- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 31 July 2017 17:54
- Hits: 533
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market summary
เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา SET ยังคงแกว่งอยู่ในกรอบแคบ โดยระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย ยังคงมีแรงซื้อเก็งกำไรในกลุ่มพลังงาน ตามทิศทางการฟื้นตัวของราคาน้ำมัน ในขณะที่กลุ่มธนาคารยังคงมีแรงขายต่อ ส่งผลให้ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,581 จุด (-2.1 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 3.6 หมื่น ลบ.
โดยนักลงทุนชาติ ขายหุ้นไทยต่อที่ 928 ลบ. แต่ยังเปิด Long สุทธิ SET50 Index Future ต่อเป็นวันที่ 7 ที่ 257 สัญญา
Investment theme
เดือนสิงหาคมนี้ จับตาความเคลื่อนไหวสหรัฐ : ในเดือนสิงหาคมนี้เรามองว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,560-1,583 โดยปัจจัยในประเทศยังคงกดดันการลงทุนต่อเช่น 1) การปรับประมาณการลงของ EPS ภายหลังงบไตรมาส 2 ประกาศในช่วง 1-2 สัปดาห์ต่อจากนี้ 2) การปรับตัวลงของสินค้าเกษตรหลักเช่น ข้าว,ยาง,น้ำตาลและ มันสำปะหลัง ส่งผลต่อกำลังซื้อในประเทศที่ลดลง และ อาจกดดันให้การส่งออกในช่วงครึ่งปีหลังปรับลดลง และสำหรับปัจจัยต่างประเทศ เราแนะให้นักลงทุนติดตามความเคลื่อนไหวของนโยบาย Trump, ตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจ และค่าเงิน ซึ่งหากยังมีความไม่แน่นอน อาจจะเป็น Sentiment บวกอ้อมๆต่อเวลาให้ SET ปรับตัวขึ้นต่อได้ (อย่างทีเป็นอยู่ ณ.ปัจจุบัน) แต่อย่างไรก็ตามเราเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวแบบอ่อนๆในเศรษฐกิจสหรัฐ โดยเฉพาะการเติบโตของการบริโภคในประเทศเติบโต 2.8% (จาก 1.9% ในไตรมาสแรก) และการส่งออกเติบโต 4.1% อีกทั้งในเชิงเทคนิคเรามองว่า Dollar Index อาจจะชะลอการอ่อนค่าที่แนวรับหลักบริเวณ 92.0 ประกอบกับนักเศรษฐศาสตร์หลายคนเริ่มพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามีโอกาสที่ FED จะเริ่มลดขนาด US balance sheet ในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม ซึ่งถือเป็นประเด็นที่เราแระนำให้นักลงทุนติดตามอย่างใกล้ชิด
Investment theme: คงคำแนะนำไม่เพิ่มพอร์ตการลงทุนเก็งกำไร ณ เวลานี้ จนกว่าจะเห็นปัจจัยบวก ทั้งจากใน และต่างประเทศ แนะนำ Let profit run กลุ่มพลังงาน-ปิโตรฯ เริ่มทยอยขายทำกำไรหุ้นรับเหมา และสะสมซื้อ "เมื่อราคาอ่อนตัว" หุ้นรับปันผลกลางปี เช่น BCP, BH, BAY, SPCG และ LH
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา สหรัฐรายงานตัวเลข GDP ไตรมาส2 ที่ 2.6% / Brent xปรับตัวขึ้นต่อที่ 52.7เหรียญ/บาร์เรล (+2.35%) / เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธใกล้บริเวณเขตเศรษฐกิจญี่ปุ่น / กระทรวงแรงงานเปิดเผยยอดการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าว 5 วันแรก รวม 1.9แสนคน ส่วนมากเป็นแรงงานพม่าและกัมพูชา ซึ่งพบในกลุ่มเกษตร,ก่อสร้าง และร้านอาหาร
