- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 31 July 2017 18:43
- Hits: 3341
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'เลือกซื้อเมื่อ SET อยู่เหนือ 1575'
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวันพฤหัสฯ SET ปิด -2.11 จุดปิดที่ 1581.06 การซื้อขายหุ้นยังเป็นลักษณะเวียนตัวเวียนกลุ่มโดย Gap แต่ละรอบไม่มาก ซึ่งเป็นตลาดที่เล่นเก็งกำไรยากมากทีเดียว นักลงทุนสถาบันในปท.ซื้อสุทธิ 1.5 พันลบ. อีก 3 กลุ่มขายสุทธิประเด็นสำคัญวันนี้ : ปัจจัยภายนอก – การซ้อมรบของญี่ปุ่น & สหรัฐ และการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปของเกาหลีเหนือก่อให้เกิดความกังวลบ้างแต่ไม่มาก การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐ (+2.6% ในงวด 2Q60) เป็นไปตามคาดของนักวิเคราะห์ ดัชนีค่าเงิน US$ ทรงๆ ที่93.4+/- การขยายตัวของภาคผลิต & บริการของจีนชะลอตัวลงในเดือนก.ค.แต่ก็ยังเติบโตได้ ด้านราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นต่อเป็นวันที่ 5 อาจต้องระวังการแกว่งจากการขายทำกำไร
ปัจจัยในประเทศ – ผลประกอบการ 2Q60 และการประกาศปันผลระหว่างกาลกำลังทยอยออกมาและมีน้ำหนักต่อตลาดมากในช่วงนี้สำหรับประเด็นอื่นๆ มี Update การขอรับส่งเสริมลงทุนจาก BOI ที่ดีขึ้นในช่วง 6M60 เป็น 2.9 แสนลบ. (30% อยู่ใน EEC) และยอดอนุมัติส่งเสริม +15%YoY เป็น 3.4 แสนลบ. โดยการลงทุนในกลุ่มสื่อสาร, ยานยนต์, ระบบขนส่งมวลชน ไปได้ดี คาดการลงทุนโดยรวมจะดีขึ้นใน2H60 และในปี 61 แนะนำสะสม AMATA, SCC, TMT จังหวะอ่อนตัว กลยุทธ์การลงทุน : เลือกซื้อรายบริษัท หุ้นกลยุทธ์วันนี้เป็น GLOW
+ GLOW : กำไร 2Q60 ฟื้นตัวเป็น 2.83 พันลบ. (+49%QoQ เนื่องจากงวด 1Q60 มีปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้า) กระแสเงินสดจากการดำเนินงานดี 6M60 อยู่ที่ 8 พันกว่าลบ. เชื่อว่าปีนี้จะจ่ายปันผลได้ไม่น้อยกว่า 4 บาท/หุ้น หรือ Yield ไม่น้อยกว่า 5% (Consensus 7%)
+ PTTEP : กำไร 2Q ออกมา 7.54 พันลบ. +183%YoY แต่อ่อน QoQ เพราะมีปิดซ่อมบำรุงตามแผน & โครงการ S1 หยุดผลิตชั่วคราวและโครงการมอนทาราเจอพายุไซโคลน Unit cost เพิ่ม QoQ แต่ลด YoY มีฐานะเป็นเงินสดสุทธิ แนะนำซื้อจังหวะอ่อนตัว ให้ TP 105 บาท
• ADVANC : กำไรหลัก 2Q60 เป็นไปตามคาด 7.2 พันล้านบาท (-25%YoY, -6%QoQ) รายได้อินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์โตแกร่ง 404%YoYลูกค้าบัตรเติมเงินลดแต่ลูกค้ารายเดือนเพิ่ม การแข่งขันธุรกิจยังสูง บริษัทจ่ายปันผล 1H60 ที่ 3.51 บาท/หุ้น, XD 7 ส.ค.นี้, Yiled 1.87%การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นบวกเล็กๆ ซื้อใหม่เน้นค่าบวก/หรือเมื่อเหนือ 1575 แนวรับ 1570-1560 แนวต้าน 1585,1590-1595 และ Stop loss เมื่อหลุด 1575 จุด สำหรับการ SCAN หุ้นที่คาดว่าราคาจะทำ New High ได้ พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่เป็น SEAFCO,EGCO, BTS, PTTGC, NETBAY หุ้นยังอยู่ใน List คือ JWD, TNR, BH หุ้นหลุด List คือ RJH, BR ส่วนหุ้นแนะนำที่ให้หาจังหวะขายทำกำไรเป็น CK
