- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 20 August 2014 16:38
- Hits: 2241
บล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
การชะลอตัวของเงินเฟ้อ ผ่อนคลายต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ยในประเทศพัฒนาแล้ว
ภาวะเศรษฐกิจโลกมีสัญญาณการฟื้นที่ดี โดยเฉพาะสหรัฐ และอังกฤษ ขณะที่ในระยะสั้น พบว่าดัชนีเศรษฐกิจบางตัว เริ่มมีการชะลอตัวลง รวมถึงความขัดแย้งระหว่างประเทศรัสเซีย และยูเครน ซึ่งสร้างความกังวลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก จึงคาดว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยอาจจะต้องเลื่อนออกไป
สหรัฐ ดัชนีเศรษฐกิจสหรัฐด้านตลาดบ้านปรับตัวดีขึ้น พบว่า ตัวเลขเริ่มสร้างบ้าน เดือน ก.ค. ขยายตัว 1.57%yoy (ดีกว่าที่คาด และสูงสุดในรอบ 8 เดือน) เช่นเดียวกับ การอนุญาตก่อสร้างบ้าน ซึ่งสะท้อนการก่อสร้างในอนาคต ขยายตัว 8.1%mom (ขยายตัวเร็วสุดตั้งแต่ พ.ย. 2556) เนื่องจากผู้สร้างบ้านมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดที่อยู่อาศัยมากขึ้นหลักจากที่หดต้วเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
ขณะที่อัตราเงินเฟ้อสหรัฐ เดือน ก.ค. ชะลอตัวลงเล็กน้อยที่ระดับ 2%yoy (จาก 2.1%yoy ในเดือนก่อนหน้า แต่ใกล้เคียงเป้าหมายที่ระดับ 2%) เนื่องมาจากการชะลอตัวของอุปสงค์จากทั้งโลก ซึ่งเป็นข้อจำกัดของการปรับขึ้นราคาสินค้าและบริการ ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน) ขยายตัวที่ระดับ 1.9% (ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า และใกล้เคียงระดับเป้าหมาย 2%) หากเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปี พบว่าขยายตัว 1.4%ytd
ทั้งนี้การชะลอตัวของอัตราเงินเฟ้อ คาดว่า FED ยังคงดำรงอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง และคาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้ง ในช่วง 1H58 หลังจากการตัดลดมาตรการ QE สิ้นสุด ราวเดือน ต.ค. อย่างไรก็ตาม จากที่ผ่านมา พบว่าความสัมพันธ์ระหว่างอัตราดอกเบี้ย และดัชนีตลาดหุ้น จะมีทิศทางตรงกันข้าม เนื่องจากการปรับขึ้นดอกเบี้ย เป็นการสวนทางกับการใช้มาตรการผ่อนคลายการเงิน ดังนั้น การขึ้นดอกเบี้ย จะทำให้ตลาดหุ้นเกิดการปรับฐานได้ และสร้างความผันผวนต่อตลาดหุ้นในระยะหนึ่ง ซึ่งต้องติดตามความชัดเจนของสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ย จากการประชุม ที่แจ็คสัน โฮล ระหว่างวันที่ 21-23 ส.ค. ซึ่งมุ่งความสนใจไปที่ตลาดแรงงาน โดยคาดว่าตลาดแรงงานจะสามารถลดลงไปใกล้เคียงที่ระดับ 5.5% ในช่วงก่อนวิกฤติ จากล่าสุดที่ระดับ 6.2%