เรื่องเด่นวันนี้
- บทวิเคราะห์ Construction, QH, TSTH, PTTEP
Stock pick : BCP
BCP: ซื้อ @ THB 40.00
ค่าการกลั่นปรับตัวขึ้นทดสอบ 8.04 เหรียญ/บาร์เรล สูงสุดในรอบ 10 เดือน อีกทั้งทิศทางของ Premium Brent-Dubai ที่แคบลงเป็นบวกต่อค่าการกลั่นด้วย เราชอบ BCP จากการเป็นโรงกลั่น Defensive ผลประกอบการผันผวนต่ำ มีปัจจัยบวกระยะกลางจากการ IPO ธุรกิจผลิตภัณฑ์ Bio Based
เรามองว่า BCP จะเด่นในช่วงนี้ จากการจ่ายปันผลกลางปีในระดับ 2.3%+/-
ใน 1-2 ปีต่อจากนี้คาดนำ 2 บริษัทฯลูกเข้าจดทะเบียนคือ ธุรกิจ Bio และธุรกิจปั้มน้ำมัน ซึ่งจะส่งผลบวกต่อบริษัทฯแม่อย่าง BCP (ยังไม่รวมไว้ในประมาณการ)
Trading idea - ทยอยขายทำกำไรหุ้นรับเหมาก่อสร้าง / หลีกเลี่ยงการลงทุนหุ้นกลุ่ม TV digital / ปัญหาน้ำท่วมใน 15 จังหวัดสำคัญของการเกษตร อาจส่งผลต่อการชะลอตัวของกำลังซื้อในประเทศ เป็นลบต่อกลุ่มค้าปลีกและร้านอาหาร / ทยอยสะสม CKP ซึ่งมองว่างบช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตเด่น จากการรับรู้รายได้ของ BIC2
Technical View
รอซื้อกลับที่โซน 1575-1577 กราฟรายชั่วโมงดีดไม่พ้นแนวต้าน High ของวันที่ 1586 ประกอบกับขณะนั้น Modified Stochastic ที่เพิ่งตัดลงจากเขต Overbought ทำให้ดัชนีปรับตัวลงกลับมาแกว่งในกรอบ Ascending Triangle อีกครั้ง ระยะสันคาดจะแกว่งตัวลงต่อเพื่อทดสอบแนวรับบริเวณ 1575-1577 ซึ่งหากปรับตัวลงถึงแนวรับดังกล่าว เราคาดว่า Modified Stochastic จะกลับไปอยู่ในเขต Oversold อีกครั้ง จึงคาดว่าที่แนวรับดังกล่าวจะ Rebound มองแนวต้านที่ 1586 และ 1590 กลยุทธ์การลงทุน (1) รอซื้อหุ้นกลับที่โซนแนวรับ 1575-1577 เพื่อ Trading ระยะสั้น (2) หากหลุด 1575 อาจชะลอการลงทุน
แนวรับ : 1575-1577, 1570 แนวต้าน : 1586 1590
Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ : จับตาปัญหาการเมืองระหว่างสหรัฐและรัสเซีย ปัจจัยในประเทศ : กลุ่มอสังหาฯซึม คาดปี2560 เปิดโครงการใหม่มูลค่าลดลง 4%YoY ที่ 3.65แสนล้านบาท / จับตาศาลฎีกาตัดสินคดีโครงการรับจำนำข้าว / สัปดาห์นี้ติดตาม IRPC, VGI, MACO , BIG, BH ประกาศงบ / อังคารนี้ กระทรวงพลังงานเตรียมลอยตัวราคา LPG
หุ้นเทคนิค:
KKP (B 66.00-66.50, Tp 68.25//70.00, Cut 65.50)
BBL (B 180.00-181.00, Tp 183.50//185.50, Cut 179.00)
ข่าวเด่นเช้านี้
PTTEP ปันผล 1.50 บาท ครึ่งปีกำไรโตสนั่น 139% (ข่าวหุ้น)
PTTEP โชว์ไตรมาส 2 ฟันกำไรสุทธิ 7,535 ล้านบาท โตทะลัก 183% รับอานิสงส์ราคาน้ำมันพุ่ง หนุนงบครึ่งปีแรกกำไรสุทธิ 19,819 ล้านบาท พุ่งกระฉูด 139% จ่ายปันผลระหว่างกาล 1.50 บาท แขวน XD ภายในวันที่ 8 ส.ค.นี้ ประกาศผนึกกำลัง PTT ตั้งบริษัทร่วมทุน PTTGLI ด้วยการทุ่มเงิน 500 ล้านเหรียญสหรัฐ
