- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 07 August 2017 17:08
- Hits: 2189
บล.โนมูระ พัฒนสิน : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
PETRO Play
CNS Daily Strategy : คาดตลาด แกว่งขึ้น ในกรอบต้าน 1584/1589 จุด และรับ 1571/1569 จุด การจ้างงานสหรัฐฯดีกว่าคาด ผสานราคาน้ำมันดิบฟื้นตัว เก็งประชุม OPEC-Non OPEC 7-8 สค.นี้ กระตุ้นแรงเก็งสินทรัพย์เสี่ยงโลกเร่งตัวขึ้น ส่วนปัจจัยในประเทศจับตาโค้งสุดท้ายผลประกอบการ 2Q17 โดยวันนี้คาดพลังงานและปิโตรเคมีเด่น จึงแนะนำ "PETRO Play" เลือก ?Daily Top Pick: PTTGC, IRPC, IVL?
Nomura : Key Factors
(+) Ex Factor: แรงเก็ง 7-8 สค. นี้ ประชุมOPEC & Non-OPEC หนุนราคาน้ำมันดิบฟื้น
(+) US Econ: การจ้างงานนอกภาคเกษตร กค.ที่ 2.09 แสนตำแหน่ง ดีกว่าคาดที่ 1.8 แสน
(+) OIL: ราคาน้ำมันดิบวานนี้ WTI +1.12% สู่ $49.58/bbl / BRT +0.79% สู่ $52.42/bbl
(*) Int Factor: จับตาการเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของการรายงานผลประกอบการ 2Q17
(*) Fund Flow:วานนี้ต่างชาติขาย 935 ลบ,Long Future 4043 สัญญา,ซื้อ Bond 2681 ลบ
(-) XD Effect: วันนี้ ADVANC และSCC ขึ้น XD 3.51 และ 8.5 บ. คาดกดดันSET -2.08 จุด
Nomura Daily Top Picks: PTTGC, IRPC, IVL
Equity Daily Outlook : คาดดัชนีวันนี้ แกว่งขึ้น ในกรอบต้าน 1584/1589 จุด และรับ 1571/1569จุด ตอบรับรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ เดือน กค. ช่วงสุดสัปดาห์ทีผ่านมาที่ปรับเพิ่มขึ้น 2.09 แสนตำแหน่ง มากกว่าที่ตลาดคาดที่ 1.8 แสนตำแหน่ง และอัตราการว่างงานสหรัฐฯ ก็ปรับลดลงสู่ระดับ 4.3% จาก 4.4% นอกจากนี้ด้านรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง ก็ปรับเพิ่มขึ้น +0.3% ดังนั้นโดยรวมล้วนบ่งชี้ถึงภาคแรงงานสหรัฐฯที่ยังขยายตัวขึ้นได้ดี คาดเป็นแรงส่งต่อแรงเก็งสินทรัพย์เสี่ยงเร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง ผสานการแกว่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบโลกต่อเนื่อง ขานรับอานิสงส์บวกจาก ทั้งจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐฯรายสัปดาห์ที่ขยับลดลง รวมถึงแรงเก็งการประชุม OPEC & Non-OPEC วันที่ 7-8 สค.นี้ ที่กรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อหารือกันในการจำกัดกำลังการผลิตของกลุ่มเร่งราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวขึ้น หนุนกลุ่ม ENERG & PETRO ผลักดันการฟื่นตัวของดัชนี ส่วนปัจจัยในประเทศ กำลังเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของการรายงานผลประกอบการ 2Q17 ของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นขนาดกลาง-เล็ก อาจส่งผลให้ตลาดมีแรงเก็งกำไรหุ้นรายตัวค่อนข้างมาก ขณะที่โดยรวมในระยะกลางทิศทางตลาดคาดยังมีสัญญาณที่ดี จากยอดการทยอยสะสม Net Long Future ของนั้กลงทุนต่างชาติตั้งแต่ กค. ถึงปัจจุบัน (QTD) เป็นยอด Long สุทธิ กว่า 21,758 สัญญา บ่งชี้โอกาสการปรับตัวขึ้นของดัชนีในช่วงถัดไปได้
