- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Saturday, 22 July 2017 04:39
- Hits: 13657
บล.บัวหลวง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
วิเคราะห์ตลาดและแนวโน้ม
Small is beautiful
เมื่อวานหุ้นแบงก์ เป็นกลุ่มที่กดดันตลาด ส่วนแรงหนุนตลาดมาจากหุ้น AOT (เมื่อวาน MS Upgrade ขึ้นเป็น
Overweight) โรงไฟฟ้า (TPIPP ฯลฯ), ปิโตร
โดยวันนี้ คาดหุ้นกลาง-เล็ก ขึ้นดีกว่าตลาด ขณะที่กลุ่มธนาคารฉุดดัชนีฯ จาก NPL ที่ยังเพิ่มไม่หยุดใน
2Q17 คาดกรอบ 1,570-1,582 จุด
สัปดาห์นี้ ดัชนีฯหุ้นไทยยัง Sideways up ต่อได้ (แนวรับ 1,570/1,565 จุด แนวต้าน 1,585/1,590 จุด) ตาม
คาด โดยคงมอง Downside ขาลงดัชนีฯจะจากัด พิจารณาจาก (1) งบ บจ.ขนาดใหญ่ ที่จะประกาศรอบนี้
คาดมีโอกาสน้อยที่ Consensus จะปรับกาไรลงหลังงบออก (2) การประกาศเงินปันผลระหว่างกาลช่วยหนุน
เช่น SCC PTTEP ที่จะให้ผลตอบแทนเงินปันผลเฉลี่ย 2% (3) การหมุนหุ้นสลับกลุ่มเล่นไปมา (Rotation)
ทำให้ดัชนีฯไม่ลงแรง
หุ้นแนะนำวันนี้
JWD แนวรับ 8.9 บ. ต้าน 9.35 บ. Stop loss 8.7 คาดจะรับรู้กาไรจากคลังห้องเย็นและดาต้าเซฟ ที่เตรียม
ขายเข้ากอง REITs ในเร็วๆนี้
MOONG แนวรับ 7.2 บ. ต้าน 7.7/8 บ. Stop loss 7 บ. กาลังรุกสินค้าใหม่ High margin สาหรับกลุ่ม
เครื่องสาอางค์แบนรด์ V Care, ผลิตภัณฑ์ทาความสะอาดผิวเด็ก, ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ หนุนอัตรากาไรขั้นต้น
ผลักดันกาไรให้ดีกว่าตลาดคาด ปัจจุบันเทรด PE trailing เพียง 16 เท่า VS กลุ่มค้าปลีก 29.65 เท่า
รายงานวันนี้
กลุ่มค้าปลีก (Sector Update): Insight into 2Q17 earnings
เรามองว่ากาไร 2Q17 ของหุ้นในกลุ่มจะยังคงอ่อนแอ คาดจะเป็นปัจจัยกดดันราคาหุ้น แม้ที่ผ่านมาหุ้นจะให้
ผลตอบแทนน้อยกว่าตลาด เรามองว่ายังไม่ใช่เวลาที่จะเพิ่มน้าหนักในการลงทุน เพราะมองว่ากาไร 3Q17
จะยังคงอ่อนแอต่อเนื่อง ดังนั้นเราปรับน้าหนักการลงทุนลงเป็น “น้อยกว่าตลาด” (จากเดิม เท่ากับตลาด)
ใน 2Q17 คาด SSS ของบริษัทส่วนใหญ่ลดลง YoY อย่างไรก็ดี BEAUTY เป็นบริษัทเดียวที่เราคาดจะมี
SSS ที่เติบโตขึ้น ส่งผลให้เราคาด BEAUTY เติบโตที่สุดในกลุ่ม ถึง 55%YoY และรองลงมาคือ HMPRO
(+12%YoY) เราปรับกาไรหุ้นในกลุ่ม (ยกเว้น BEAUTY) ลงในช่วง 1-10% (อ่านเพิ่มเติมฉบับเต็ม)
BCP & KSL (Company Update): BCP and KSL to merge biofuel firms
BCP และ KSL มีมติอุนมัติการควบบริษัทระหว่างบริษัท บีบีพี โฮลดิ้ง จากัด กับบริษัทเคเอสแอลจีไอ
(บริษัทย่อยของ KSL) โดย BCP จะถือหุ้นในบริษัทใหม่ที่จะเกิดจากการควบบริษัทเท่ากับร้อยละ 60 และ
KSL จะถือหุ้นเท่ากับร้อยละ 40 ซึ่งคาดจะแล้วเสร็จในเดือน ต.ค. การดาเนินการควบบริษัทดังกล่าว เป็น
การดาเนินการตามแผนความตกลงการร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจสาหรับธุรกิจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ชีวภาพ
(Bio Based) สาหรับผลกระทบในระยะสั้นต่อผลกาไรคาดจะไม่มีนัยยะสาคัญต่อทั้งสองบริษัทเนื่องจาก
กาไรที่หายไปจากการโอนธุรกิจไบโอดีเซลและเอทานอลเข้าบริษัทใหม่จะถูกหักกลบด้วยส่วนแบ่งกาไรที่
จะรับรู้กลับเข้ามา เราคาดกาไรของบริษัทใหม่นี้ที่ 479-534 ล้านบาทในปี 2018-2020 อย่างไรก็ตามเรา
มองดีลนี้จะส่งผลบวกในระยะยาว เนื่องจากบริษัทใหม่หลังจากควบรวมนี้จะกลายเป็นหนึ่งในบริษัทที่ทา