ความเห็น : ผลประกอบการปกติ 2Q60 ออกมาต่ำกว่าคาด แนวโน้ม 3Q60 คาดอ่อนตัวลง QoQ การเข้าลงทุนธุรกิจ LNG Liquefaction เป็นโอกาสในอนาคต แต่ระยะสั้นยังมีผลจำกัด แนะนำ ถือ ราคาเป้าหมาย 90.00 บาท
'พลังงาน' หนุนผู้ค้าก๊าซรายย่อย รีบสร้างแบรนด์ใหม่ๆ รับเปิดเสรี 'LPG'1 สค. (แนวหน้า)
อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.) เปิดเผยว่า ภายในเดือนสิงหาคมนี้จะหารือกับผู้ค้าก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) มาตรา 7 เพื่อขอความร่วมมือให้ผู้ค้าร่วมกันทำศูนย์ซ่อมบำรุงถังกลางซึ่งแนวคิดดังกล่าวก็เพื่อที่จะรองรับกับเปิดเสรีแอลพีจีอย่างสมบูรณ์แบบ(ในวันที่ 1 สิงหาคม 2560) เพื่อจะหนุนให้เกิดผู้ค้าแอลพีจีภาคครัวเรือนรายใหม่ หรือแบนด์ใหม่ๆ เข้ามาแข่งขันในตลาดมากขึ้นจากปัจจุบันมีอยู่ 3 กลุ่มหลัก(ปตท. เวิลด์แก๊ส สยามแก๊ส) ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคในระยะยาวที่จะมีทางเลือกเพิ่ม และยังเป็นการดูแลถังแอลพีจีครัวเรือนให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานได้อย่างปลอดภัยมากขึ้นอีกด้วย
ความเห็น : เราประเมินการลอยตัว LPG ในระยะสั้นมีผลกระทบจำกัดต่อผู้ผลิตและผู้บริโภค เนื่องจากราคาปัจจุบันที่ผู้ผลิตได้รับใกล้เคียงกับราคาในตลาดโลก ขณะที่ผู้บริโภคจะมีกองทุน LPG ที่ช่วยบริหารจัดการ เรามองประเด็นดังกล่าวเป็นกลาง
ITD ซิวรถไฟทางคู่หัวหิน-ประจวบฯ วงเงิน 7.3 พันล้าน รฟท. คาดเซ็นสัญญาส.ค.นี้ (ข่าวหุ้น)
ITD" ซิวรถไฟทางคู่หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ วงเงิน 7.3 พันล้านบาท ยอมหั่นต่ำกว่าราคากลาง 15% ฟาก "ร.ฟ.ท." คาดเซ็นสัญญาได้ภายในส.ค.นี้
ความเห็น : ราคาที่ ITD ประมูลต่ำกว่าราคากลางถึง 20% เรามองเป็นลบ เพราะ ปกติรถไฟทางคู่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำ และ เป็นการสะท้อนถึง 4 เส้นทาง 12 สัญญา ที่เหลือ คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 8.5 หมื่นล้านบาท คาดการแข่งขันจะยังรุนแรงเช่นกัน เราให้น้ำหนักกลุ่มรับเหมาก่อสร้างเป็น Neutral
TPIPP ผลงานครึ่งปีหลังสุดหรูปริมาณขายไฟโตก้าวกระโดด (ทันหุ้น)
TPIPP รับข่าวดีโรงไฟฟ้าใหม่ 2 แห่ง ผ่าน EIA แล้ว พร้อมดันกำลังการผลิตติดตั้งรวมเพิ่มเป็น 400 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันอยู่ที่ 150 เมกะวัตต์ คาด COD ได้ประมาณต้นเดือนต.ค. เร็วกว่าแผนเดิมที่คาดไว้ ช่วยหนุนผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังทำนิวไฮ ตามปริมาณการขายไฟฟ้าที่จะเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด
ความเห็น : โรงไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงขยะ TG6 ขนาด 70MW ผ่าน EIA และ เม่อรวมกับความร้อนทิ้ง TG4 ขนาด 30MW แล้วขายไฟให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิต 90MW และ ได้ adder 3.5 บาท จะช่วยเพิ่มกำไรประมาณ 2.5 พันล้านบาทต่อปี ปลายปีนี้กำลังการผลิตโรงไฟฟ้าเพิ่มเป็น 440MW จากปัจจุบัน 150MW หนุนกำไรไตรมาสสี่ และ ปี 2561 โตสูง เราคงคำแนะนำ ซื้อ ประเมินราคาเป้าหมายตามวิธี DCF เท่ากับ 8.50 บาท
