- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 18 July 2017 17:41
- Hits: 18319
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'ซื้อเหนือ 1575 / หรือลงมาที่ 1560-1550'
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ILINK (จากซื้อเป็น Fully Valued)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ SET ปิด -3.7 จุดที่ 1574.09 ต่ำกว่าแนวฟิวเตอร์เล็กน้อย โดยมีการขายทำกำไรในแบงค์เล็ก ปิโตรเคมี และหุ้นกลาง-เล็กที่ปรับขึ้นมาหลายวัน รวมถึงหุ้นที่ประเมินว่ากำไร 2Q ยังไม่ค่อยดี หรือฟื้นตัวช้ากว่าที่เคยคาดไว้ แรงขายนำโดยสถาบันในประเทศและต่างชาติ ขณะที่รายย่อยนำซื้อสุทธิ
ประเด็นสำคัญวันนี้ : ปัจจัยภายนอก - แกนนำวุฒิสภาสหรัฐเลื่อนการลงมติร่างกม.ประกันสุขภาพ เนื่องจากนายจอห์น แมคเคน วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันต้องใช้เวลาในการพักรักษาตัวหลังจากเข้ารับการผ่าตัดอาการเส้นเลือดอุดตัน (ซึ่งร่างกม.นี้มีความสำคัญมาก ถ้าไม่ผ่านก็เป็นอุปสรรคต่อการปฎิรูปภาษี) ส่วนราคาน้ำมันดิบ -1% เพราะคาดว่าสหรัฐจะผลิตน้ำมันเพิ่มในเดือนส.ค.และกดดันแผน Cut production ของกลุ่มโอเปก จับตาการประชุม 5 ชาติของกลุ่มโอเปก 24 ก.ค.นี้ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นราคาน้ำมันเพิ่มเติมหรือไม่ ส่วนการประชุม ECB วันพฤหัสฯที่ 20 ก.ค.นี้ คาดว่าจะยังไม่ประกาศชะลอ QE โดยคาดว่าจะประกาศเรื่องนี้ใน 4Q60 และเริ่มลด QE ในปี 61
ปัจจัยภายใน - จับตาผลประกอบการกลุ่มธนาคาร ซึ่ง TMB รายงานออกมาแล้วเมื่อวานพบว่าดีเกินคาด เนื่องจากรายได้ค่า Fee เติบโตแกร่งมากเพราะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ค่าขายประกันให้ FWD เข้ามา (ซึ่งเริ่มตั้งแต่ 1 ม.ค.60) โดยมีระยะเวลา 15 ปีคิดเป็นมูลค่ารวม 2 หมื่นล้านบาท ด้านสินเชื่อก็โตดี +3%QoQ และ +3.9%YTD นำโดยสินเชื่อรายใหญ่และที่พักอาศัย NPL ขยับขึ้นเล็กน้อยเป็น 2.56% จาก 2.53% ในสิ้น 1Q60 และมี Coverage ratio สูงที่ 140% แนะนำซื้อ ให้ TP 2.67 บาท เทียบเท่ากับ P/BV ปีนี้ 1.3 เท่า
ด้าน CPN เข้าซื้อ Dara Harbour 65% จาก PF และได้สิทธิบริหารที่ดินเกาะลอย ศรีราชา 34.5 ไร่ ซึ่งบริษัทจะสร้างชอปปิ้งมอลล์และอาจจะมีคอนโดด้วย สำหรับผลกำไรปี 60-61 คาดว่าจะโต 8% และ 24% ตามลำดับ แนะนำซื้อ CPN ให้ TP 70 บาท
กลยุทธ์การลงทุน : เลือกซื้อและปรับพอร์ตเป็นระยะช่วงตลาด Sideways ส่วนหุ้นกลยุทธ์พื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น TMB
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นลบ ซื้อใหม่เน้นค่าบวก แนวรับ 1560-1550 จุด แนวต้าน 1580-1590 จุด จุด Stop loss อยู่ที่ 1575 จุด สำหรับหุ้นที่มีสัญญาณเทคนิคดี เน้นซื้อตามด้วยค่าบวก ได้แก่ ASIAN, CPF, SCB, TMB, BCH, CHG, RATCH, BJC เป็นต้น
นักกลยุทธ์&นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค& Reseach Team - [email protected]
CMNT> Need to know TODAY - บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส
Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมันและทองคำ
ยูโรโซน : คาด ECB ยังไม่ลดวงเงิน QE ในการประชุม 20 ก.ค.นี้
# บรรดานักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะยังไม่มีมติปรับลดวงเงินตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมวันพฤหัสบดีที่ 20 ก.ค.นี้ โดยคาดว่า ECB จะเริ่มปรับลดวงเงิน QE ในการประชุมเดือนม.ค.61 และมีแนวโน้มว่าจะทยอยปรับลดในช่วงระยะเวลา 9 เดือน
# ด้านเจ้าหน้าที่ ECB หลายรายส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ว่าในเดือนก.ย.หรือต.ค.ปีนี้ เป็นเวลาเหมาะสมที่ ECB จะทำการตัดสินใจเกี่ยวกับการปรับลดวงเงิน QE แต่ก็ย้ำว่าสิ่งนี้จะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจและภาวะตลาดขณะนั้น
สหรัฐ : ภาคการผลิตเดือนก.ค.ขยายตัวในอัตราที่น้อยลง
# เฟดนิวยอร์คเผยว่าดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) เดือนก.ค.ลดลงเป็น 9.8 จาก 19.8 ในเดือนมิ.ย. (สูงสุดในรอบ 2 ปี) และต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 15 เนื่องจากคำสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงานร่วงลง
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : การซื้อขายชะลอหลังเลื่อนโหวตร่างกม.ประกันสุขภาพ
# แกนนำวุฒิสภาสหรัฐเลื่อนการลงมติร่างกฎหมายประกันสุขภาพ อันเนื่องมาจากนายจอห์น แมคเคน วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันต้องใช้เวลาในการพักรักษาตัวหลังจากเข้ารับการผ่าตัดอาการเส้นเลือดอุดตัน และรอดูรายงานกำไรบจ.ขนาดใหญ่ เช่น โกลด์แมน แซคส์, ไมโครซอฟต์, อีเบย์, แบงก์ ออฟ อเมริกา, เจเนอรัล อิเล็กทริค และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เป็นต้น อย่างไรก็ดี การปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีช่วยพยุงตลาดเอาไว้ ปิดตลาดดัชนี DJIA -8.02 จุด หรือ -0.04% ดัชนี S&P500 -0.13 จุด หรือ -0.01% แต่ดัชนี Nasdaq + 1.97 จุด หรือ +0.03%
# ผลสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์ซึ่งจัดทำโดย S&P Capital IQ ระบุว่ากำไรบจ.สหรัฐงวด 2Q60 มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเพียง 6.2% ซึ่งน้อยกว่า 1Q60 ที่เพิ่มถึง 15%
# ทั้งนี้ ร่างกฎหมายประกันสุขภาพสหรัฐผ่านการโหวตผ่านจากสภาผู้แทนราษฎรด้วยคะแนนฉิวเฉียด 217-213 เสียงเมื่อพ.ค.60 และกว่าจะโหวตผ่านได้ แกนนำของพรรครีพับลิกันต้องใช้เวลาเกือบ 2 เดือนเพื่อรวบรวมคะแนนเสียงเพื่อให้เพียงพอต่อการผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว
- ภาวะตลาดน้ำมัน : อ่อนลง 1%...คาดสหรัฐจะผลิตน้ำมันเพิ่ม
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 52 เซนต์ หรือ -1.1% ปิดที่ 46.02 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 49 เซนต์ หรือ -1% ปิดที่ 48.42 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจาก EIA คาดการณ์ว่าสหรัฐจะผลิตน้ำมันเพิ่ม 113,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 5.585 ล้านบาร์เรล/วัน ในเดือนส.ค.60 หลังเบเกอร์ ฮิวจ์ รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันสหรัฐเพิ่มอีก 2 แท่น สู่ระดับ 765 แท่นในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.58
+ ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก : ปิดบวก 0.5% รับคาดการณ์เฟดชะลอขึ้นดอกเบี้ย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 6.20 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่ระดับ 1,233.70 ดอลลาร์/ออนซ์ ตอบรับข้อมูลเงินเฟ้อที่ต่ำของสหรัฐ และการเติบโตภาคผลิตชะลอตัวลง
ปัจจัยในประเทศ และหุ้นเด่น
- กลุ่มเหล็ก : เดือนมิ.ย.60 จีนผลิตเหล็กกล้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์
# สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยว่าผลผลิตเหล็กกล้าแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนมิ.ย. โดยสูงกว่าระดับ 73 ล้านตัน ซึ่งก่อให้เกิดความวิตกว่าเหล็กจะล้นตลาด กดดันให้ราคาเหล็กร่วงลง ซึ่งขณะนี้จีนก็มีประเด็นกับสหรัฐ เพราะสหรัฐกล่าวหาว่าจีนทุ่มตลาดด้วยเหล็กที่มีราคาต่ำ
# ความเห็น DBSV Retail Research : ราคาเหล็กในประเทศเริ่มลดลงมาตั้งแต่ปลายไตรมาส 1 หลังจากพุ่งขึ้นตั้งแต่ปลายปี 58 และทำให้กำไรของหุ้นเหล็กในปี 59 แข็งแกร่งมากกว่าปกติ ซึ่งผลประกอบการไตรมาส 2/60 จะสะท้อนการเปลี่ยนทิศทางของราคาเหล็ก ยังผลให้กำไรจะลดลง
สำหรับ หุ้นที่เราวิเคราะห์ คือ TMT คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิ 2Q60F จะลด 66%YoY และลด 62%QoQ เนื่องจากราคาขายอ่อนลงและมีขาดทุนในสต็อกด้วย แต่ผลประกอบการน่าจะพลิกฟื้นได้ใน 2H60 เมื่อมีต้นทุนวัตถุดิบราคาต่ำเข้ามาทดแทน (บริษัทมีสต็อกประมาณ 1 เดือน) และยอดขายที่ยังคงแข็งแกร่งเพราะบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดมากขึ้นหลังประสบความสำเร็จในการให้บริการครบวงจรแบบ Solution เราประมาณการกำไรสุทธิปี 60F ของ TMT ไว้ที่ 605 ล้านบาท ลดลง 34% แต่ก็สูงมากเมื่อเทียบกับปีที่ผลประกอบการปกติที่ 300-400 ล้านบาท ประมาณการเงินปันผลปีนี้ไว้ที่ 1.1 บาท/หุ้น ณ ราคาปิด 14.80 บาท ให้ Yield 7.4% จ่ายปีละ 1 ครั้ง แนะนำทยอยซื้อลงทุน โดยให้ราคาพื้นฐาน 15.30 บาท อิงกับ P/E ปี 60 ที่ 11 เท่า
STA (ราคาปิด 14.90 บาท) : เพิ่มทุน 256 ล้านหุ้นขายให้ผู้ถือหุ้นเดิมสัดส่วน 5:1 ราคา 10 บาท
# บอร์ด STA มีมติให้บริษัทเพิ่มทุน 256 ล้านหุ้น (จากหุ้นจดทะเบียนเดิม 1,280 ล้านหุ้นเป็น 1,536 ล้านหุ้น ราคาพาร์ 1 บาท โดยจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิมอัตรา 5 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ที่ราคา 10 บาท กำหนด XR 6 ก.ย.60 จองซื้อและชำระเงิน 2-6 ต.ค.60
# บริษัทจะนำเงินเพิ่มทุนไปชำระคืนเงินกู้บางส่วนที่กู้มาเพื่อซื้อหุ้นบริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 1,500 ล้านบาท ภายในไตรมาส 4/60 และชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นที่มีกับสถาบันการเงิน 500 ล้านบาท ภายในไตรมาส 4/60 และจะนำไปลงทุนขยายกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์ยางธรรมชาติในประเทศอินโดนีเซียและไทยจำนวน 410 ล้านบาท ภายในไตรมาส 4/61 และนำไปลงทุนในบริษัทย่อยที่ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายถุงมือยางทางการแพทย์ในประเทศต่างๆ เช่น สหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นต้น ใช้เงินจำนวน 150 ล้านบาท ภายในไตรมาส 1/61
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]