นักกลยุทธ์&นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค& Reseach Team – [email protected]
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมันและทองคำ
-/• จีน : ดัชนี PMI ภาคการผลิต & บริการเดือนก.ค.ชะลอตัวลง
* สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.ค. ลดลงมาที่ 51.4 จากเดือนมิ.ย.ที่ 51.7 ส่วนดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนก.ค.อ่อนลงเป็น 54.5 จากเดือนมิ.ย.ที่ 54.9
* อย่างไรก็ตาม ดัชนี PMI ที่เหนือ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตและภาคบริการของจีนยังคงขยายตัว แต่มีอัตราการเติบโตที่น้อยลง
• ญี่ปุ่น : ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมมิ.ย. +1.6%MoMมีรายงานว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย. +1.6%MoM อ่อนลงจากเดือนก่อนหน้าที่ +3.6%MoM ส่วนดัชนีการขนส่งในภาคอุตสาหกรรม +2.3%MoM ดัชนีสต็อกสินค้าคงคลังในภาคอุตสาหกรรม -2.2%MoM
+ สหรัฐ : จีดีพีงวด 2Q60 โต 2.6%YoY เพิ่มจาก 1.2%YoY ใน 1Q60กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ของจีดีพีสหรัฐงวดไตรมาส 2/60 ที่ +2.6% สูงกว่า
+1.2% ในไตรมาส1/60 และใกล้เคียงกับมุมมองของนักวิเคราะห์ที่ประมาณการไว้ที่ +2.5% ปัจจัยหนุนการเติบโต คือ การใช้จ่ายผู้บริโภคที่ +2.8% และการลงทุนของภาคธุรกิจในด้านเครื่องมืออุปกรณ์ +8.2%สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่าเครื่องบินรบของญี่ปุ่นและเครื่องบินทิ้งระเบิดของสหรัฐได้ร่วมซ้อมรบบริเวณนอกคาบสมุทรเกาหลี โดยเกิดขึ้นหลังเกาหลีเหนือได้ทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ครั้งที่ 2 ในช่วงวันศุกร์ที่ 28ก.ค.60 ซึ่งการซ้อมครั้งนี้ มีเครื่องบินรบ F-2 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินทิ้งระเบิดรุ่น B-1 จำนวน 2 ลำเข้าร่วมปฏิบัติการ
• ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดาวโจนส์ขยับขึ้นต่อวันศุกร์ดัชนี DJIA +33.76 จุด หรือ +0.15% ปิดที่ 21,830.31 จุด ดัชนี S&P 500 -3.32 จุด หรือ -0.13% ปิดที่2,472.10 จุด ดัชนี Nasdaq -7.51 จุด หรือ -0.12% ปิดที่ 6,374.68 จุด ทั้งนี้แม้ว่าจีดีพีไตรมาส 2/60 จะโตดีขึ้นแต่กำไรบจ.ใหญ่ที่แย่กว่าคาด เช่น อเมซอนดอทคอม อิงค์ ก็กดดันตลาด
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาปรับขึ้นต่อเป็นวันที่ 5สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 67 เซนต์ หรือ +1.4% ปิดที่ 49.71 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน และตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ทะยาน 8.6% ส่วน BRENT เพิ่มขึ้น 1.03ดอลลาร์ หรือ +2% ปิดที่ 52.52 ดอลลาร์/บาร์เรล และตลอดทั้งสัปดาห์ทะยานขึ้นกว่า 9% โดยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่ลดลงเกินคาด, EIA รายงานว่าสหรัฐผลิตน้ำมันลดลง 1.9 หมื่นบาร์เรลเป็น 9.410 ล้านบาร์เรล/วัน, ซาอุฯให้คำมั่นจะลดการส่งออกน้ำมันลง, ไนจีเรียจะเข้าร่วมลดการผลิต และโอเปกอาจขยายเวลาลดการผลิตออกไปอีก (จากปัจจุบันกำหนดไว้สิ้นมี.ค.61)