HMPRO อวดฝีมือทำกำไรครึ่งปีแรกแตะ 2.1 พันล้าน (ทันหุ้น)
HMPRO รับทรัพย์ขยายสาขาใหม่ช่วยหนุนผลงาน โชว์ฝีมือโกยกำไรช่วงครึ่งปีแรกโตทะยาน 17.26% แตะระดับ 2.1 พันล้านบาท "คุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล" ยกเป็นผลบวกจากธุรกิจโฮมโปร, เมกาโฮม และโฮมโปร ที่ประเทศมาเลเซีย ทำรายได้ดี บวกกับมีมาร์จิ้นสูงขึ้น หลังปรับเปลี่ยนของส่วนผสมสินค้ามีไว้เพื่อขายทั้งกลุ่มสินค้าทั่วไป และกลุ่มสินค้า Direct Sourcing
ความเห็น : กำไร 1H60 นับว่าเติบโตในเกณฑ์ดีในภาวะที่การอุปโภคบริโภคชะลอตัว เราคาดกำไร 2H60 สูงกว่าใน 1H60 โดยคาดกำไร 4Q60 จะเติบโตแข็งแกร่งเนื่องจากเป็นไฮซีซั่น อีกทั้งได้ประโยชน์จากการขยายสาขาต่อเนื่องและอัตรากำไรเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 12.20 บาท
Go with the Flow : กระแสเงินทุนต่างชาติ / ธุรกรรม Short-Selling / NVDR
กระแสเงินทุนต่างชาติ - กระแสเงินทุนต่างชาติยังมีการไหลออกในบางประเทศ ยังไม่มีทิศทางที่ชัดเจน โดยประเทศไทยยังมีแรงขายอย่างต่อเนื่องกว่า 929 ล้านบาท โดยเป็นแรงขายติดต่อกัน 3 วันทำการ เช่นเดียวกับ Single Stock Future ที่มีการ Short สุทธิเพิ่มอีก 1,104 สัญญาติดต่อกัน 5 วันทำการ ตรงข้ามกับ SET50 Future ที่มี Long สุทธิติดต่อกัน 5 วันทำการ แต่ปริมาณลดลงอย่างหนักเหลทอเพียง 257 สัญญา
ธุรกรรม Short Selling - ปริมาณ short sell เริ่มเบาบางลงเหลือเพียง 815.38 ล้านบาท โดยกลุ่มที่ติด 5 อันดับสูงสุดเป็นกลุ่มพลังงานและสถาบันการเงิน โดย 2 อันดับแรกเป็นของกลุ่มพลังงาน ทั้ง PTT ที่ 89 ล้านบาทที่ราคาเฉลี่ย 388.00 บาท และ IVL ที่ 81 ล้านบาทที่ราคาเฉลี่ย 36.99 บาท ส่วนอันดับที่ 3-4 เป็นของกลุ่มการเงินอย่าง KBANK และ SCB
การซื้อขาย NVDR - ปริมาณการซื้อขายยังคงทรงตัว โดยแรงซื้อที่มีเข้ามาเด่นสุดอยู่ที่ PTTGC และ BEAUTY ทั้งที่ก่อนหน้ามีแรงซื้อขายที่เบาบาง ส่วนแรงขายมีมูลค่าเบาบางลงซึ่งกลุ่มที่ถูกขายมากสุดยังเป็นกลุ่มการเงินทั้ง KKP, SCB และ BBL โดย KKP และ BBL ถูกขายติดต่อกันตลอด 5 วันทำการ ส่วนหุ้นที่ถูกพลิกมาซื้อเป็นครั้งแรกในรอบหลายวันทำการคือ SCC และ PTTEP
บทวิเคราะห์ทางปัจจัยพื้นฐานเผยแพร่วันนี้
CONSTRUCTION Sector Update NEUTRAL
ประเด็นการลงทุน : โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ วงเงิน 7,305 ล้านบาท ปรากฏว่าผู้ประมูลเสนอราคาต่ำสุดอยู่ที่ 5,807 ล้านบาท หรือต่ำกว่าราคากลางถึง 20% คือ ITD สะท้อนภาพการแข่งขันที่รุนแรง และ คาดจะกดดันผลประกอบการบริษัทรับเหมาที่ชนะการประมูล รถไฟทางคู่ที่เปิดประมูลในรอบนี้ ยังเหลืออีก 4 เส้นทาง 12 สัญญา คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 