อังกฤษ อัตราเงินเฟ้ออังกฤษ เดือน ก.ค. ชะลอตัวเล็กน้อยที่ระดับ 1.6% (ต่ำกว่าคาดที่ 1.8% และต่ำกว่าเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 1.9%) เนื่องจากราคาสินค้าโรงงานลดลงครั้งแรกในรอบ 5 ปี ซึ่งยังคงห่างไกลจากเป้าหมายที่ระดับ 2% และเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 0.2%ytdอย่างไรก็ตามการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งของอังกฤษ ยังมีความเปราะบางอยู่ในตลาดแรงงาน ถึงแม้ว่าอัตราการว่างงานล่าสุดจะลดลงมาที่ระดับ 6.97% ต่ำกว่าเป้าหมายเบื้องต้นที่ 7% แต่อัตราค่าจ้างยังคงชะลอตัว ทำให้คาดว่าตลาดแรงงานยังสามารถฟื้นตัวได้มากกว่านี้ และอัตราการว่างงานจะสามารถลดลงได้อีก (ซึ่งเคยลดลงมาที่ระดับ 5.2% ในช่วงก่อนวิกฤติ) ทำให้ BOE อาจผ่อนคลายเวลาในการขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ คาดว่าจะเกิดขึ้นราว งวด 1Q58 ใกล้เคียงกับสหรัฐ
กลยุทธ์การลงทุนระยะสั้นเน้นหุ้นที่ผลกำไรโดดเด่นใน 2H57
หลังจากรายงานงบงวด 1H57 แล้ว ดูเหมือนจะไม่มีความตื่นเต้นอะไรนัก เนื่องจากผลกำไรโดยรวมยังคงใกล้กับประมาณการ คือ กำไรในงวด 1H57 คิดเป็นราว 49% ของประมาณการทั้งปี เท่ากับช่วงที่เหลือคือ 2H57 จะเพิ่มจากงวด 1H57 ไม่มากนัก แต่อย่างไรก็ตามหากพิจารณาหุ้นรายกลุ่มพบว่ามีหุ้นหลายอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะมีผลกำไรโดดเด่นกว่างวด 1H57 ทั้งนี้จากการสำรวจนักวิเคราะห์ ASP พอสรุปได้หลายกลุ่มฯ เช่น เกษตร-อาหาร อสังหาริมทรัพย์ การแพทย์ สื่อสาร พลังงานและปิโตรเคมี โดยวันนี้จะนำเสนอหุ้นเกษตร- อาหารก่อน เนื่องจากมีประเด็นบวกที่ชัดเจนที่สุดกล่าวคือ กลุ่มส่งออกไก่สด (GFPT, CPF) โดยคาดว่าน่าจะได้รับผลดีจากโอกาสที่จะได้ตลาดส่งออกใหม่ คือ รัสเซีย เนื่องจากขณะนี้ รัสเซียได้มีการคว่ำบาตรทางการค้า กับสหรัฐ และ สหภาพยุโรป อันเป็นผลจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในเขตปกครองตนเองไครเมีย ยืดเยื้อมาเป็นเวลานานหลายเดือน จึงทำให้รัสเซียหยุดนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาหาร คือ ไก่แช่แข็ง โดยแต่ละปีจะนำเข้าราว 5 แสนต้นไก่สด และหยุดนำเข้าสินค้าอาหารจากยุโรป (อาหาร และ น้ำตาล เป็นต้น) เช่นกัน ในระยะสั้นทำให้รัสเซีย ต้องเผชิญกับการขาดแคลนอาหาร ทำให้รัสเซียต้องมองหาผู้ส่งออกรายใหม่ ซึ่งไทยเป็นทางเลือกหนึ่ง เนื่องจากปัจจุบันไทยเป็นผู้ส่งออกไก่แช่แข็งรายใหญ่ของโลก (รายอื่น ๆ เช่นสหรัฐ บราซิล และ จีน) โดยตลาดส่งออกหลักของไทยคือ ญี่ปุ่นและสหภาพยุโรป โดยบริษัทจดทะเบียนที่คาดว่าจะได้ประโยชน์มากสุดคือ GFPT รองลงมาคือ CPF
GFPT(FV@B18) ประเด็นบวกข้างต้นคาดว่าจะหนุนความสามารถในการทำกำไรอย่างโดดเด่นในช่วง 2H57 เนื่องจากเป็นผู้ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์ไก่ทั้ง 100% โดยข้อมูลที่ได้จากผู้บริหาร ทำให้เชื่อมั่นว่ามีโอกาสที่จะรับคำสั่งซื้อใหม่ๆ จากรัสเซีย และจะได้รัรบคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นจากแมคโดนัลด์ในญี่ปุ่น หลังไม่มั่นใจต่อคุณภาพสินค้าที่นำเข้าจากจีน (นำเข้าจากจีนราว 9.6 พันตัน/ปี) ด้วยเหตุปัจจัยดังกล่าว บวกกับผลของฤดูกาล ทำให้คาดว่าแนวโน้มกำไรสุทธิ 2H57 จะเติบโตอย่างโดดเด่นจาก 