- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 04 August 2017 12:03
- Hits: 4514
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
ผันผวนในกรอบแคบ? คาดการเคลื่อนไหวยังอยู่ทิศทางเดียวกับวานนี้ โดยคาดยังคงมีความผันผวนอยู่แต่ยังอยู่ในกรอบแคบ คาดยังได้รับ Sentiment บวกบ้างจากดัชนีต่างประเทศ โดยเฉพาะ DJIA ทำ New High ต่อเนื่อง ขณะที่ยังอยู่ในช่วงของการประกาศผลการดำเนินงาน
อย่างไรก็ตามภายใต้ปัจจัยเดิมจากต่างประเทศ คาดยังกดดันภาพรวมตลาด (1) การส่งสัญญาณของเฟดปรับลดงบดุลจากระดับปัจจุบันที่ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่คาดจะประกาศในเดือนก.ย. นี้ (ประชุมเฟด 19 – 20/9/60) และ (2) ความไม่แน่นอนทางการเมืองของสหรัฐฯ หลังวุฒิสภามีมติคัดค้านการยกเลิกกฎหมายประกันสุขภาพฉบับโอบามาแคร์ ซึ่งทำให้เกิดความไม่มั่นใจว่า ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ จะสามารถผลักดันมาตรการต่างๆ ตามที่เคยหาเสียง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงนโยบายการปฏิรูปภาษี ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อเนื่อง คาดส่งผลดีต่อทิศทางเงินลงทุนจากต่างชาติ
ส่วนราคาน้ำมัน กลับมามีความผันผวน หลังตัวเลขการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกล่าสุด ยังเพิ่มขึ้นและเป็นระดับสูงสุดในรอบปี แม้ในช่วงที่ผ่านมาจะมีความพยายามลดปริมาณผลิตลงเพื่อรักษาเสถียรภาพราคา คาดอาจมีแรงขายทำกำไรหุ้นกลุ่มพลังงาน ภายใต้ความกังวลภาวะอุปทานในตลาด
ทางด้านประเด็นในประเทศ (+) แรงเก็งกำไรผลประกอบการ 2Q/60 และเงินปันผล ถึงกลางเดือน ส.ค.
ทางด้าน Fund Flow คาดกลับมากดดันอีกครั้ง จากแรงขายสุทธิต่างชาติต่อเนื่องในช่วงสัปดาห์นี้ ซึ่งส่งผลให้ YTD ยอดซื้อสุทธิสะสมลดลงเหลือเพียง 1,637 ล้านบาท ขณะที่แนะติดตามค่าเงินบาท ที่ยังคงแข็งต่อเนื่องในรอบเกือบ 2 ปี โดยเคลื่อนไหวบริเวณ 33.24 - 33.26 บาท และภายใต้เงินบาทที่แข็งค่าดังกล่าว คาดส่งผลกระทบทางลบต่อหุ้นในกลุ่มส่งออก
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มอาหาร ได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น BR, CBG เป็นต้น
(2) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น
(3) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง คาดได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ
ที่เข้ามาต่อเนื่อง เช่น CK และ UNIQ เป็นต้น
SET SET50 SET100
1,578.25 -2.29 1,002.69 -2.19 2,250.54 -4.82
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+/-) ตลาดต่างประเทศ DJIA +9.86, NASDAQ -22.30, S&P -5.41, FTSE +63.34, CAC +23.24 และ DAX -26.76
DJIA ทำปิด New High ติดต่อกันเป็นวันที่ 7 ภายใต้ปัจจัยหนุน (1) ผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน เช่น เทสลา มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของสหรัฐฯ แม้ยังขาดทุนแต่ดีกว่าคาด จากยอดขายของรถยนต์ Model S และ Model X SUV รวมถึงเคลล็อก ผู้ผลิตและจำหน่ายซีเรียลชื่อดังของสหรัฐฯ เป็นต้น (2) ตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ เช่น ยอดสั่งซื้อภาคโรงงาน – มิ.ย. เพิ่มขึ้น 3.0% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับแต่ต.ค.’59 ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน ล่าสุด ลดลง 5,000 ราย อยู่ที่ 240,000 ราย ต่ำกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่ 242,000 รายและดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการ – ก.ค. อยู่ที่ 54.7 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับแต่ม.ค. ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม Nasdaq และ S&P 500 ปิดในแดนลบ หลังได้รับปัจจัยกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลง และส่งผลต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน
ขณะที่อยู่ระหว่างรอ (1) ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร - ก.ค. ในวันพรุ่งนี้ (4/8/60) โดยคาดเพิ่มขึ้น ประมาณ 180,000 ตำแหน่ง และคาดอัตราว่างงาน อยู่ที่ 4.3% ลดลงจากระดับ 4.4% เมื่อมิ.ย. และ (2) สภาคองเกรส พิจารณาปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ก่อนที่จะปิดสมัยประชุม เพื่อให้สหรัฐฯ สามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ โดยปัจจุบันรัฐบาลมีงบประมาณเพียงพอถึงเดือนก.ย. นี้ เท่านั้น
ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยบวกเพิ่มจากเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลง หลังธนาคารกลางอังกฤษมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมคงวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 4.35 แสนล้านปอนด์ และคงวงเงินซื้อหุ้นกู้ในภาคเอกชนที่ระดับ 1 หมื่นล้านปอนด์
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
16.44 1.91 3.07
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 38,579.36
สถาบัน 1,842.70
บัญชีหลักทรัพย์ -307.15
ต่างประเทศ -2,516.04
ในประเทศ 980.49
(4) กลุ่มพลังงาน เช่น BCP, TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น และ PTT ที่ผลการดำเนินงานยังมีความแข็งแกร่งต่อเนื่อง
(5) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วง 2Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น MONO และ WORK
(6) กลุ่มท่องเที่ยว ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว เช่น CENTEL, MINT
(7) กลุ่มขนส่ง ยังได้รับผลดีจากการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มฟื้นตัวในช่วง 2Q/60 เช่น AOT
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.03 อยู่ที่ 2.23%
(ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.16 อยู่ที่ 10.44
หุ้นแนะนำ : MTLS
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร. 02-684-8788