Asset allocation : หุ้น 70% ทองคำ 12.5% ตลาดบอนด์ 5% และเงินสด 12.5%
Daily Strategy : 6 Theme เด่น วันนี้ เน้น PETRO Play เป็นหลัก
1. ราคาน้ำมันดิบแกว่งขึ้นต่อ เก็งประชุม OPEC-Non OPEC 7-8 สค.นี้ สอดคล้องมุมมองน้ำมัน 3Q17 จะเด่นกว่า 2Q17 หนุน PTT, PTTEP และค่าการกลั่นที่อยู่ในระดับสูง บวกต่อ The laggard PTTGC, IRPC, BCP, IVL
2. กลุ่ม 1H17F High Dividend Yield : LH, BCP, BEC, PSH, INTUCH, RATCH, PM, SNC
3. กลุ่มคาดกำไร 2Q17 เด่น แนะ AMATA, PM, PSTC, MONO, MINT, ERW, IVL
4. นักท่องเที่ยว UAE ซึ่งเป็นกลุ่มหลักที่เข้ามารักษาพยาบาลในไทยฟื้นตัวเด่น ผสานหน้าฝนที่มาเร็ว จะเป็นแรงหนุนกลุ่ม รพ. ฟื้นตัวรอบใหม่ เน้น BH, BDMS, CHG และ BCH
5. Government Spending : งานประมูลภาครัฐฯที่ทยอยออกมาต่อเนื่อง โดยสัปดาห์นี้ ติดตาม 10 สค. รถไฟทางคู่ 2 เส้น มูลค่าราว 1.6 หมื่นล้านบาท คาดบวกต่อ BANK (BBL, KBANK, KTB) จาก Valuation อยู่ในระดับที่น่าสะสมและราคาหุ้นตอบรับปัจจัยลบไปมากแล้ว) รวมถึงกลุ่มรับเหมาที่ย่อ สวนพื้นฐานที่แข็งแกร่ง (CK, STEC)
6. Top Picks Aug 2017 : IVL(วงจรปิโตรเคมีดีขึ้นต่อเนื่อง), PM และ PSTC(คาดกำไร 2Q17 เร่งขึ้น และดีต่อใน 2H17), EA(คาดเข้า FTSE รอบใหม่), BH(ผู้ป่วยต่างชาติเร่งตัว), PTTGC(3Q17 เชิงบวก)
Weekly Strategy :
1.Weekly Outlook : Up แนวต้าน 1590/1595 จุด แนวรับ 1575/1570 จุด เลือก PTTGC, SNC, PM เป็น weekly top picks2.Mr. Market: BCP เก็งกำไรกลุ่มโรงกลั่น รับแนวโน้มค่าการกลั่นเร่งตัวขึ้น ผสานการปรับคาดกำไรขึ้นเด่น3.Quant Value: ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นต่อเนื่อง ผสานค่าการกลั่นทำจุดสูงสุดในรอบ9เดือน เลือก PTTGC เป็น Top Pick
Investment Theme:
3Q17 Top Picks: ADVANC, AMATA, BJC, BLAND, CK, ERW, MONO
Low Base Effects: ท่องเที่ยว (MINT, ERW), สื่อ (PLANB, MONO, BEC), ค้าปลีก (BJC, ROBINS), สื่อสาร (ADVANC, INTUCH)
Momenturm Play: ปิโตร (IVL, IRPC), รับเหมาและวัสดุก่อสร้าง (CK, SCC), นิคมฯ (AMATA, ROJNA), อสังหา (BLAND, SIRI)
Fundamental & Tactical Daily Top Picks :
PTTGC (Nomura TP84): Support 72.0/70.5 Resistance 74.0/76.0
Theme : Laggard Play
Earnings Outlook : NOMURA คาดกำไรปี 2017F ยังเป็นขาขึ้น +14% y-y จากจากแนวโน้ม Utilization rate ที่ปรับตัวสูงขึ้นของทั้งธุรกิจโรงกลั่น และปิโตรเคมี รวมถึง ค่าการกลั่นและสเปรดปิโตรเคมีที่ยังยืนในระดับสูง โดยระยะสั้นงวด 2Q17F คาดดีขึ้น q-q จากโรงงานกลับมาเดินเครื่องตามปกติ ขณะที่ กำไรปี 2018F ยังเพิ่มต่อเนื่อง จากธุรกิจเดิม และการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบ.ที่มีอยู่ หลังปรับโครงสร้างโอนย้ายจาก PTT หนุน PTTGC เป็นแกนหลักในปิโตรเคมีครบวงจร