1H57 นอกจากนี้ปัจจัยบวกทางด้าน ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ในต่างประเทศที่อ่อนตัวลง และน่าจะอ่อนตัวลงในช่วง 3 เดือนข้างหน้า หลังจากที่เข้าสู่ช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยว ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำกำไร ซึ่งทำให้มีโอกาสสูงที่จะปรับเพิ่มประมาณการกำไรเพิ่มเติมจากคำสั่งซื้อที่จะเพิ่มจาก 2 ตลาดดังกล่าว ทั้งนี้จากประมาณการกำไรสุทธิเดิมในปี 2557 จะอยู่ที่ 1.86 พันล้านบาท เติบโต 24% yoy และในปี 2558 อยู่ที่ 1,953 ล้านบาท เติบโต 3% ระยะสั้นแม้ว่าราคาตลาดได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นรองรับข่าวดังกล่าวจนมี upside เพียง 7.8% แต่คาดว่ายังมีศักยภาพที่จะเดินหน้าต่อ เนื่องจากราคาหุ้นปัจจุบันมีค่า PER ที่ต่ำเพียง 11 เท่าในปีนี้ และ 10 เท่าในปีหน้า ซึ่งเทียบกับกลุ่มเกษตร-อาหารที่สูงถึง 16 เท่า
CPF(FV@B34) คาดว่าแนวโน้มผลกำไรช่วง 2H57 มีโอกาสเติบโตมากกว่าคาด จากการฟื้นตัวของธุรกิจส่งออกทั้งหมู ไก่ และกุ้ง โดยเฉพาะไก่ส่งออกมีอนาคตสดใส จาก 2 ส่วน คือ อาจจะได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มเติมจากรัสเซีย ดังกล่าวข้างต้นแล้ว แม้จะไม่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตในปีนี้ได้เพียงพอ แต่น่าจะหนุนให้ราคาไก่ในประเทศทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้ และแนวโน้มราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ในต่างประเทศได้กลับมาอ่อนตัวอีกครั้ง เนื่องจากผลผลิตที่ออกสู่ตลาดมากขึ้น จึงช่วยหนุนประสิทธิภาพการทำกำไร ทำให้นักวิเคราะห์ ASP มีการปรับเพิ่มประมาณการกำไรในปี 2557 และ 2558 ราว6.3% และ 5.4% จากเดิม ตามลำดับ ซึ่งส่งผลให้ประมาณการกำไรในปี 2557 จะเติบโต 44.8% และ เติบโต 30.4% ในปี 2558 แม้ราคาตลาดจะมี upside จาก Fair Value เพียง 13.3% แต่เชื่อว่าศักยภาพการทำกำไรทีดีขึ้นอาจจะทำให้ต้องมีการปรับเพิ่มประมาณการในอนาคตได้ ทั้งนี้ CPF ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล เท่ากับ 0.30 บาท คิดเป็น Div Yield ที่ 1% โดยขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 26 ส.ค.57 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 12 ก.ย.57
ต่างชาติสลับมาซื้อสุทธิในหุ้นไทยอีกครั้ง
วานนี้นักลงทุนต่างชาติพลิกกลับมามีสถานะเป็นซื้อสุทธิในตลาดหุ้นภูมิภาคเอเซีย 5 ประเทศที่ 452 ล้านเหรียญ ภาพรวมโดยเป็นการซื้อสุทธิในเกือบทุกประเทศ มีเพียงอินโดนีเซียเพียงประเทศเดียวเท่านั้นที่สลับขายสุทธิออกมาราว 38 ล้านเหรียญ (ซื้อสลับขายใน 3 วันทำการหลังสุด) ที่เหลือเป็นการซื้อสุทธิในไต้หวัน 209 ล้านเหรียญ (ซื้อสุทธิต่อกันเป็นวันที่ 3), เกาหลีใต้ 159 ล้านเหรียญ (หลังจากที่ซื้อติดต่อกันมา 3 วัน), ฟิลิปปินส์ 95 ล้านเหรียญ (พลิกกลับมาเป็นซื้อหลังจากขายติดต่อกัน 2 วัน) และไทย วานนี้นักลงทุนต่างชาติพลิกกลับมาเป็นซื้อสุทธิอีกครั้งที่ 27 ล้านเหรียญ (866.23 ล้านบาท) หลังจากที่ขายสุทธิติดต่อกัน 3 วันทำการ