+ ภาวะตลาดทองคำ : ปิดเพิ่มขึ้นราว 0.7% ในวันศุกร์สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ทะยาน 8.4 ดอลลาร์ หรือ 0.67% ปิดที่ 1,268.4 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังมีรายงานข่าวว่าเกาหลีเหนือลอบยิงขีปนาวุธในเวลากลางคืน ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ และเกิดขึ้นหนึ่งวันหลังจากวันครบรอบ 64 ปีการลงนามข้อตกลงสงบศึกชั่วคราวที่เป็นการสิ้นสุดสงครามเกาหลีในระหว่างปี 2493-2496 ซึ่งเกาหลีเหนือถือเป็นวันเฉลิมฉลองชัยชนะใน "สงครามปลดปล่อยปิตุภูมิ"(Fatherland Liberation War) ต่อกองทัพเกาหลีใต้และกองกำลังของสหประชาชาติที่นำโดยสหรัฐอเมริกา
ปัจจัยในประเทศ และหุ้นมีข่าว
+ BOI เผย 6M60 มีผู้ขอรับส่งเสริมฯ 2.9 แสนลบ. ส่วนยอดอนุมัติฯ 3.2 แสนลบ. (+15%)
* BOI เปิดเผยยอดการขอรับส่งเสริมการลงทุนในงวดม.ค.-มิ.ย.60 เท่ากับ 612 โครงการ มูลค่า 291,790 ล้านบาท ส่วนยอดอนุมัติส่งเสริมฯ อยู่ที่ 341,310 ล้านบาท (+15%YoY) ยอดออกบัตรส่งเสริม 322,100 ล้านบาท (+50%YoY)
* พื้นที่ที่ขอรับส่งเสริมการลงทุนมากคือ EEC (ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก) โดยอยู่ที่ 150 โครงการมูลค่ารวม 87,430 ล้านบาท หรือ 30% ของทั้งหมด คาดว่าทั้งปี 60 จะมีโครงการขอรับส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่EEC ได้ตามเป้าหมายที่ 1.5 แสนล้านบาท ส่วนที่นอกเหนือจากโครงการใน EEC มีโครงการใหญ่ๆ ที่ขอรับการส่งเสริมฯจะอยู่ในกลุ่มรถจักรยานยนต์ (ไทรอัมพ์), รถยนต์ (โตโยต้า), ทางด่วน, รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย, รถโมโนเรล เป็นต้น
* สศค.คงคาดการณ์การเติบโตของจีดีพีไทยปี 60 ไว้ที่ +3.6% (จากช่วงคาดการณ์ 3.3-3.9%)
ความเห็น DBSV Retail Research : การลงทุนที่มีแนวโน้มดีจะเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับโครงการรัฐ เช่น โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ, รถไฟทางคู่, รถโมโนเรล เป็นต้น ส่วนการลงทุนภาคเอกชนอื่นๆ ที่พอไปได้อยู่ในกลุ่มพาณิชย์ (ขยายสาขา), กลุ่มสื่อสาร (ลงทุนโครงข่าย เครื่องมือและอุปกรณ์รองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ), กลุ่มยานยนต์(รองรับการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีและการเปลี่ยนถ่ายไปสู่รถที่ใช้ไฟฟ้า), กลุ่มโรงแรม (รองรับการเติบโตของภาคท่องเที่ยว) เป็นต้น อย่างไรก็ดี โดยรวมแล้วการลงทุนภาคเอกชนในงวด 6M60 ยังคงซบเซา แต่ก็มีความหวังว่าจะดีขึ้นใน 2H60 และปี 61 ซึ่งปัจจัยที่ต้องจับตา คือ อัตราการใช้กำลังการผลิตภาคอุตสาหกรรม ถ้าหากปรับขึ้นไปใกล้ๆ 70 ก็เป็นสัญญาณที่ดีว่าการลงทุนภาคอุตสาหกรรมกำลังจะฟื้นตัวแล้ว (เดือนพ.ค.60 อยู่ที่ 60.63)
• PTT & PTTEP : จับมือลงทุน 10% ใน PL9SB ซึ่งเป็นผู้ผลิตและสำรวจก๊าซ LNGบริษัท PTTGLI ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของ PTT กับ PTTEP ลงนามในสัญญาเข้าซื้อหุ้น 10% ในบริษัท ปิโตรนาสแอลเอ็นจี9 เอสดีเอ็น บีเอชดี (PL9SB) ในมาเลเซียที่ผลิตและสำรวจก๊าซธรรมชาติเหลวหรือ LNG ใช้เงินลงทุน1.7 หมื่นล้านบาท (PTT & PTTEP จ่ายคนละครึ่ง) โดยขณะนี้ PL9SB มีกำลังผลิต LNG 3.6 ล้านตัน/ป ี เริ่มผลิตมาตั้งแต่ต้นปี 60 ทั้งนี้กลุ่ม PTT ต้องการเพิ่มความมั่นคงในด้านพลังงาน รองรับการขยายการลงทุนในมาเลเซียและรองรับแผนนำเข้า LNG ของไทยในระยะยาวด้วย