Valuation : ราคาปัจจุบันเทรดที่ P/BV น้อยกว่ากลุ่มเพียง 1.26x upside 15% และ Laggard TOP ที่เพิ่มขึ้นมากว่า 10% vs PTTGC 4% สามารถทำ Pair trade ได้ (Long PTTGC, Short TOP)
Catalyst : คาดหุ้นกลุ่มโรงกลั่น ได้อานิสงส์บวกจาก ค่าการกลั่นสิงค์โปร์สูงถึง 7.57 เหรียญต่อบาร์เรล สูงกว่า 3Q16 ที่เฉลี่ยเพียง 5.5 เหรียญต่อบาร์เรล (เพิ่มขึ้นกว่า 37% y-y) คาด 3Q17F ผลประกอบการเริ่มฟื้นตัว q-q
IRPC (TP6.35*): Support 5.3/5.15 Resistance 5.6/5.8
Theme : Laggard Play
Earnings Outlook : แม้กำไรใน 2Q17F จะอ่อนตัวจากอัตรากำไรธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมี และรับรู้ผลขาดทุนสต๊อกน้ำมันดิบ แต่ผลการดำเนินงานหลักในระยะยาวจะโดดเด่นจากกำลังกลั่นเฉลี่ย 2H17F +29%HoH และความคืบหน้าของโครงการ UHV ซึ่งจะหนุนอัตรากำไรขั้นต้น (GIM) ดีขึ้นในระยะยาว คิดเป็นกำไรส่วนเพิ่มราว 5 พันล้านบาท นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจากโครงการ PPE-PPC ที่คาดว่าจะ COD ใน 3Q17F
Valuation : ราคาหุ้นซื้อขาย PER17F 15x สูงกว่ากลุ่มฯ(11.62x) แต่จะมีพัฒนาการเชิงบวกที่ทยอยเห็นผลจากโครงการ UHV ,PPE-PPC ,Gasoline Maximization และ UHV Catalyst Cooler และเรามองว่าราคาหุ้นปัจจุบันสะท้อนความล่าช้าของโครงการ UHV ไปแล้ว
Catalyst : ผลการดำเนินงานหลักโตโดเด่นกว่ากลุ่มโรงกลั่นและปิโครเคมีอื่นๆ จากปัจจัยพื้นฐานที่ฟื้นตัวแข็งแกร่งจากโครงการต่างๆ
IVL (TP42*): Support 37.0/36.0 Resistance 38.5/39.5
Theme : Laggard Play
Earnings Outlook : คาดกำไรปกติ 17F ที่ 14,083 ล้านบาท +47% y-y จากทั้ง Volume ที่เพิ่มตามการขยายกำลังการผลิต (PTA) และอัตราทำกำไรที่ยังควบคุมได้ดีจากการมีโครงการ Upstream-Downstream ที่แข็งแกร่ง โดยระยะสั้นงวด 2Q17F คาด 3.2 พันลบ. แม้ยัง -9% y-y, -27% q-q เกิดจาก Stock loss แต่โดยรวมยังถือว่าเด่นสุดในกลุ่มฯ โดยธุรกิจปกติยังมีอัตรากำไรของผลิตภัณฑ์ (PTA, PET) ทั้งเอเชียและยุโรป อยู่ในระดับที่ดี และมีโมเมนตัมดีต่อเนื่องใน 2H17F
Valuation : กำไรจะกลับสู่ Cycle ขาขึ้นรอบใหม่ในช่วง 3 ปีนี้ โดยราคาหุ้นคิดเป็นระดับ PER ปี 2017F ราว 13x ยังต่ำกว่า Cycle ขาขึ้นรอบก่อน (2011) ซึ่งสูงเกิน 20x
Catalyst : เข้าสู่ช่วงเก็งกำไรงบ 2Q17F ซึ่ง IVL คาดโดดเด่น + Sentiment บวกจากกลุ่มโรงกลั่นที่ outperform อานิสงส์ต่อกลุ่มปิโตรเคมี
Note: TP (Bloomberg Consensus) , *TP(CNS), **TP(Nomura)
Research and IRIS Reports
COMPANY QUICK COMMENT:
CPF (NEUTRAL, TP27.6) CPF รายงานจำนวนหุ้นใช้สิทธิ์เพิ่มทุน 56% ของสิทธิ์ทั้งหมด