ทั้งนี้ มูลค่าการซื้อขายในภูมิภาคกลับมาอยู่ในระดับที่หนาแน่นอีกครั้ง หลังจากที่อยู่ในช่วงซบเซาในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการตอบรับตลาดหุ้นในฝั่งสหรัฐและยุโรปที่ปรับตัวขึ้นแรงใน 2 วันดังกล่าว ขณะที่ตลาดตราสารหนี้ของไทยนักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ที่ 464 ล้านบาท ส่งผลให้ค่าเงินบาทยังคงทรงตัวอยู่ที่ 31.89 บาทต่อเหรียญฯ
ปปช. ไม่ชี้มูลความผิด กทค. มีโอกาสกลับมาประมูลคลื่น 1800 MHz
ปปช. มีมติไม่ชี้มูลความผิด คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม(กทค.) 4 ท่าน ตามคำร้องเรื่องการมีพฤติกรรมทุจริตเกี่ยวกับการประมูลใบอนุญาตคลื่นความถี่ 2.1 GHz คือ 1) การกำหนดหลักเกณฑ์การประมูลที่เอื้อประโยชน์ต่อเอกชน ทำให้ไม่มีการแข่งขันด้านราคา 2) ไม่มีการยกเลิกประมูลทั้งๆที่รู้ว่าผู้ร่วมประมูลไม่แข่งขันด้านราคาอย่างแท้จริง ผลจากการไม่ชี้มูลความผิดทำให้คำร้องดังกล่าวตกไป ซึ่งถือเป็นผลดีต่อ Sentiment การลงทุนหุ้นกลุ่มสื่อสาร โดยมีโอกาสที่จะเห็นการเปิดประมูลคลื่น 1800 MHz และ 900 MHz ที่กำลังจะหมดอายุสัมปทานในวันที่ 15 ก.ย. 57 และ 15 ก.ย. 58 ในอีก 1 ปีข้างหน้า ทั้งนี้หุ้นที่น่าจะได้ Sentiment เชิงบวกมากที่สุดได้แก่ ADVANC (FV@B 250) ที่เตรียมประมูลใบอนุญาตคลื่น 1800 MHz มาพัฒนาต่อยอดเป็นบริการ 4G ซึ่งเป็นผลดีต่อเนื่องไปยัง INTUCH(FV@B100) ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ของ ADVANC
เดินหน้าเปิดซองประมูลรถไฟฟ้าสายสีเขียว หมอชิต-คูคต 19 ก.ย. นี้
วานนี้ (19 ส.ค.) ที่ประชุมบอร์ด รฟม มีมติเห็นชอบให้ รฟม.เดินหน้าการประกวดราคาโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต วงเงิน 25,856 ล้านบาท ตามร่างเงื่อนไขการประกวดราคา (TOR) เดิม โดยไม่ต้องมีการปรับเงื่อนไขการกำหนดรายได้เฉลี่ยจากงานก่อสร้างของผู้เสนอราคาย้อนหลัง3ปี (เทิร์นโอเวอร์) ตามมติบอร์ดชุดเก่า โดยจะกำหนดให้ผู้ที่ซื้อเอกสารไปทั้ง 31 ราย มายื่นเอกสารประมาณวันที่ 19 ก.ย.นี้ ซึ่งน่าจะส่งผลบวกต่อหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่กำลังรอความชัดเจนจากการเปิดประมูลโครงการภาครัฐ โดยเฉพาะบริษัทรับเหมาที่เข้าประมูล ITD,CK,STEC และ UNIQ อย่างไรก็ตาม UNIQ ซึ่งเป็นผู้ยื่นคัดค้านร่าง TOR เดิม จะไม่สามารถเข้าประมูลในสัญญาที่ 1 ซึ่งมีมูลค่าสูงสุด 14,021 ล้านบาท ได้ เนื่องจากมีคุณสมบัติไม่ผ่านเกณฑ์เรื่องรายได้ย้อนหลัง 3 ปี
ภรณี ทองเย็น, CISA เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004146
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
พบชัย ภัทราวิชญ์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 052647
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
กษิดิ์เดช รัตนสมบูรณ์
มาราพร กี้วิริยะกุล