ธุรกิจ Biofuel ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และคาดจะเกิด Synergy ขึ้นทั้งในด้านของวัตถุดิบในการผลิต (มี
ความหลากหลายมากขึ้นในการบริหารจัดการ), การตลาด และฐานลูกค้า และในอนาคตยังมีโอกาสขยาย
เข้าไปในผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่าทั้ง bio-chemicals และ bio-plastics
FOOD (Sector Update): US soybean crop hit by heat wave
ราคาถั่วเหลืองในตลาดโลกมีการรีบาวด์ขึ้นมาจาก US$9/bushel ช่วงปลายเดือน มิ.ย. มาที่
US$10/bushel วานนี้ เนื่องมาจากความกลังวลคลื่นความร้อนที่แผ่กระจายเข้าไปใน US ซึ่งจะส่งผลกระทบ
ต่อการเพาะปลูกถั่วเหลือง อย่างไรก็ตามเรามองว่าเงื่อนไขสภาวะการเพาะปลูกถั่วเหลืองโดยรวมยังอยู่ใน
ระดับดีปานกลาง เนื่องจากมีบางรัฐใน US ประสบปํยหาความแห้งแล้ง อย่างไรก็ตามเรามองว่าประเด็นที่
เกิดขึ้นใน US เป็นแค่ปัจจัยบวกในระยะสั้นที่จะหนุนให้ราคาถั่วเหลืองในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น อุปทาน
ของถั่วเหลืองจะยังคงออกมามากไปจนถึงปี 2018 เรายังคงคาแนะนา ขาย TVO จากแนวโน้มของกาไรที่
อยู่ในช่วงขาลงและราคาที่แพง ซึ่งตอนนี้เทรด PE ปี 2017 ที่ 16.8 เท่า
หุ้นมีข่าว/ประเด็น
(0) PTG ฮุบแบรนด์'Coffee World' นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประ ธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการ
ผู้จัดการใหญ่บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จากัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า ได้ให้บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย
จากัด (PUN) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 99.99 เข้าซื้อหุ้นสามัญบริษัท จี เอฟ เอ คอร์
ปอเรชั่น (ไทยแลนด์) จากัด (GFA) ผู้ดาเนินกิจการด้านธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มภายใต้เครื่องหมายทาง
การค้าชื่อดัง จานวน 29,350 หุ้น ราคาหุ้นละ 6,984.19 บาท รวมเป็นเงิน 205 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน
ร้อยละ 99.99 ของจานวนหุ้นที่จาหน่าย โดย PTG ลงทุนและให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ PUN ให้มี
เงินทุนสาหรับเข้าซื้อหุ้นสามัญ GFA (ที่มา นสพ.โลกวันนี้)
(-) แบงก์พาณิชย์ 10 แห่ง กวาดกาไร ครึ่งปีแรก 7.47 หมื่นล้าน ลดลง 1.52% เผย "กสิกรไทย"
กาไรมากสุด 1.91 หมื่นล้าน ด้าน ธปท. จับตา "เอ็นพีแอล" ใกล้ชิด ยอมรับแนวโน้ม ยังเพิ่มจากเศรษฐกิจ
ที่โตกระจุก ชี้ยังไม่น่าห่วง ด้าน นักวิเคราะห์ มองครึ่งปีหลังกาไรแบงก์ฟื้น / แนวโน้ม NPL 2Q17 ยังไม่
หยุดเพิ่ม คาดมีผลลบต่อจิตวิทยาราคาหุ้น เพราะตลาดคิดว่ารอบนี้ NPL น่าจะลดลงได้ (ที่มา กรุงเทพ
ธุรกิจ)
(-) คอนโดหรูเริ่มเสี่ยง จับตาดีมานด์เทียมป่วนโครงการหรู แนะเร่งหาทางป้องกันซื้อแล้วไม่โอน
แต่ยังมั่นใจบริษัทอสังหาฯ พร้อมรับมือความเสี่ยงธุรกิจ นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคาร
ชุดไทย เปิดเผยว่า อยากให้ระวังในเรื่องของดีมานด์เทียมโดยเฉพาะคอนโดมิเนียมระดับบนซึ่งเริ่มเห็นแล้ว
ในบางโครงการ หากโอนไม่ได้จะส่งผลต่ออุตสาหกรรมในระยะยาวควรมีการป้องกัน เช่น ห้ามเปลี่ยนมือ
ก่อนโอนจะไม่ได้สิทธิส่วนลด เป็นต้น (ที่มา โพสต์ทูเดย์)
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
