- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 19 July 2017 15:57
- Hits: 9602
บล.ทรีนีตี้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Today Selection >> MINT, TOP, WHAUP
Stock S R Comment
MINT 40.50 41.75 ธุรกิจโรงแรมแข็งแกร่ง RevPar เติบโตต่อเนื่อง
TOP 78.75 80.25 ราคาน้ำมันระดับต่ำ บางแข็งหนุนต้นทุนต่ำ เพิ่ม Margin
WHAUP 5.90 6.20 คาดกำไร 2Q ทะลุ 300 ล้านบาท
THAI Baht Persistent Strength since 2015
ดัชนีภาคการผลิตลดลงเหลือ 9.8 ในเดือน ก.ค. จากระดับ 19.8 ในเดือน มิ.ย. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้าว่าดัชนีจะอยู่ที่ระดับ 15 ในเดือน ก.ค. จากดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจทั้งในส่วนของ CPI และดัชนีภาคการผลิตที่ออกมาต่ำกว่าที่คาด ทำให้แนวโน้มที่ Fed จะไม่เร่งรีบดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวด (Tightening Monetary Policy) ซึ่งเป็นผลบวกต่อตลาดหุ้นเกิดใหม่ (Emerging markets)
หลังจากตัวเลข CPI และค่าจ้างงานสหรัฐฯ ประกาศออกมาบ่งบอกถึงทิศทางเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าที่ Fed ตั้งเป้าไว้โดย Fed Fund futures บ่งบอกว่านักลงทุนมองโอกาสที่ Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้อีกครั้ง ลดลงจาก 51.9% เหลือเพียง 43.4% เท่านั้น ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงอย่างชัดเจน
ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาค่าเงินบาทมีการแข็งค่ากว่า 1% โดยเมือวานนี้เงินบาทแข็งค่าที่สุดในรอบ 2 ปี นับตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา อยู่ที่ 33.59 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ หรือนับตั้งแต่ต้นปีเงินบาทได้แข็งค่าขึ้นกว่า 6.5% จากเงินบาทที่แข็งค่านั้น ประเมินจะเป็นประโยชน์ต่อหุ้นในกลุ่มต่อไปนี้ 1) กลุ่มหุ้นที่มีต้นทุนเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ เช่น TVO (นำเข้าถั่ว) กลุ่มโรงกลั่น เช่น IPRC, TOP, BCP (ต้นทุนน้ำมัน) กลุ่มโรงไฟฟ้าที่อ้างอิงราคาก๊าซและเงินบาท เช่น GLOW, EGCO, RATCH,GPSC และ WHAUP 2) กลุ่มหุ้นที่มีเงินกู้เป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ เช่น THAI และ AAV (สัญญาเช่าทางการเงิน)
หลังมีรายงานว่าซาอุดิอาราเบียเตรียมพิจารณาปรับลดการส่งออกน้ำมันเพิ่มอีกราว 1 ล้านบาร์เรล/วัน หลังได้ปรับลดการส่งออกน้ำมันไปแล้วกว่า 6 แสนบาร์เรล/วันสำหรับเดือนส.ค. ซึ่งส่งผลให้การส่งออกน้ำมันของซาอุดิอาราเบียอยู่ในระดับต่ำสุดของปีนี้ ประกอบค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลง ส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบทั้ง WTI และ Brent ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
วันที่ 24 ก.ค. นี้ จับตาการประชุมของรัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันจาก 5 ประเทศในกลุ่มโอเปก เพื่อตรวจสอบความร่วมมือของชาติสมาชิกด้านการปรับลดกำลังการผลิตตามข้อตกลง และอาจจะมีการเสนอมาตราการกระตุ้นราคาเพื่อเข้าสู่วาระการประชุมของกลุ่มโอเปกในเดือนพ.ย.นี้
จับตาดูผลประกอบการ BANK: คาดว่าจะทยอยประกาศผลประกอบการภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งภาพรวมคาดว่าจะมีแนวโน้มอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากแนวโน้มสินเชื่อที่ชะลอตัว และปัญหาคุณภาพหนี้ที่กดดัน เราจึงมองว่าหุ้นในกลุ่มธนาคารจะไม่ใช่ปัจจัยหนุนตลาดในช่วงนี้ อย่างไรก็ตามคาดว่าผลประกอบการของกลุ่มธนาคารเช่าซื้อยังมีทิศทางที่ดี จึงเลือก TCAP เป็น Top Pick ของกลุ่มฯ แนะนำ "ซื้อ" ให้ราคาเป้าหมาย 55 บาท
Strategy : ในช่วงที่เข้าสู่ Preview ผลประกอบการไตรมาส 2 นั้น เราจึงได้ทำการศึกษา EPS Revision กับ Price Performance ตั้งแต่ต้นปี เราพบว่ามี 3 Sector ที่มีความน่าสนใจ คือ AGRI, FIN และ PETRO โดย AGRI ได้มีการปรับลงมากกว่า EPS Revision ที่ปรับลง (Market Over-Reaction) ในขณะที่ FIN และ PETRO ปรับตัวน้อยกว่า EPS Revision ที่ปรับขึ้น (Market Under-Reaction) ได้แก่หุ้น VNT, IVL, KTC,SCC และ PTTGC
คาดการณ์ SET Index ปรับตัว Sideways ต่อไปในกรอบ 1540 - 1600 จุด เนื่องจากยังไม่เห็นปัจจัยที่มีแนวโน้มผลักดันดัชนีไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งอย่างชัดเจน แนะนำกลยุทธ์ขึ้นขาย-ลงซื้อตามกรอบแนวต้านแนวรับดังกล่าว และถือหุ้นกลุ่มแนะนำต่อไป ได้แก่
1) กลุ่มสาธารณูปโภค เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความผันผวนต่ำและสามารถจ่ายเงินปันผลได้ในระดับสูง เลือก BCPG และ WHAUP เป็น Top pick ของกลุ่ม จากแนวโน้มการเติบโตที่น่าสนใจ ส่วนหุ้นที่มี Dividend Yield ในระดับสูงและคาดว่าจะมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลคือ GLOW, EGCO, RATCH
2) กลุ่มสินค้าและบริการที่จำเป็น ได้แก่ กลุ่ม Consumer staples (CPALL, BJC) และกลุ่ม Healthcare (BCH, CHG) ที่มีแนวโน้มทนทานต่อภาวะเงินเฟ้อต่ำ
กลุ่มพลังงาน ที่ราคายังคง Laggard ประกอบกับค่าการกลั่นที่ยังคงอยู่ในระดับสูง เลือก PTT, PTTEP สำหรับกลุ่ม Upstream และ BCP, SPRC, TOP สำหรับกลุ่มโรงกลั่น มองว่าตลาดรับรู้ประเด็น Inventory loss ของกลุ่มในไตรมาส 2/60 ไปพอสมควรแล้ว
แนวรับ 1,565 แนวต้าน 1,581
บทวิเคราะห์วันนี้ :
IVL (ซื้อ ราคาเป้าหมาย 47.50 บาท) คาดกำไรปกติ 4,782 บาท ส่วนต่างราคายังอยู่ระดับสูง
TCAP (ซื้อ ราคาเป้าหมาย 55 บาท) กำไร 2Q60 ออกมาใกล้เคียงคาด
Today's Event :
TFG ลูกหุ้นเข้า 731,900 หุ้น
ABC เปลี่ยนชื่อย่อเป็น DIGI
BGRIM เข้าซื้อขายเป็นวันแรก (2,541mn sh @ Bt. 16.00) หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค
นักวิเคราะห์ : ณัฐชาต เมฆมาสิน, CFA, FRM (ID: 31379)
E-mail: [email protected]
เอกรินทร์ วงษ์ศิริ, CFA (ID: 55680)
E-mail: [email protected]