8.5 หมื่นล้านบาท คาดการแข่งขันจะยังรุนแรงเช่นกัน โดยช่วงที่เหลือของปี จะมีการอนุมัติรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก 1.21 แสนล้านบาท และ รถไฟฟ้าอีก 3 สาย รวม 1.5 แสนล้านบาท รวมถึงรถไฟไทยจีน 1.79 แสนล้านบาท อาจจะช่วยกระตุ้นบ้าง เราให้น้ำหนักการลงทุนกลุ่มรับเหมาก่อสร้างเท่ากับตลาด (Neutral) เราแนะนำ ซื้อ ใน CK (เป้าหมาย 34 บาท) แนะนำ TRADING BUY ใน STEC (เป้าหมาย 30 บาท) และ UNIQ (เป้าหมาย 22.50 บาท)
รถไฟทางคู่เส้นแรก หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ต่ำกว่าราคากลางถึง 20% : โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 84 กิโลเมตร วงเงิน 7,305 ล้านบาท ปรากฏว่าผู้ประมูลเสนอราคาต่ำสุดอยู่ที่ 5,807 ล้านบาท หรือต่ำกว่าราคากลางถึง 20% คือ บมจ. อิตาเลียนไทยดีเวล๊อปเม้นต์ (ITD) โดยบริษัทเคเอสร่วมค้าฯยื่นเสนอราคาเป็นลำดับที่ 2 วงเงิน 6,126 ล้านบาท หรือ ต่ำกว่าราคากลาง 16% สะท้อนถึงการแข่งขันที่รุนแรง โดยรถไฟทางคู่เส้น หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ มีผู้ยื่นซองประมูลทั้งหมด 13 ราย จากที่ซื้อซองทั้งหมด 30 ราย และ ผ่านคุณสมบัติ 11 ราย
ยังมีอีก 4 เส้นทาง จะทยอยประมูลในเดือน ส.ค.-ก.ย. นี้ : รถไฟทางคู่ที่เปิดประมูลในรอบนี้ ยังเหลืออีก 4 เส้นทาง 12 สัญญา คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 8.5 หมื่นล้านบาท โดยเส้นทางที่จะประกวดราคาถัดมาในวันที่ 10 ส.ค. คือ เส้นทางนครปฐม-หัวหิน ระยะทาง 196 กม. มูลค่า 16,066 ล้านบาท จำนวน 2 สัญญา โดยสัญญา 1 มีผู้ยื่นซอง 12 ราย และ สัญญา 2 มีผู้ยื่นซอง 11 ราย ใกล้เคียงกับเส้นทาง หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ คาดการแข่งขันจะรุนแรงเช่นกัน สำหรับ 3 เส้นทางที่เหลือ จะทยอยประกวดราคาตามมาในเดือน ส.ค. - ก.ย. คือ เส้นทางช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร 167 กม. วงเงิน 16,234 ล้านบาท เส้นทางช่วงมาบกะเบา-จิระ ระยะทาง 132 กม. วงเงิน 28,505 ล้านบาท และ เส้นทางช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 116 กม. วงเงิน 23,921 ล้านบาท
ราคาประมูลต่ำกว่าราคากลางถึง 20% เป็นสัญญาณลบต่อกลุ่มรับเหมา: การก่อสร้างรถไฟทางคู่ปกติจะมีอัตรากำไรที่ต่ำกว่าโครงการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ และ การประมูลในรอบนี้มีการเปิดกว้างมากขึ้น ทำให้การแข่งขันรุนแรงมากขึ้น จนราคาประมูลต่ำกว่าราคากลางถึง 20% คาดจะกดดันในด้านลบต่อผลประกอบการบริษัทที่ชนะการประมูล
QH Results Preview T-BUY
ประเด็นการลงทุน : เราคงคำแนะนำ Trading Buy สำหรับ QH โดยมีราคาเป้าหมาย 12 เดือนที่ 2.96 บาท/หุ้น คาดแนวโน้มผลประกอบการ 2Q60 ดีขึ้น QoQ แต่ยังอ่อนตัว YoY ในปีนี้ทิศทางผลประกอบการจากธุรกิจอสังหาริมทรัพยังทรงตัว แต่มีจุดเด่นที่ 1) ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทลูกที่ยังหนุนได้ดี 2) โอกาสการบันทึกกำไรพิเศษของการเพิ่มทุนจาก CTBC ใน non-cash 3) เงินปันผลรอบ 1H60 ที่คาดจะให้ผลตอบแทน 2.4% จากราคาหุ้น YTD ของ QH ที่ลดลง 5% ดังนั้นการ Trading หุ้น QH จึงคาดว่ามี Downside ที่จำกัด
ผลประกอบการ 2Q60 คาดดีขึ้น QoQ แต่ลดลง YoY : เราคาดรายได้รวมของ QH ใน 2Q60 ที่ 4,110 ล้านบาท (-25% YoY แต่ +19% QoQ) โดยเราคาดสัดส่วนรายได้ของแนวราบ : คอนโดมิเนียม : ค่าเช่าที่ประมาณ 83 : 10 : 7 โครงการคอนโดมิเนียมที่ส่งมอบในไตรมาสเป็นโครงการขนาดเล็กคือ Casa สวนดอก เชียงใหม่ สำหรับ GP เราคาดว่าจะลดลงเป็น 29.6% จากการจากระบาย Stock ของโครงการในต่างจังหวัด ค่าใช้จ่ายอื่นๆ คาดว่าทรงตัวและส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมคาดยังทำได้ดีที่ 403 ล้านบาท (-2.5% YoY แต่ดีขึ้น 3.2% QoQ) ส่งผลให้คาดว่ากำไรสุทธิของ 2Q60 คาดที่ 752 ล้านบาท (-15.9% YoY และดีขึ้น +15.2% QoQ)
คงประมาณการปีนี้และเป้า Presales โดยอาจมีกำไรพิเศษใน 3Q60 : แม้ใน 2Q60 QH ได้เปิดโครงการใหม่เพียง 1 โครงการคือ Gusto Q District กิ่งแก้ว-สุวรรณภูมิ มูลค่าโครงการ 1,282 ล้านบาทแต่ใน 2Q60 สามารถทำ Presales ได้ดีที่ประมาณ 3,800 ล้านบาทโดยเป็นแนวราบ 90% และคอนโดมิเนียม 10% และทำให้ 1H60 Presales ทำได้ประมาณ 38% ของเป้าปีนี้ที่ 18,500 ล้านบาท (+21% YoY) โดยใน 2H60 QH เหลือโครงการรอเปิด 8,500 ล้านบาทที่จะมาช่วยหนุน และเราคงประมาณการรายได้ของปีนี้ที่ 21,286 ล้านบาท (+11.3% YoY) และกำไรสุทธิที่ 3,349 ล้านบาท (+8.6% YoY) นอกจากนี้การเพิ่มทุนของ LHBANK คาดจะทำให้ QH มีการบันทึกกำไรพิเศษที่เป็น Non cash เข้าใน 3Q60 นี้ซึ่งยังไม่รวมอยู่ในประมาณการ
Trading Buy ราคาเป้าหมาย 12 เดือนเท่ากับ 2.96 บาท/หุ้น : เราคงคำแนะนำ Trading Buy คงราคาเป้าหมาย 12 เดือนเท่ากับ 2.96 บาท/หุ้น (PER 9 เท่า) แม้ธุรกิจหลักของ QH จะไม่โดดเด่นและฟื้นตัวช้าแต่ได้แรงหนุนจากส่วนแบ่งกำไรของบริษัทร่วมลงทุนซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนเงินและผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ประมาณ +/-6% ต่อปี หลังจากจ่าย Interim มา 2 ปีเราคาดว่ามีโอกาสที่ QH จะจ่ายเงินปันผลรอบ 1H60 ที่ประมาณ 0.06 บาท/หุ้น ผลตอบแทน 2.4%
นักวิเคราะห์ : สุกิจ อุดมศิริกุล / สรพล วีระเมธีกุล / จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์
Research Department Tel. 02-658-6300
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : Thailand Construction Services แนะนำ NEUTRAL
Thailand Construction Services
NEUTRAL [Unchanged]
ทางคู่เส้นแรกต่ำกว่าราคากลาง 20%
ประเด็นการลงทุน
โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ วงเงิน 7,305 ล้านบาท ปรากฏว่าผู้ประมูลเสนอราคาต่ำสุดอยู่ที่ 5,807 ล้านบาท หรือต่ำกว่าราคากลางถึง 20% คือ ITD สะท้อนภาพการแข่งขันที่รุนแรง และ คาดจะกดดันผลประกอบการบริษัทรับเหมาที่ชนะการประมูล รถไฟทางคู่ที่เปิดประมูลในรอบนี้ ยังเหลืออีก 4 เส้นทาง 12 สัญญา คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 8.5 หมื่นล้านบาท คาดการแข่งขันจะยังรุนแรงเช่นกัน โดยช่วงที่เหลือของปี จะมีการอนุมัติรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก 1.21 แสนล้านบาท และ รถไฟฟ้าอีก 3 สาย รวม 1.5 แสนล้านบาท รวมถึงรถไฟไทยจีน 1.79 แสนล้านบาท อาจจะช่วยกระตุ้นบ้าง เราให้น้ำหนักการลงทุนกลุ่มรับเหมาก่อสร้างเท่ากับตลาด (Neutral) เราแนะนำ ซื้อ ใน CK (เป้าหมาย 34 บาท) แนะนำ TRADING BUY ใน STEC (เป้าหมาย 30 บาท) และ UNIQ (เป้าหมาย 22.50 บาท)
รถไฟทางคู่เส้นแรก หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ต่ำกว่าราคากลางถึง 20%
โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 84 กิโลเมตร วงเงิน 7,305 ล้านบาท ปรากฏว่าผู้ประมูลเสนอราคาต่ำสุดอยู่ที่ 5,807 ล้านบาท หรือต่ำกว่าราคากลางถึง 20% คือ บมจ. อิตาเลียนไทยดีเวล๊อปเม้นต์ (ITD) โดยบริษัทเคเอสร่วมค้าฯยื่นเสนอราคาเป็นลำดับที่ 2 วงเงิน 6,126 ล้านบาท หรือ ต่ำกว่าราคากลาง 16% สะท้อนถึงการแข่งขันที่รุนแรง โดยรถไฟทางคู่เส้น หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ มีผู้ยื่นซองประมูลทั้งหมด 13 ราย จากที่ซื้อซองทั้งหมด 30 ราย และ ผ่านคุณสมบัติ 11 ราย
ยังมีอีก 4 เส้นทาง จะทยอยประมูลในเดือน ส.ค.-ก.ย. นี้
รถไฟทางคู่ที่เปิดประมูลในรอบนี้ ยังเหลืออีก 4 เส้นทาง 12 สัญญา คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 8.5 หมื่นล้านบาท โดยเส้นทางที่จะประกวดราคาถัดมาในวันที่ 10 ส.ค. คือ เส้นทางนครปฐม-หัวหิน ระยะทาง 196 กม. มูลค่า 16,066 ล้านบาท จำนวน 2 สัญญา โดยสัญญา 1 มีผู้ยื่นซอง 12 ราย และ สัญญา 2 มีผู้ยื่นซอง 11 ราย ใกล้เคียงกับเส้นทาง หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ คาดการแข่งขันจะรุนแรงเช่นกัน สำหรับ 3 เส้นทางที่เหลือ จะทยอยประกวดราคาตามมาในเดือน ส.ค. - ก.ย. คือ เส้นทางช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร 167 กม. วงเงิน 16,234 ล้านบาท เส้นทางช่วงมาบกะเบา-จิระ ระยะทาง 132 กม. วงเงิน 28,505 ล้านบาท และ เส้นทางช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 116 กม. วงเงิน 23,921 ล้านบาท
ราคาประมูลต่ำกว่าราคากลางถึง 20% เป็นสัญญาณลบต่อกลุ่มรับเหมา
การก่อสร้างรถไฟทางคู่ปกติจะมีอัตรากำไรที่ต่ำกว่าโครงการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ และ การประมูลในรอบนี้มีการเปิดกว้างมากขึ้น ทำให้การแข่งขันรุนแรงมากขึ้น จนราคาประมูลต่ำกว่าราคากลางถึง 20% คาดจะกดดันในด้านลบต่อผลประกอบการบริษัทที่ชนะการประมูล
Surachai Pramualcharoenkit
[email protected]
(66) 2658 6300 ext 1470