- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 01 August 2017 17:09
- Hits: 1055
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
คาดยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบ? การเคลื่อนไหวเป็นแบบ sideway โดยคาดยังมีความผันผวนตามตลาดส่วนใหญ่ที่เคลื่อนไหวไร้ทิศทาง ภายใต้ที่ยังไม่มีประเด็นชี้นำใหม่ๆ ขณะที่ยังอยู่ในช่วงของการประกาศผลการดำเนินงาน
อย่างไรก็ตามคาดยังมีปัจจัยเดิมจากต่างประเทศที่คาดยังมีผลต่อกดดันภาพรวมตลาด (1) การส่งสัญญาณของเฟดปรับลดงบดุลจากระดับปัจจุบันที่ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่คาดจะประกาศในเดือนก.ย. นี้ (ประชุมเฟด 19 – 20/9/60) และ (2) ความไม่แน่นอนทางการเมืองของสหรัฐฯ หลังวุฒิสภามีมติคัดค้านการยกเลิกกฎหมายประกันสุขภาพฉบับโอบามาแคร์ ซึ่งทำให้เกิดความไม่มั่นใจว่า ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ จะสามารถผลักดันมาตรการต่างๆ ตามที่เคยหาเสียง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงนโยบายการปฏิรูปภาษี ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อเนื่อง ล่าสุดค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ 33.24 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลดีต่อทิศทางเงินลงทุนจากต่างชาติ
ส่วนราคาน้ำมัน ยังปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาดส่งผลดีต่อราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน เช่น PTT และ PTTEP จากการคาดการณ์มาตรการคว่ำบาตรต่อภาคน้ำมันของเวเนซุเอลา ในขณะที่การประชุมของ รมต.กระทรวงน้ำมัน ของประเทศผู้ผลิตน้ำมัน 5 ประเทศ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ยังคงมีความพยายามในการปรับลดปริมาณผลิต เพื่อกระตุ้นราคาน้ำมันให้มีเสถียรภาพ และพร้อมจะขยายระยะเวลาออกไปจากเดิมครบกำหนดมี.ค.’61 หากตลาดยังไม่สมดุล ขณะที่ตลาดยังจับตาการเปิดเผยสต็อกน้ำมันของสหรัฐฯ ในวันพุธ
ทางด้านประเด็นในประเทศ (+) แรงเก็งกำไรผลประกอบการ 2Q/60 และเงินปันผล ถึงกลางเดือน ส.ค.
(+/-) Fund Flow ยังมีความผันผวนจากแรงซื้อ/ขายสุทธิ สลับกัน แนะติดตามค่าเงินบาท ซึ่งยังคงแข็งต่อเนื่องในรอบเกือบ 2 ปี โดยเคลื่อนไหวบริเวณ 33.20 - 33.32 บาท และภายใต้เงินบาทที่แข็งค่าดังกล่าว คาดส่งผลกระทบทางลบต่อหุ้นในกลุ่มส่งออก
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มอาหาร ได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น BR, CBG เป็นต้น
(2) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น
SET SET50 SET100
1,576.08 -4.98 1,003.96 -3.12 2,250.61 -7.82
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+/-) ตลาดต่างประเทศ DJIA +60.81, NASDAQ -26.55, S&P -1.80, FTSE +3.63, CAC -37.62 และ DAX -44.45
โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยหุ้นบริษัทผลิตเครื่องบินรายใหญ่อย่างโบอิ้งเพิ่มขึ้นแตะจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากบริษัทเปิดเผยว่าสายการบินอินเดียจะสั่งซื้อเครื่องบินใหม่จากโบอิ้งราว 2,100 ลำ นอกจากนี้ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากการที่สหรัฐฯ เปิดเผยยอดทำสัญญาบ้านที่รอปิดการขายเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้นเกินคาดสู่ระดับ 110.2 ในขณะที่ดัชนี PMI เขตชิคาโกลดลงเกินคาดสู่ระดับ 58.9 ในเดือน ก.ค.
ขณะที่อยู่ระหว่างรอสภาคองเกรส พิจารณาปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ก่อนที่จะปิดสมัยประชุมเดือนหน้า เพื่อให้สหรัฐฯ สามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ โดยปัจจุบันรัฐบาลมีงบประมาณเพียงพอถึงเดือนก.ย. นี้ เท่านั้น
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ก.ย. +US$0.46 อยู่ที่US$50.17 ต่อบาร์เรล แตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน จากการคาดการณ์เรื่องมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯต่อภาคน้ำมันของเวเนซุเอลา และจากการที่นักลงทุนลดความกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันลง
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ส.ค. -US$1.8 อยู่ที่ US$ 1,266.6 ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตามการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ยังเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ ส่งผลให้ราคาทองคำมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือสกุลเงินอื่นๆ
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
16.38 1.91 3.07
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 57,299.81
สถาบัน -3,526.50
บัญชีหลักทรัพย์ 2,354.47
ต่างประเทศ -7,158.91
ในประเทศ 8,330.95
(3) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง คาดได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐที่เข้ามาต่อเนื่อง เช่น CK และ UNIQ เป็นต้น
(4) กลุ่มพลังงาน เช่น BCP, TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น และ PTT ที่ผลการดำเนินงานยังมีความแข็งแกร่งต่อเนื่อง
(5) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วง 2Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น MONO และ WORK
(6) กลุ่มท่องเที่ยว ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว เช่น CENTEL, MINT
(7) กลุ่มขนส่ง ยังได้รับผลดีจากการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มฟื้นตัวในช่วง 2Q/60 เช่น AOT
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัว อยู่ที่ 2.29%
(ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.03 อยู่ที่ 10.26
หุ้นแนะนำ : หุ้นแนะนำเดือนสิงหาคม’60 ได้แก่ AP, CHG, GCAP,
MONO, PSL, PTTGC และ UNIQ
นักวิเคราะห์ : ศักดิ์นรินทร์ ศศานนท์ โทร. 02-684-8789