาพตลาดวันนี้
ดัชนีวานนี้อยู่ในภาวะที่ซึมลงตลอดทั้งวันด้วยปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง ด้วยลักษณะกราฟแท่งเทียนที่อยู่ในเชิงลบ ทำ High-Low ที่ต่ำกว่าวันก่อนหน้า โดยดึง Low ที่ 1573 จุดและทำปิดที่จุดต่ำสุดของวัน ส่งผลให้แนวโน้มของดัชนีมีโอกาสลงมาทดสอบ Low เดิมล่าสุด (1569) แต่อย่างไรก็ตามในภาพรายชม.เริ่มส่งสัญญาณ Oversold ทำให้มีการดีดกลับแต่คาดว่ายังอยู่ในกรอบจำกัด แนวต้าน 1575-1578 จุด แนวรับ 1569-1571 จุด
แกว่งตัวผันผวน - มีโอกาสทดสอบ Low เดิม (1569)
Support 1570 // 1560 จุด Resistance 1580 // 1590 จุด
พรรณนภา เขมะสุรัตน์ Technical Analyst
เลขทะเบียน : 060110 Tel 02- 6481124
Email: [email protected]
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
'ฝรั่งขาย กดดันตลาด'
ทิศทางตลาดหุ้นไทย : คาดยัง sideway เนื่องด้วยตลาดยังขาดปัจจัยหนุนและเม็ดเงินใหม่ๆมีน้อย ... คาดดัชนีฯ ยังเล่นในกรอบ 1566-1586 ปัจจัยภายนอกยังทำให้ตลาดคลุมเครือ ทั้งแนวโน้มการปรับลด QE ทิศทางการเมืองสหรัฐฯ สถานการณ์เกาหลีเหนือ .. วันนี้ จะมีตัวเลขส่งออก เดือน ก.ค.ของ ….ปัจจัยในประเทศ ติดตาม การประชุม ครม. คาดว่าจะมีมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากน้ำท่วม โครงการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย (4 หมื่นล้านบาท) และโครงการลงทุนต่างๆของภาครัฐฯ
กลยุทธ์การลงทุน : ด้วยกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีฯ และราคาหุ้นที่แคบลง นักลงทุนต่างประเทศอยู่ในฝั่งขาย 9 วันทำการติดต่อกันมา (เป็นลบต่อหุ้นใหญ่และหุ้นที่ราคาขึ้นมามาก บางตัว) การลงทุนจึงควรเป็นแบบลงซื้อ-ขึ้นขาย และเปลี่ยนตัวเล่นในแต่ละวัน โดยหุ้นที่เราให้ความสนใจ จะเป็นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวมากกว่า หรือหุ้นที่ราคาปรับตัวลงมามาก (ส่วนใหญ่เป็นหุ้นเล็ก)
บทวิเคราะห์และความเห็นข่าวสำคัญ
(+) ANAN : ผลงาน 2Q17 ทำได้ดี ยังคงคาดทั้งปี 2017 กำไรทำสถิติสูงสุดใหม่
(+) TU : ราคาวัตถุดิบที่สูง กดดันอัตรากำไรขั้นต้นแต่ควบคุม SG&A ได้ดี กำไรจึงดีกว่าคาด
(+) Tourism และ Aviation: คาดมาตรการลดหย่อนภาษีท่องเที่ยว 2 หมื่นบาท เริ่มใช้เดือน ก.ย.