(+) ก.พาณิชย์ เผยส่งออก มิ.ย.60 ขยายตัว 11.7% นาเข้าโต 13.7% เกินดุล 1,917 ล้านดอลล์
สาหรับการส่งออกในช่วงครึ่งแรกของปี 60 (ม.ค.-มิ.ย.) มีมูลค่า 113,547 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว
7.8% ส่วนการนาเข้ามีมูลค่า 106,576 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 15.0% ส่งผลให้ดุลการค้า เกินดุล
6,971 ล้านเหรียญสรัฐฯ
น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อานวยการสานักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวว่า แนวโน้ม
การส่งออกไทยปี 60 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อนแน่นอน โดยการส่งออกไตรมาส 2 (เม.ย.-มิ.ย.) มี
มูลค่าถึง 57,090 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 10.94% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า หรือเป็นการเพิ่มสูงสุดใน
รอบ 17 ไตรมาส เมื่อรวมครึ่งปีแรกขยายตัวแล้ว 7.83% สูงสุดในรอบ 6 ปี ซึ่งเป็นการฟื้นตัวตามการฟื้นตัว
ของเศรษฐกิจโลกเป็นหลัก
โดย "เป้าหมายมูลค่าการส่งออกในปีนี้ขยายตัว 5% ตามเป้าหมายได้แน่ หากในช่วง 6 เดือนที่เหลือของปี
นี้ มีมูลค่าส่งออกเฉลี่ยเดือนละ 18,768 ล้านเหรียญฯ แต่ถ้าแต่ละเดือนได้มากถึง 19,127 ล้านเหรียญฯ จะ
ขยายตัวได้ถึง 6%" (ที่มา อินโฟเควสท์)
(+) ผู้ว่าการ BOJ ยืนยันเดินหน้านโยบายผ่อนคลายสินเชื่อ
นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมในวันนี้ว่า
BOJ จะยังคงดาเนินนโยบายผ่อนคลายสินเชื่อ พร้อมระบุว่า ภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนยังคงมีความกังวล
ต่อราคาผู้บริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้น
ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ประชุม BOJ มีมติคงนโยบายผ่อนคลายทางการเงินในวันนี้ โดยได้ตรึง
อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ -0.1% พร้อมกับปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวม
ภายในประเทศ (GDP) ของญี่ปุ่นในปีงบประมาณ 2560 ขึ้นสู่ระดับ 1.8% จากระดับ 1.6% (ที่มา อินโฟ
เควส)
(*) อิหร่าน ตอบโต้กรณีที่สหรัฐ ประกาศคว่าบาตรรอบใหม่ต่อโครงการขีปนาวุธของประเทศ
(ที่มา ASPEN) / พัฒนาการ ความตึงเครียด อาจนาไปสู่ การฟื้นตัวของ ราคาน้ามันดิบ อีกครั้ง
(0/-) ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับ
ต่าสุดเป็นประวัติการณ์ รวมทั้งคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.4%
ในการประชุมเมื่อวานนี้
นอกจากนี้ ที่ประชุม ECB ได้ประกาศคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
ที่ระดับ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือน จนถึงเดือน ธ.ค.
นายดรากีส่งสัญญาณว่า ECB จะทาการหารือเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงวงเงิน QE ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง
ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า นายดรากีจะใช้การประชุมในเดือนก.ย. ประกาศแผนการปรับลดวงเงิน
ในการซื้อพันธบัตรซึ่งจะเริ่มต้นในเดือนม.ค.ปีหน้า โดยคาดว่า ECB จะขยายเวลาการใช้มาตรการ QE
ออกไปอีก 6 เดือน จากที่มีกาหนดสิ้นสุดในปลายปีนี้ แต่จะลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรลง (ที่มา ASPEN)
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค