- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 19 July 2017 16:04
- Hits: 13665
บล.ธนชาต : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
เกิดอะไรขึ้นวันก่อน: Trading Range: 1,568-1,590
แรงขายกลุ่มธนาคารกดดัน SET -0.16% ปิด 1,571.52 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.8 หมื่นล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 2.3 พันล้านบาท
เรามองอย่างไร:
เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องที่ 33.6 บาท/ดอลลาร์ฯ เช้านี้หลังค่าเงินดอลลาร์ฯ อ่อนค่าลงเนื่องจากนักลงทุนกังวลความล่าช้าของนโยบายเศรษฐกิจทรัมป์ ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายประกันสุขภาพ หรือกฎหมายภาษีใหม่ ส่งผลกระทบต่อกลุ่มหุ้นส่งออก อย่าง KCE (แม้กำไร 2Q17 จะยังอ่อนแอ แต่คาดว่าจะเร่งตัวขึ้นตั้งแต่ 3Q17 จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น ประเมินแนวรับ 98.5/95 บาท) และ HANA ขณะที่ภาพ SET ระยะสั้นช่วงประกาศงบ 2Q17 คาด sideways กรอบ 1,568-1,590 จุด เน้น "Selective" ต่อไป
ทำอะไรดี:
"ซื้อ" DTAC ปรับ TP ขึ้นเป็น 70 บาท มองกลยุทธ์เน้นลูกค้า postpaid ที่มีรายได้ต่อเบอร์สูง เริ่มส่งผลบวกต่อกำไรตั้งแต่ 2Q17 ที่ผ่านมา ขณะที่การเซ็นสัญญาใช้คลื่น 2300MHz กับ TOT ปลายปีนี้ทำให้คลื่นเพียงพอต่อการให้บริการระยะยาว คาดกำไรปี 2018-19 ที่ 2.0-10.0 พันล้านบาท, EV/EBITDA ปี 2017 ที่ 6.3x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 7.3x. และ "ซื้อ" กลุ่มหุ้นที่คาดการณ์กำไร 2Q17 ออกมาดี และราคาหุ้น Laggard ตลาดตั้งแต่ต้นปี อย่าง BEAUTY คาดกำไร 2Q17 ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 218 ล้านบาท +57% y-y และ 9% q-q และ "ซื้อ" KAMART
Tactical Portfolio (1-3 months):
"ถือ" BEAUTY EA KBANK KKP LIT MTLS SAWAD STEC THANI และ WORK ต่อไป (ไม่เปลี่ยนแปลง)
Fundamental:
DELTA : "ซื้อ" พื้นฐาน 105 บาท (เดิม 100 บาท)...กลุ่มธุรกิจที่ทำผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับ EV และรถยนต์จะ Breakeven ปีนี้ ขณะที่รายได้ธุรกิจ data center ที่ลดลงเริ่มนิ่ง และธุรกิจ Trading solution ยังขยายตัวได้ดี จะเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตกำไร 20-18% ในปี 2018-19 มอง PE ที่ 16x ปี 2018 ไม่สูง และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผล 3.3% ปีนี้
DTAC : "ซื้อ" พื้นฐาน 70 บาท (เดิม 65 บาท)...กลยุทธ์เน้นกลุ่มลูกค้า Postpaid ที่มีค่าใช้จ่ายต่อเบอร์สูง ส่งผลให้กำไร 2Q17 ออกมาดีกว่าคาด และทำให้เราปรับประมาณการกำไรปี 2018 เป็น 2 พันล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะขาดทุน 800 ล้านบาท ด้วย EBITDA แข็งแกร่ง 2.8-3.0 หมื่นล้านบาท/ปี และ EV/EBITDA ปี 2018 ที่ 6.3x ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 7.3x
ROBINS : "ซื้อ" พื้นฐาน 66 บาท...คาดกำไร 2Q17 อ่อนแอ -5% y-y และ -18% y-y ที่ 580 ล้านบาท จาก SSSG อ่อนแอ
SPALI : "ซื้อ" พื้นฐาน 32 บาท...คาดกำไร 2Q17 -16% y-y แต่ +75% q-q ที่ 1.2 พันล้านบาท และคาด 2H17 จะยิ่งเด่นกว่านี้
กำไร 2Q17 : KTC และ THANI กำไรออกมาใกล้เคียงคาด
Technical Story: Technical SET range: 1,561-1,584
เสี่ยงทนแกว่งลุ้นตังหลักขึนต่อ: (รายงาน The Technical Story)
SET ถอยลงมาทดสอบแนวรับ 1,568 จุด มีลุ้นตั้งหลักขึ้นไป มีด่านระยะสั้นที่ 1,577 จุด ทะลุได้มีโอกาสกลับขึ้นไปทดสอบ 1,584 จุด ส่วนแนวรับกรณีแกว่งตัวมีที่ 1,566 จุดและถัดไปที่ 1,561 จุด โดยแนะนำแบ่งขายหุ้นออกหาก SET ปิดหลุด 1,569 จุดลงมา