เรามีมุมมองเป็นกลางเพราะคาดอยู่แล้วว่าผู้ใช้สิทธิ์ซื้อหุ้นเพิ่มทุนราว 50% แต่เราคาดว่านักลงทุนจะตอบสนองในเชิงลบ เนื่องจากการเพิ่มทุนได้เพียง 56% หรือได้เงินเพิ่มทุน 21,697 ล้านบาท ไม่เพียงพอใช้คืนเงินกู้ตามแผน ทำให้กังวลว่า CPF จะทำอย่างไรเพื่อหาเงินทุนที่ขาดจากเป้าหมายการเพิ่มทุน อย่างไรก็ตามเราแนะนำทยอยสะสม CPF ด้วยราคาเป้าหมายใหม่ 27.60 บาทที่สะท้อน dilution จากการเพิ่มทุน ถึงแม้คาดงบ 2Q17F จะอ่อนตัวจากปัญหาราคาสุกรในเวียดนามต่ำกว่าต้นทุน แต่ 3Q17F มีแนวโน้มค่อนข้างสดใส ราคาสุกรในเวียดนามอยู่ที่ 51-54 บาท/กก ในต้นเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าเฉลี่ย 2Q17F ที่ 30 บาท/กก คาดว่าจะทำให้ผลการดำเนินงานของ CPP ใน 3Q17F ขาดทุนเพียงเล็กน้อยหรืออาจกลับไปเท่าทุนได้ และกำไรสุทธิรวมของ CPF ใน 3Q17F จะดีขึ้น q-q มาก
EARNINGS RESULT:
THCOM (NEUTRAL, TP18) กำไรสุทธิ 2Q17 อยู่ที่ 216 ลบ. ลดลง -63%y-y,-16%q-q
เรามีมุมมอง NEUTRAL ต่อกำไรสุทธิ 2Q17 ที่ 216 ลบ. (-63%y-y,-16%q-q) โดยแม้กำไรที่ออกมาจะดีกว่าเราและตลาดคาด แต่สาเหตุหลักมาจากการมีบันทึกรายรับพิเศษจากค่าปรับของลูกค้า NBN ขอยกเลิกสัญญาก่อนกำหนด แต่หากไม่รวมรายการดังกล่าว กำไรสุทธิ 2Q17 ต่ำกว่าเราและตลาดคาด เพราะรายได้ธุรกิจดาวเทียมอ่อนตัวลงแรง โดยเฉพาะ iPSTAR ที่อัตราการใช้งานลดลงมาต่ำกว่าจุด Breakeven แล้ว ท่ามกลางแนวโน้ม 3Q17F ยังไม่สดใส เราคาดผลการดำเนินงานจะเป็นจุดต่ำสุดของปี เพราะได้รับผลกระทบเต็มไตรมาสจากการสิ้นสุดสัญญาเช่าแบบเหมาของ TOT ประกอบกับในระยะยาวยังมีความเสี่ยงเกี่ยวกับความต่อเนื่องในการดำเนินงานธุรกิจ ดังนั้น แม้ราคาหุ้นอ่อนตัวซื้อขายต่ำกว่า Book value แล้ว แต่เรายังแนะนำ"NEUTRAL"
INDUSTRY QUICK COMMENT:
AGRO AND FOOD (NEUTRAL) ราคาน้ำตาลและน้ำมันปาล์มปรับตัวเพิ่มขึ้น
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาน้ำตาลเพิ่มขึ้น +2.62%w-w เพราะคาดผลผลิตน้ำตาลบราซิลจะต่ำกว่าคาดหลังรัฐบาลบราซิลประกาศลดภาษีเอทานอลทำให้คาดโรงงานจะนำอ้อยไปผลิตเอทานอลมากขึ้น ขณะที่ราคาน้ำมันปาล์มเพิ่มขึ้นเล็กน้อย +0.30%w-w เพราะ คาดว่าผลผลิตน้ำมันปาล์มมาเลเซียและอินโดนีเซียในเดือนสิงหาคมที่จะเพิ่มขึ้น m-m แต่ต่ำกว่าคาด อย่างไรก็ตามราคาถั่วเหลืองลดลง -2.93%w-w เพราะ USDA รายงานภาวการณ์ปลูกถั่วเหลืองของสหรัฐในสัปดาห์ที่ผ่านมามีสถานการณ์ดีกว่าปีที่แล้ว และราคายางพาราลดลง -2.80%w-w เพราะนักลงทุนมีความกังวลหลังจีนรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนกรกฎาคมลดลง m-m
? อุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ในประเทศ ราคาไก่มีชีวิตและสุกรทรงตัวเพราะปริมาณไก่และสุกรเข้าสู่ตลาดไม่มาก ขณะที่กำลังซื้อลดลงเพราะภัยน้ำท่วม ราคากุ้งทรงตัว คาดว่าเพราะค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างต่อเนื่องทำให้ผู้ส่งออกชะลอการซื้อกุ้ง