+ GLOW (ราคาปิด 79.50 บาท) : งวด 2Q60 กำไร +49%QoQ เพราะ 1Q60 มีปิดซ่อมบำรุงตามแผน* กำไร 2Q60 ฟื้นตัว QoQ - บริษัทรายงานกำไร 2Q60 เท่ากับ 2.83 พันล้านบาท (+49%QoQ) โดยรายได้จากการขายเพิ่ม 18%QoQ เป็น 1.34 หมื่นล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นเป็น 30% จาก 22% ใน 1Q60ขณะที่ SG&A ต่อรายได้ลดลงเป็น 1.3% จาก 1.6% เพราะมีต้นทุนคงที่เป็นสัดส่วนสูง เมื่อรายได้เพิ่มค่าใช้จ่ายต่อหน่วยจึงลดลง ในไตรมาสนี้มีกำไรจาก FX 158 ล้านบาท แต่น้อยลงจาก 1Q60 ที่ 404 ล้านบาทรายได้อื่นเพิ่มเป็น 97 ล้านบาทจาก 54 ล้านบาทใน 1Q60 โดยรวมถือว่าผลประกอบการฟื้นตัวดีขึ้นเมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาสเนื่องด้วยใน 2Q60 ไม่มีการปิดซ่อมบำรุง
* สำหรับงวด 6M60 - บริษัทมีกำไรสุทธิ 4.73 พันล้านบาท ลดลง 14%YoY ซึ่งเป็นผลจากรายได้ -9%YoYเพราะค่าพลังงานไฟฟ้าต่ำลงเพราะขายไฟฟ้าให้กับกฟผ.น้อยลง & อัตราค่าความพร้อมจ่ายต่ำลง อัตรากำไรขั้นต้นอ่อนลงเป็น 27% จาก 30% ในงวด 6M59 เพราะอัตรากำไรใน 1Q60 ที่ต่ำเนื่องจากมีการปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าช่วง 1 ม.ค.-5 ก.พ.60 และทำสัญญาซื้อถ่านหินฉบับใหม่ที่มีต้นทุนสูงขึ้นโดยเริ่มตั้งแต่ก.ค.59
* วิเคราะห์กระแสเงินสดและความสามารถในการจ่ายปันผล- กระแสเงินสดจากการดำเนินงานงวด6M60 เท่ากับ 8.16 พันล้านบาท เมื่อรวมกับเงินสด & เงินลงทุนระยะสั้น 5.82 พันล้านบาท แล้วเท่ากับ13.98 พันล้านบาท ซึ่งเพียงพอต่อการชำระหนี้การเงิน หุ้นกู้ที่ครบกำหนดภายใน 1 ปีและหนี้ระยะสั้นที่ 8.12พันล้านบาทดและดอกเบี้ยจ่ายที่ตกปีละ 2.4 พันล้านบาท ก็จะเหลือเงินราว 3.46 พันล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมกับกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่หักการลงทุนใน 2H60 อีกอย่างน้อย 6 พันล้านบาท ก็คาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถจ่ายปันผลในปี 60 ได้ไม่ต่ำกว่า 4 บาท/หุ้น (5.85 พันล้านบาท) ซึ่งคิดเป็น Dividend yield ไม่น้อยกว่า 5% (ปี 59 จ่ายครั้งเดียวหลังปิดงบฯปี)
-/• ITD : เสนอราคาต่ำสุดรถไฟทางคู่ หัวหิน-ประจวบฯที่ 5,807 ล้านบาท...ต่ำกว่าราคากลาง 20%รฟท.ประกาศผลการประมูลราคาทางอิเล็ทรอนิกส์ (e-Auction) โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ระยะทาง 84 กิโลเมตร ได้ราคาสุดท้ายที่มีผู้เข้าประมูลเสนอต่ำสุดที่ 5,807 ล้านบาท ต่ำกว่าราคากลางที่ 7,305ล้านบาทราว 20% โดยผู้เสนอราคาต่ำสุดคือกลุ่ม ITD … คาดว่าลงนามในปลายเดือน ส.ค.และเริ่มก่อสร้างในเดือน ก.ย.60
ความเห็น DBSV Retail Research : เราไม่แน่ใจว่าผู้ชนะประมูลที่ราคาต่ำกว่าราคากลาง 20% จะสามารถทำกำไรได้ดีแค่ไหน เนื่องจากเป็นโครงการก่อสร้างระยะยาว ทำให้ความเสี่ยงเรื่องต้นทุนบานปลาย (Cost overrun)จะสูงกว่าโครงการก่อสร้างที่ใช้เวลาไม่มาก
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]