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (07 ส.ค.) ปิดที่ระดับ 1,573.67 จุด ลดลง 4.59 จุด หรือ -0.29% มูลค่าการซื้อขาย 33,269.69 ล้านบาท ตลาดปรับตัวลงโดยมีหุ้นขนาดใหญ่อย่าง ADVANC และ SCC ขึ้นเครื่องหมาย XD ซึ่งมีผลต่อดัชนีตลาดฯประมาณ 2 จุด
ตลาดหุ้นต่างประเทศ ตลาดหุ้นนิวยอร์ค ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 22,118.42 จุด เพิ่มขึ้น 25.61 จุด หรือ +0.12% ยังคงปรับตัวทำ New High อย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 10 ติดต่อกัน ซึ่งมองว่ามาจากปัจจัยเฉพาะตัวที่บริษัทขนาดใหญ่อย่างไทสัน ฟู้ดส์ อิงค์ ประกาศงบการเงินไตรมาส 2 ออกมาดีเกินคาด และ ยังได้ผลบวกต่อเนื่องจากตัวเลขการจ้างงานที่ออกมาดีเกินคาดด้าน Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง ปรับตัวลง -0.1% ปิดที่ 382.01 จุด
ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น คาดเพียงแค่ชั่วคราว ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก เมื่อเทียบสกุลเยน แข็งค่าขึ้นที่ระดับ 110.74 เยน จากระดับ 110.68 เยน คาดยังเป็นผลต่อเนื่องมาจากรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 209,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค.อีกทั้งอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 4.3% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 16 ปี ส่งผลให้ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์อ่อนลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ระดับ 33.3 บาท/ดอลลาร์ .... อย่างไรก็ตามเรามองว่าค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าเพียงกรอบเวลาสั้นๆเท่านั้น โดยความไม่แน่นอนทางการเมืองของสหรัฐฯ ยังเป็นประเด็นที่นักลงทุนกังวลอยู่ นอกจากนี้ยังมีประเด็นการคว่ำบาตรของสหรัฐฯต่อรัสเซียซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงอีกด้วย กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับส่งออก (ของไทย) จึงยังมีความเสี่ยงจากการแข็งค่าของเงินบาท (ต่อดอลล่าร์)
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงเล็กน้อย จับตาดูการประชุมระหว่างโอเปก-นอกโอเปก สัญญาน้ำมันดิบ ลดลง 19 เซนต์ หรือ -0.4% ปิดที่ 49.39 ดอลลาร์/บาร์เรล .... จากรายงานแท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานทั่วโลกในเดือนก.ค. มีจำนวนเพิ่มขึ้น 69 แท่น .... ต้องติดตามการประชุมระหว่างคณะกรรมการฝ่ายเทคนิคของกลุ่มโอเปกและนอกโอเปกเกี่ยวกับการที่ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันบางประเทศไม่ได้ปฏิบัติตามข้อตกลง คาดผลจะออกมาดี เป็นบวกต่อราคาน้ำมันดิบ
ปัจจัยในประเทศ จะเป็น การประชุม ครม. วันนี้ และ PTTEP ขึ้น "XD" @1.50 บาท .... และเป็นช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของการประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 ในวันนี้คาดหุ้น MTLS จะประกาศงบการเงินสำหรับไตรมาส 2 (KTBST คาดที่ 638 ล้านบาท +91.5% YoY, +11.0% QoQ)
Fund Flow Analysis & Sector Rotation
Fund Flow ในตลาดเอเซีย ยังคงมีลักษณะเดิม คือนักลงทุนถอยอย่างช้าๆ ออกจากตลาดหุ้น อาจเป็นเพราะลดความเสี่ยง หรือรอประเมินสถานการณ์ เรื่องของเกาหลีหนือ อาจไม่ใช่ประเด็นหลัก อย่างไรก็ตาม เงินอีกอีกด้าน ก็ไหลเข้าตลาดพันธบัตรต่อเนื่อง น่าจะมาจากหลายเหตุผล อาทิ ค่าดอลล่าร์อ่อน-ดอกเบี้ยต่ำ-ตลาดมีความเสี่ยง