? เรายังคงให้น้ำหนัก NEUTRAL กลุ่มเกษตรและอาหาร ในสัปดาห์นี้จะรายงานผลการดำเนินงาน 2Q17 และประชุมนักวิเคราะห์ดังนี้ TU (7 สค/8 สค) GFPT (9 สค/9 สค) CPF (11 สค/15 สค) เราคาดว่า GFPT (TP 20.50 บาท) จะมีการเติบโตดีที่สุด ขณะที่ CPF (TP หลังเพิ่มทุน 27.60 บาท) คาดกำไรปกติลดลงแต่นักลงทุนรับทราบอยู่แล้ว ส่วนการรายงานการใช้สิทธิ์ของผู้ถือหุ้นเพียง 56% ของสิทธิ์ทั้งหมด คาดทำให้นักลงทุนผิดหวังและราคาจะปรับตัวลง ส่วน TU (TP 23.2 บาท) คาดกำไรสุทธิลดลง y-y ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็งค่า สำหรับหุ้นที่เกี่ยวกับน้ำตาล ยางพารา ถั่วเหลือง ได้แก่ STA KSL TVO เรามองว่าราคาน้ำตาลและยางพารามี downside จำกัด เริ่มน่าสนใจรอดูจังหวะได้
WEEKLY OUTLOOK :
2Q17 Earning Focus
Top Picks: PTTGC, SNC, PM
Weekly outlook: Up แนวต้าน 1590/1595จุด แนวรับ 1575/1570จุด
สัปดาห์นี้คาดตลาด แกว่งขึ้น โดยได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐฯที่ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่อง โดยในวันที่ 10สค.นี้ มีการประมูล E-Auction รถไฟทางคู่2สาย ได้แก่ นครปฐม-หัวหิน (สัญญาที่1) มูลค่า 6.6พันล้านบาท และ นครปฐม-หัวหิน (สัญญาที่2) มูลค่า 6.1พันล้านบาท จะหนุนกลุ่มในประเทศ เช่น ธนาคาร กลุ่มรับเหมาให้กลับมาฟื้นตัวได้ อีกทั้งแรงกดดันจากผลประกอบการณ์ 2Q17 ที่กดดัน SET มากว่า 3-4 เดือน กำลังเข้าสู่ 2 สัปดาห์สุดท้ายของการรายงาน ซึ่ง ณ ปัจจุบัน หากหักผลกระทบของ KTB ที่รายงานงบต่ำเป้าเพราะนักวิเคราะห์ไม่ได้รวมการตั้งสำรองเต็มที่ใน 2Q17 จะพบว่า 21บริษัท มีผลประกอบการรวม 7.8หมื่นล้านบาท ถือว่า Inline ตลาดคาด โดยมี 9 บริษัทที่งบดีกว่าคาด และ 7บริษัทที่แย่กวาคาด ถือเป็นจิตวิทยาบวกต่อตลาดหุ้นไทย ว่าน่าจะมีแรงส่งเชิงบวกต่อการลงทุนใน 3Q17 ที่แนวโน้มกลุ่ม ENERG&PETRO, ICT, TOURISM, COMM, AIRLINE, HEALTH จะมีทิศทางผลประกอบการฟื้นตัว q-q เด่น โดยกลุ่มพลังงานให้จับตาการประชุม OPEC & Non-OPEC 7-8สค. ต่อประเด็นการหารือกันถึงเรื่องความเข้มงวดในการปรับลดกำลังการผลิต คาดจะหนุนราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวขึ้นต่อ นอกจากนี้จากทิศทางเศรษฐกิจไทยเชิงบวกทำให้ Nomura คาดว่า ค่าเงิน THB จะแข็งค่าสู่ 32.7, 32.4 และ 31.6บาทต่อดอลลาร์ สิ้นปี 2017, 2018, 2019 สะท้อนความเสี่ยงในระยะสั้นต่อคาดการณ์ผลประกอบการกลุ่มส่งออก ETRON, FOOD ที่เราเชื่อว่าสมมติฐานตลาดระยะกลางถึงยาว ยังใช้ระดับ 34-35บาทต่อดอลลาร์อยุ่เป็นส่วนใหญ่ ส่วนกลุ่มนำเข้าสินค้าทุน รับเหมาฯ และการบิน ดูเป็นกลุ่มที่น่าสนใจจากประเด็นนี้ ส่วนปัจจัยที่น่าติดตาม คือ การประกาศ MSCI Quarterly Index 10 สค. นี้ ซึ่งจะมีผลวันที่ 1กย.
กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อกลับกลุ่ม Domestic ที่ลงแรง BANK(KBANK, BBL) รับเหมา(CK, STEC) ผสาน 1) ปันผลสูง 1H17F LH, ADVANC, BCP, BEC, PSH, INTUCH, RATCH, PM, SNC 2) กลุ่มท่องเที่ยว ERW(TP6.3) MINT(46) 3) กลุ่มคาดกำไร 2Q17 เด่น แนะสะสม : PM, ERW, AMATA, IVL และ 4)กลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมีที่ Laggard PTTGC, BCP, IVL, IRPC ผสาน Portfolio Top Picks AUG 2017 แนะนำ BH, EA, PTTGC, IVL, PM, PSTC
หุ้นเด่นสัปดาห์นี้ : แนะนำ PM, PTTGC, SNC
1) PM (TP 17.4): คาดกำไร 2Q17 โตเด่น ผสาน PER ต่ำเพียง 15เท่า+/-
2) SNC(TP20.8): ผลประกอบการ 2Q17เริ่มเติบโตตามคาด และ 2H17 จะเติบโตต่อเนื่อง
3) PTTGC (TP Nomura 84): ราคาหุ้นตอบรับงบ 2Q17 แล้ว + 3Q17 คาดกำไรฟื้นตัวq-q
MONTHLY OUTLOOK :
Dividend Season
Top Picks: BH, EA, PTTGC, IVL, PM, PSTC
Monthly outlook: Sideway Up แนวต้าน 1610/1637จุด และรับ 1570/1565จุด
ภาพตลาดเดือน สค 2017 คาดตลาดผันผวนขึ้น จากความเสี่ยงการเมืองในประเทศ ที่อาจกดดันให้นักลงทุนลดความเสี่ยง ก่อนวันที่ 25 สค 2017 ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดฟังคำพิพากษาคดีจำนำข้าว (อดีตนายกรัฐมนตรีฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นจำเลย) ซึ่งเป็นประเด็นที่นักลงทุนต้องคอยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แต่อย่างไรก็ตามทิศทางผลประกอบการไตรมาส 2 ที่กำลังทยอยออกมาเสร็จสิ้นกลางเดือนนี้ ซึ่งเป็นประเด็นหลักอย่างหนึ่งที่กดดันตลาดหุ้นไทยตลอด 3-4เดือน ที่ผ่านมา ซึ่งโดยรวมยังไม่มีทิศทางแย่กว่าตลาดคาดหมาย ผสานกับ การเข้าสู่ฤดูกาลจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล(Interim Dividend 1H17) น่าจะเป็นปัจจัยที่จำกัด Downside ตลาด นอกจากนี้กลุ่มอุตสาหกรรมหลัก ใน 3Q17 มีแนวโน้มที่ผลประกอบการจะกลับมาเติบโต q-q และ y-y อีกครั้ง นำโดย 1) ENERG & PETRO ที่แนวโน้มราคาน้ำมันส่งสัญญาณดีกว่า 2Q17 หลังน้ำมันดิบ BRENT ยืนเหนือ 52เหรียญต่อบาร์เรล ได้อย่างแข็งแกร่ง ผสานค่าการกลั่นที่สูงกว่า 8เหรียญฯ อีกทั้งกำลังการผลิตของกลุ่มจะกลับสู่ปกติ จะช่วยหนุนนำกลุ่มนี้นำตลาด 2) ICT ทิศทางรายได้ของกลุ่มที่เริ่มเติบโต บวกปัจจัยหนุนเรื่องการลดค่า USO 3.75% สู่ 2.5% อีกทั้งยังมีปันผลระหว่างกาลที่สูง 3) กลุ่มค้าปลีก ราคาสินค้าเกษตรค่อยๆ ฟื้น ประกอบช่วงหน้าฝนที่มาเร็วใน 2Q17 ก็น่าจะสิ้นสุดไวในต้น 3Q17 จะทำให้รายได้กลุ่มเริ่มฟื้นตัวรอบใหม่จากฐานต่ำ และ 4) กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยว คือ รพ และ โรงแรม ที่กำลังเข้าสู่ช่วงฤดูกาล ทิศทางดังกล่าวทำให้ หุ้นกลุ่มเหล่านี้มีน้ำหนักพยุงตลาดค่อยๆ ขึ้นได้ ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังต้องดูการขับเคลื่อนนโยบายภาครัฐต่อเนื่อง หากเดินหน้าไว จะหนุนกลุ่มภาคการลงทุนอีกทางหนึ่ง ส่วนทิศทางสินทรัพย์เสี่ยงโลกยังมีภาพเชิงบวกรับอานิสงส์เศรษฐกิจโลกฟื้นตัว และการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินโลกยังมีทิศทางแบบค่อยเป็นค่อยไป นั่นทำให้กระแสเงินโดยรวมยังเข้าไทย และค่าเงินบาทกำลังจะแข็งค่าแตะ 33บาทต่อเหรียญฯ ตามมุมมองกลยุทธ์ไตรมาส 3(Dollar Index อ่อนค่ากว่าคาดหลุด 95จุด สู่ 92.92จุดแล้ว) ทำให้โอกาสที่จะเห็นนักลงทุนต่างชาติทยอยสะสมหุ้นไทยในช่วงถัดไป ยังมีอยู่ เราประเมิน SET จะแกว่งขึ้นในกรอบแนวต้าน 1610/1637จุด แนวรับ 1570/1565จุด
กลยุทธ์ลงทุน: คาดตลาดกว่งขึ้นในกรอบ 1610/1637จุด จึงคงพอร์ตหุ้น 70% ที่เพิ่มมาในกรอบ 1550-1530จุด โดยกลุ่ม ENERGY&PETRO(PTTGC, IVL, BCP, IRPC, PTT) นำตลาด ผสาน ICT ที่ปันผลสูง และผลประกอบการอยู่ช่วงฟื้นตัว (ADVANC, INTUCH) และกลุ่มที่ได้ประโยชน์จาก Seasonal(BH, CHG, MINT, ERW) และรอหลังงบออกสะสมค้าปลีกและการบิน(BJC, ROBINS, GLOBAL, BA, AAV) ผสานกลุ่ม Mid-Small Cap ที่พื้นฐานเด่น PM, PSTC, BLAND MONO, PLANB, SNC และ กลุ่มที่คาด FTSE จะนำเข้าดัชนีรอบใหม่ ประกาศสิ้นเดือน สค 2017 คือ EA สำหรับ Portfolio Top Picks AUG 2017 แนะนำ BH, EA, PTTGC, IVL, PM, PSTC ส่วน DARK Horse จับตา IRPC, BA, BJC, AMATA
Eagle Eye
STRATEGY UPDATE:
3Q17 RALLY PHASE
Top Picks : ADVANC, BJC, ERW, MONO, CK, AMATA, BLAND
ทิศทางการลงทุนในช่วง 3Q17 คาดสินทรัพย์เสี่ยงโลกยังเชิงบวกต่อเนื่อง จากภาพเศรษฐกิจโลกที่ยังคงขยายตัวเป็นปัจจัยหนุน แต่ประเทศผู้นำทางเศรษฐกิจโลกจะเริ่มเติบโตในอัตราชะลอตัวลง นั่นน่าจะทำให้ภาพรวมการลงทุน เริ่มมีการ Reallocation มามองตลาด Laggard ที่เศรษฐกิจ 2H17 จะเติบโตเร่งขึ้น เป็นตลาดที่มี Valution ที่เหมาะสม ซึ่งในมุมมองของเรา คาดว่า ตลาดหุ้นจีน(MSCI เพิ่มน้ำหนักมีผล พค 2018/สค 2018) และตลาดหุ้นไทย(เศรษฐกิจมีแนวโน้มเชิงบวก) น่าจะเป้าหมายการลงทุนที่น่าสนใจ มีโอกาส Outperform ใน 3Q17 นี้ โดยล่าสุด Nomura ยกตลาดหุ้นไทย ขึ้นสู่ Overweight โดยประเมินเป็น 1 ในตลาดอาเซียนที่จะ Outperform ตลาดอื่นๆ ในเอเซีย และประเทศพัฒนาแล้ว จากประโยชน์ของ Dollar Index ถูกลดการถือครอง(คาดอยู่ในกรอบ 95-98.7จุด และค่าเงินบาทจะแข็งค่า 33-34.5บาทต่อเหรียญฯ) บวกกับราคาโภคภัณฑ์ค่อยๆ ฟื้นตัว(ประเมินราคาน้ำมัน 3Q17 สูงกว่า 2Q17) ซึ่งประเทศในอาเซียนมักจะ Outperform ในสถานการณ์นี้ นอกจากนี้ระดับ F-Holding ของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทยปัจจุบันอยู่ที่ 31.8% ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว 33.1% สะท้อน Fund Flow ในไทยยัง Laggard มีโอกาสเข้าได้อีกมาก บวกทิศทางเศรษฐกิจไทยมีสัญญาณการฟื้นตัวดีกว่าตลาดคาด จากภาคการส่งออก ท่องเที่ยว อิงประโยชน์จากเศรษฐกิจโลกขยายตัว และการลงทุนภาครัฐที่น่าจะเริ่มต่อเนื่องใน 2H17 ทำให้ Nomura ปรับคาดการณ์ GDP ไทยปี 2017 ขึ้นสู่ 3.4% จากเดิม 3.2% โดย CNS ยังคงดัชนีเป้าหมายปี 2017 ที่ 1654จุด อิง PER17F 15.75เท่า และคาดว่า SET ในช่วง 3Q17F เริ่ม Rally ผ่านกรอบ Sideway สู่แนวต้าน 1637/1650จุด(Best Case 1675จุด) และแนวรับที่ 1560/1550จุด โดย Theme การลงทุนเด่นในช่วง 2H17 แนะนำ 2 Theme คือ 1) กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากฐานต่ำปี 2016 ได้แก่ ท่องเที่ยว(MINT, ERW) บันเทิง(BEC, MONO, PLANB) ค้าปลีก(BJC, ROBINS) และสื่อสารฯ(ADVANC, INTUCH) และ 2) กลุ่มที่ได้แรงหนุนจาก Momeuntum 2.1) อิงเศรษฐกิจโลกขยายตัว(IVL, IRPC) และ 2.2) การลงทุนภาครัฐ รับเหมาฯและวัสดุฯ(SCC, CK), อสังหาฯ(BLAND, SIRI), นิคมฯ(AMATA, ROJNA รับกระแส EEC) โดยในกลุ่มนี้เราเลือก Best Picks 3Q17 คือ ADVANC, BJC, ERW, MONO, CK, AMATA, BLAND
REGIONAL FUND FLOWS:
Indonesia -13, Philippines +1, S.Korea -174, Taiwan -85, Thailand -28
ภาพรวมตลาดภูมิภาค วานนี้ ต่างชาติขายสุทธิ 297 ล้านเหรียญ โดยพบว่ามีแรงขายสุทธิมากสุดใน S.Korea 174 ล้านเหรียญ ตามมาด้วย Taiwan ขาย 85 ล้านเหรียญ
สอดคล้องกับกลุ่ม TIP วานนี้ ต่างชาติขายสุทธิ 41 ล้านเหรียญ โดยพบว่ามีแรงขายสุทธิมากสุดต่อเนื่องใน Thailand กว่า 28 ล้านเหรียญ และ Indonesia ขาย 13 ล้านเหรียญ ขณะที่มีแรงซื้อสุทธิเล็กน้อยใน Philippines 1 ล้านเหรียญ
STOCK CALENDAR:
วันนี้ : (New) BRRGIF
(XD) ADVANC @3.51, SCC @8.5
วันพรุ่งนี้ : (XD) PTTEP @1.5
Strategist Team
Koraphat Vorachet : Analyst Registration No. 043100
Fundamental Investment Analyst on Capital Market and Technical
[email protected] 0-2287-6771
Wijit Arayapisit : Analyst Registration No. 044799
Fundamental Investment Analyst on Securities and Technical
[email protected] 0-2287-6871
Yada Kampalanonwat : Analyst Registration No. 083785
Fundamental Investment Analyst on Securities
[email protected] 0-2287-6783