หุ้นแนะนำ:
SVOA เข้าซื้อที่ 1.62 หรือเมื่อทะลุ 1.68 เป้าหมาย 1.78 / 1.92 บาท
BEAUTY ซื้อเพิ่มเมื่อทะลุ 11.50 บาท เป้าหมาย 12.40 บาท
Derivatives Recommendation:(ดูรายงาน The Derivatives Story)
"ถือ" Long S50U17 เป้าหมาย 998 จุด...Trailing Stop 988 จุด
"Long" BlockTrade DELTA เป้าหมาย 89 / 93.75...Leverage 8x
TradeCode: Buy >ERW, SPA, PPS
Tactical Portfolio (1-3 เดือน)
Tactical Portfolio : Tactical portfolio ให้ผลตอบแทน +2.2% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ดีกว่า SET ที่ให้ผลตอบแทน +0.5% โดยกลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีจากแนวโน้มเงินเฟ้อลดลง และโอกาสที่ Fed จะลดความเร็วในการขึ้นดอกเบี้ยให้ผลตอบแทนสูง ได้แก่ LIT +7.1% w-w, KKP +5.6% y-y, THANI +5.3% w-w, SAWAD +4.4% w-w ขณะที่ WORK ปรับลดลง 5% w-w หลังตัวเลขเม็ดเงินโฆษณาเดือน มิ.ย.อ่อนแอ...ทั้งนี้เรายังแนะนำ "ถือ" หุ้นทั้ง 9 ตัว ต่อเนื่อง ได้แก่ EA ESSO LIT MTLS KKP (ปันผลระหว่างกาล 2.8% และทั้งปี 8.5%) SAWAD SUSCO THANI และ WORK
THANI ประกาศกำไร 2Q17 ที่ 258 ล้านบาท +19% y-y และ +5% q-q ใกล้เคียงกับที่คาดการณ์ไว้ แม้จะมีการตั้งสำรอง (provision) สูงขึ้นเตรียมความพร้อมต่อการใช้มาตรฐานบัญชี IFRS 9 ก็ตาม ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก 1) การขยายสินเชื่อ +9% YTD และ +4% q-q 2) ต้นทุนการเงินต่ำลง เหลือ 3.06% ใน 2Q17 จาก 3.1% ใน 1Q17.ราคาหุ้นปรับลดลงมาที่กรอบแนวรับ 5.65-5.70 บาท ใน uptrend channel เป็นโอกาส "ซื้อ" เป้าหมายพื้นฐาน 6.8 บาท, มอง PE ปีหน้าที่ 11 เท่าไม่แพง และให้ปันผลสูง 4.5-5.5% ในปี 2017-18
Siam Senses Portfolio (6-12 เดือน)
หุ้นใน Siam Senses Portfolio
AMATA : ผู้พัฒนานิคมที่จะได้รับประโยชน์โดยตรงและมากที่สุดจากโครงการ EECทั้งในแง่ของมูลค่าที่ดินและยอดขายที่สูงขึ้น และได้ประโยชน์จาก FDI เวียดนามที่แข็งแกร่งผ่านบริษัทย่อย AMATAV (ถือหุ้น 73%)
BEAUTY : เป็นหุ้น growth stock ที่ได้ประโยชน์จากการเติบโตของอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง และได้ market share ที่สูงขึ้น
DELTA : เรามองภาพ turnaround ปีนี้จากธุรกิจยานยนต์ที่จะเติบโตโดดเด่น และธุรกิจเก่าที่ชะลอตัวเริ่มมีแนวโน้มดีขึ้น
DTAC : มูลค่าถูก ปลดล็อคความเสี่ยงสัมปทาน และความสามารถในการทำกำไร
EA : เป็นหุ้น growth stock ยังโตสูงต่อเนื่องถึงปี 2019 จากสัญญาในมือที่จะทยอยดำเนินการ และมีโอกาสโตมหาศาลต่อเนื่องจาการขยายธุรกิจสู่แบตเตอรี่เก็บกักพลังงานซึ่งเป็นแนวโน้มของการพัฒนาอุตสาหกรรมไฟฟ้า
KCE : ฐานธุรกิจกลุ่มรถยนต์ที่มั่นคง เติบโตจากการขยายโรงงานและ market share ที่มากขึ้น
KKP : หุ้นปันผลสูง เติบโตมั่นคง ได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยต่ำ
MINT : ธุรกิจโรงแรมและอาหารมีการฟื้นตัวและขยายตัวอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ
STEC : ด้วยมูลค่างานในมือ 1 แสนล้านบาท คาดว่ากำไรจะเติบโต 45% ปี 2017 และ 41% ปี 2018
WORK : ด้วยรายการดิจิตอลทีวีที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนไปยังทีวีเรตติ้งสูงขึ้น ทำให้ WORK ปรับราคาขายนาทีโฆษณาได้อย่างต่อเนื่อง
อดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล, CFA , [email protected], +66 2617 4991
วิชนันท์ ธรรมบำรุง [email protected], 02-617 4979