จากข้อมูลในตลาดหุ้นไทย นักลงทุนต่างประเทศมีตัวเลข Net Sell ติดต่อกัน 25 ก.ค.-7 ส.ค. รวม 1.75 หมื่นล้านบาท (น่าจะรวมตัวเลข big lot ของ BJC เกือบ 6 พันลบ.ไว้ด้วย) ข้อมูล NVDR Trading พบว่าหุ้นที่นักลงทุนต่าวประเทศขายมาก 10 ลำดับแรก จะเป็น KBANK , KKP, EGCO , SCC, SCB, PTTEP, KTC, KTB, INTUCH, TCAP หลายตัวจะเป็นหุ้นธนาคาร เรามองได้สองด้านคือ ขายไปแล้วอาจยังไม่ซื้อกลับในเวลาอันใกล้ และอีกมุมมองหนึ่ง คือ หุ้นเหล่านี้ ถูกขายไปมากอาจลงต่อไม่มากนัก
SET Index เช่นเดียวกับความเห็นใน Weekly Report ของเรา ที่ว่า ตลาดขาดปัจจัยหนุนและเม็ดเงินใหม่ๆมีน้อย ... คาดดัชนีฯ ยังเล่นในกรอบ 1566-1586 ปัจจัยภายนอกยังทำให้ตลาดคลุมเครือ ทั้งแนวโน้มการปรับลด QE ทิศทางการเมืองสหรัฐฯ สถานการณ์เกาหลีเหนือ
วันนี้ อาจต้องดูตัวเลขส่งออก เดือน ก.ค.ของ จีน ที่จะรายงานในช่วงเช้า ตลาดคาด มูลค่าใน term ของดอลล่าร์ จะขยายตัว 11.0% YoY (เดือนก่อน 11.3%) หากตัวเลขออกมาดี เป็นบวกต่อตลาดโดยรวม และหุ้นในกลุ่มส่งออกของไทย ที่กำลังถูกกดดันอย่างหนักจากเงินบาทที่แข็งค่า (เช้านี้ 33.2 บาท/ดอลล่าร์)
ปัจจัยในประเทศ วันนี้ ติดตาม การประชุม ครม. คาดว่าจะมีมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากน้ำท่วม โครงการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย (4 หมื่นล้านบาท) และโครงการลงทุนต่างๆของภาครัฐฯ
กลยุทธ์ลงทุน ด้วยกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีฯ และราคาหุ้นที่แคบลง นักลงทุนต่างประเทศอยู่ในฝั่งขาย 9 วันทำการติดต่อกันมา (เป็นลบต่อหุ้นใหญ่และหุ้นที่ราคาขึ้นมามาก บางตัว) การลงทุนจึงควรเป็นแบบลงซื้อ-ขึ้นขาย และเปลี่ยนตัวเล่นในแต่ละวัน โดยหุ้นที่เราให้ความสนใจ จะเป็นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวมากกว่า หรือหุ้นที่ราคาปรับตัวลงมามาก (ส่วนใหญ่เป็นหุ้นเล็ก) ขณะที่การเวียนเล่นในระดับ Sector นั้น คาดจะสลับระหว่างกลุ่ม commodity-โทรศัพท์-ขนส่ง(AOT)-ไฟฟ้า
กำไร 2Q-17 ของตลาด ที่รายงานมาแล้ว จนถึงเย็นวานนี้(7) จำนวน 71 บริษัท กำไร -11% YoY และ -13% QoQ .... หุ้นที่มีผลการดำเนินงานออกมาดีทั้ง YoY และ QoQ ที่รายงานเฉพาะวานนี้(7) ประกอบด้วย ANAN (279 ; +33% YoY ;+99% QoQ) , GPSC (815 ; +19% YoY;+9% QoQ) , TM (9;+78% YoY ; +15% QoQ) และ TRC (72 ; +239% YoY; 1Q-17 ขาดทุน 40 ล้านบาท) ..... สำหรับการเข้าลงทุนในหุ้นเพื่อเก็งงบ 2Q เราแนะให้พิจารณาเข้าลงทุนเป็นรายตัว ที่ถูกคาดว่าผลประกอบการจะออกมาดี และราคายังขึ้นมาไม่มาก เพราะตัวที่ราคาขึ้นมามาก เมื่อมีการประกาศงบ อาจเกิด sell on fact ขึ้นได้
# คำแนะนำหรือมุมมองของหุ้นแต่ละกลุ่ม ของสัปดาห์นี้ #
หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ราคาน้ำมันดิบ ปิดไปที่ $49 เหรียญ การผลิตน้ำมันจาก Shale Oil ของสหรัฐฯเริ่มทรงๆตัว คาดหมายการคุมการผลิตน้ำมันของ OPEC น่าจะตกลงกันได้คือผลิตตามที่ตกลง (เดือน มิ.ย. กลุ่ม OPEC ผลิต 33 ล้านบาร์เรลต่อวัน) …. จากรายงานราคาปิโตรเคมีสัปดาห์ล่าสุด ราคาปิโตรเคมีต้นน้ำ (olefin-aromatics) ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ค่าการกลั่นน้ำมันปรับตัวลดลงสองวันติดต่อกัน ....... วันนี้ ตลาดอาจเลือกเล่นเป็นบางตัว แต่คงต้องเลือกเล่น เป็นรายตัว PTTGC , BANPU ….. ขณะที่หุ้น TOP , SPRC, ESSO แม้จะดีจาก aromatics แต่ค่าการกลั่นฯปรับตัวลดลง เช่นเดียวกับ VNT ที่ spread ลดลงในสัปดาห์นี้
หุ้นที่ให้บริการขนส่งทางเรือ (ที่มีเรือเป็นของตัวเอง) การสูงขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะเหล็กและถ่านหิน ปริมาณการค้าระหว่างประเทศที่สูงขึ้น และ ดัชนี Baltic Dry Index ล่าสุด อยู่ที่ 1036 จุด ยังหนุนราคาหุ้นกลุ่มเรือเทกอง ที่ตลาดหุ้นไทย มี PSL เป็นตัวหลักของกลุ่ม และได้ข่าวบวกจากการที่ UN ทำการ ban การส่งออกของเกาหลีเหนือ (บวกต่อราคาถ่านหิน-ขนส่งทางเรือ) ที่ประกาศในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา
หุ้นขนาดเล็ก หรือหุ้นนอกสายตา ที่ราคาหุ้น ผลการดำเนินงาน นั้นเป็นที่น่าจูงใจให้นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรช่วงสั้นๆ สวนกับภาวะตลาดรวมที่ชะลอ อาทิ ANAN , ILINK ,VIBHA
หุ้น เหตุผล
GPSC(ราคาปิด 41.50) GPSC เป็นหุ้นที่เรามองเป็นหลุมหลบภัในภาวะตลาดแบบนี้ ... เย็นวานนี้ (7) บริษัทฯรายงานกำไร 2Q-17 ที่ 815 ลบ. +19% YoY และ +9% QoQ ….. GPSC เป็นผู้ดำเนินธุรกิจด้านสาธารณูปโภคของกลุ่ม PTT ปัจจุบันมีกำลังการผลิตที่เริ่ม COD ตามสัดส่วนการถือหุ้นทั้งสิ้น 1,375.7 MW และมีอีก 496.54 MW ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและเตรียม COD ต่อเนื่องตั้งแต่ปีนี้จนถึงปี 2019 เรามอง GPSC อยู่ในช่วงของการเติบโตตามกำลังการผลิตที่จะเพิ่มขึ้น โดยคาดบริษัทจะสามารถสร้างอัตราการเติบโตเฉลี่ยทบต้น (CAGR) ของกำไรในอีก 3 ปีข้างหน้าได้สูงถึง 18% ต่อปี
BANPU(ราคาดปิด 17.30) ราคาถ่านหินปรับตัวขึ้นมา เกิน $90 เหรียญ อีกครั้ง ปัจจัยบวกมาจาก การผลิตถ่านหินของจีนที่ลดลง และคาดการยูเอ็น ban ส่งออกถ่านหินขอเกาหลีเหนือ
..... ถึง $87.6 เหรียญ ตามราคาเหล็กในตลาดโลก .... เรามองในช่วงก่อนหน้านี้ราคาลงมามาก ด้านคดีความที่เกี่ยวข้องกับโรงไฟฟ้าระบุในหมายเหตุประกอบงบการเงินว่า คดีความจะตัดสินภายใน 3-5 ปี (ปี 2017-2019) ซึ่งจริงๆ ยังไม่มีใครออกมายินยันในเรื่องดังกล่าว และศาลยังไม่มีการตัดสินด้วย............ คาด BANPU จะมีแนวโน้มกำไรใน 2Q17 เติบโตได้อย่างก้าวกระโดด เหตุผลหลักมาจากฐานราคาถ่านหินที่เพิ่มขึ้นจากเฉลี่ย $52 ต่อตันใน 2Q16 เพิ่มขึ้นเป็น $79 ต่อตัน ประเมินกำไร 2,718 ล้านบาท (+864.5% YoY, 89.4% QoQ), …….. คาดกำไรสุทธิปี 2017 ของ BANPU ที่ 9,692 ล้านบาท (+477.9% YoY) ….. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 23.00 บาท)
ERW(ราคาดปิด 5.20) ภาพรวมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในช่วงครึ่งปีแรก (มกราคม-มิถุนายน) พบว่า รายได้ท่องเที่ยวจากต่างชาติเพิ่มสูงขึ้นอยู่ที่ 8.52 แสนล้านบาท หรือเติบโต 5.61% และปริมาณผู้โดยสารผ่านสนามบินของไทย รายงานโดย AOT เดือน มิ.ย. ขยายตัวถึง 11% YoY ... แนวโน้มกำไรสุทธิ 2Q17 จะดีขึ้น YoY ได้ต่อเนื่อง จากการเติบโตของภาคการท่องเที่ยว และจำนวนโรงแรมที่เปิดให้บริการที่มากขึ้น ... (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 5.70 บาท)
CK(ราคาปิด 26.75) มองราคาหุ้นของกลุ่มรับเหมาฯที่ลงไปมากนสัปดาห์ก่อนเป็นผลมาจากการที่ผู้รับเหมาฯเสนอราคาต่ำกว่าราคากลางถึง 15-20% ส่งผลให้เกิดความกังวลต่อการประมูลโครงการในอนาคต เรามอง CK มีการลงทุนในบริษัทลูกต่างๆ (ไม่ได้เป็น pure construction) จึงมองว่าผลกระทบไม่สูงเท่าที่ตลาดคาด ราคาหุ้น CK ปรับตัวลงมามากเกินไป .... (ราคาที่เหมาะสม โดย Bloomberg Consensus ที่ 35.25 บาท)
SENA(ราคาปิด 3.76) คาด SENA จะประกาศจ่ายปันผลสำหรับครึ่งปีแรกในช่วงเวลาอันสั้นนี้ ซึ่ง SENA ถือเป็นหุ้นที่มีอัตราปันผลจ่ายสูง เราคาดทั้งปีไว้ที่ประมาณ 0.25 บาท คิดเป็น dividend yield ที่ประมาณ 6.6% .... (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 4.70 บาท)
FSMART(ราคาปิด 19.70) คาด FSMART จะรายงานผลการดำเนินงานช่วงไตรมาส 2 ในวันที่ 10/08/2017 คาดนักลงทุนจะเริ่มเข้ามาเก็งกำไรสำหรับงบการเงินไตรมาส 2 ซึ่ง คาดกำไรสุทธิของ FSMART จะทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 139 ล้านบาท (+46.1% YoY, +5.6% QoQ) …. คาดการณ์กำไรสุทธิสำหรับปี 2017 ไว้ที่ 546 ล้านบาท (+29.9% YoY) เราเชื่อว่า FSMART …. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 21.40 บาท)
Source: KTBST Research
ประเด็นสำคัญ : ข่าวและหุ้น
เศรษฐกิจสหรัฐฯ - นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า เฟดสามารถชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อไม่มีแนวโน้มที่จะพุ่งขึ้นมาก หากตลาดแรงงานสหรัฐยังคงมีการปรับตัวดีขึ้น
เศรษฐกิจไทย - สศก. แถลง GDP เกษตร ไตรมาส 2/60 ขยายตัวได้ 11.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 59 หลังภัยแล้งคลี่คลาย โดยทุกสาขาการผลิตขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสาขาพืช โตถึง 15.5% ทั้งปีส่งสัญญาณดี คาดขยายตัว 2.5 - 3.5% ย้ำในช่วงครึ่งปีหลังยังต้องเกาะติดสถานการณ์ภัยธรรมชาติอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
น้ำมัน - เบเกอร์ ฮิวจ์ รายงานว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานทั่วโลกในเดือนก.ค. มีจำนวนเพิ่มขึ้น 69 แท่น สู่ระดับ 2,110 แท่น จากระดับ 2,041 แท่นในเดือนมิ.ย. และเพิ่มขึ้น 629 แท่น จากระดับ 1,481 แท่นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
กลุ่มอสังหาฯ - อสังหาฯเผยยอดปฏิเสธสินเชื่อ 40% ส่งผลกระทบตลาด เตรียมร่วมมือ บตท.ดึง"นอนแบงก์"แก้ปัญหา เพิ่มทางเลือกปล่อยสินเชื่อ เตือนผู้ประกอบการเปิดตัวโครงการใหม่เข้าตลาด หวั่นซ้อน รีเวิร์สซัพพลาย (กรุงเทพธุรกิจ, 08/08/2017)
กลุ่มท่องเที่ยว - ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 8 ส.ค. ททท.จะประชุมร่วมกับเอกชนด้านการท่องเที่ยว เพื่อวางแนวทางการหักลดหย่อนภาษีการเดินทางช่วงปลายปี คาดว่ามาตรการดังกล่าวจะสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวให้กับชุมชน และเพิ่มรายได้ท่องเที่ยวในประเทศอีก 10-15% (โพสต์ทูเดย์, 08/08/2017)
CPALL - บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)เพื่อเสนอขายหุ้นบริษัท ครั้งที่ 2/2560 มูลค่าไม่เกิน 3,000 ล้านบาท อายุ 10 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2570 อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 3.96 ต่อปี
SNC- SNC เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่ารายได้และกำไรสุทธิปีนี้จะเติบโตตามเป้าหมาย จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 7.5 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 401.65 ล้านบาท โดยช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้บริษัทมีรายได้รวม 4.57 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 214.15 ล้านบาท
TU - บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป แจ้งกำไรสุทธิในไตรมาส 2/2560 อยู่ที่ 1,411 ล้านบาท ลดลง 7.6% จากไตรมาส 2/2559 จากการทำกำไรลดลงและต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม การลดลงอย่างมีนัยสำคัญของภาษีเงินได้ การลดลงของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารหลังจากควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างเข้มงวด
INTUCH - อินทัชและบริษัทย่อย ไตรมาส 2/60 มีกำไรสุทธิ 2.87 พันล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.90 บาทเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 7.72 พันล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 2.41 บาท
Analyst : Mongkol Puangpetra
+662 648 1123
[email protected]
Nontapat Rushtasomboon
+662 648 1127
[email protected]