- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 17 July 2017 17:55
- Hits: 2754
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
'ซื้อค่าบวก/หรือเหนือ 1575'
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวันศุกร์ตลาดยังปิดเหนือฟิวเตอร์ 1575 ได้ โดย -1.62 จุดปิด 1577.79 โดยมีแรงขายแบงค์ใหญ่แต่ก็ได้รับการชดเชยด้วยแรงซื้อแบงค์เล็ก (ซึ่งเป็นไปอย่างที่เราประเมินว่าปีนี้แบงค์เล็กโดดเด่นกว่า) หุ้น SCC รีบาวด์ ด้าน ADVANC & INTUCH ยังขึ้นต่อเพราะคาดว่าจะมีปันผลระหว่างกาล ส่วน CPF ก็เด้งขึ้น ซึ่งบริษัทอยู่ในช่วงเพิ่มทุน 5 : 1 @ 25 บาท กำหนดจ่ายเงินเพิ่มทุน 24 ก.ค.-31 ก.ค.นี้ พอร์ตบล.และต่างชาติซื้อสุทธิกลุ่มละ 400 กว่าลบ. ส่วนสถาบันในประเทศและรายย่อยขายสุทธิ
ประเด็นสำคัญวันนี้ : ปัจจัยภายนอก –ตัวเลข CPI สหรัฐออกมาต่ำกว่าคาดและตัวเลขภาคค้าปลีกชะลอตัวลงในเดือนมิ.ย. ทำให้ตลาดเชื่อว่าเฟดอาจชะลอการขึ้นดอกเบี้ยไว้ก่อน โดยเมื่อวันพุธที่ผ่านมาประธานเฟดได้แถลงนโยบายการเงินครึ่งปีต่อสภาผู้แทนราษฎรว่าเฟดพร้อมจะชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยถ้าอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งดอกเบี้ยที่ยังต่ำก็เป็นบวกต่อตลาดหุ้น ส่วนปัจจัยติดตาม คือ การพิจารณาร่างกม.ประกันสุขภาพของวุฒิสภาสหรัฐ (ยังไม่ระบุวันโหวตและเรื่องนี้มีผลต่อการปฎิรูปภาษี) และกำไร2Q60 สำหรับค่าเงิน US$ อ่อนลง และราคาน้ำมันดิบบวกต่อ 1% ซึ่งต่อดูว่า BRENT จะผ่าน 50 US$/bbl และยืนได้หรือไม่
ปัจจัยภายใน – สัปดาห์นี้แบงค์หลายแห่งจะรายงานกำไร 2Q60 ออกมา & มีทำ Preview ผลประกอบการ Real sectors ซึ่งคาดว่าบริษัทขนาดกลางเล็กหลายแห่งยังมีกำไรเติบโตดี แต่โดยรวมแล้วกำไร 2Q จะอ่อนลง QoQ เพราะกลุ่มพลังงานขาดทุนจากสต็อก แบงค์ตั้งสำรองสูง อุปสงค์ในประเทศยังซบเซา แต่คาดว่ากลุ่มท่องเที่ยวจะมีกำไรเติบโตดีเทียบ YoY ยกเว้นสายการบินที่ยังแข่งขันสูงทำให้ Passenger yield อ่อนแอ อย่างไรก็ดี ถ้าราคาน้ำมันขึ้นไปยืนเหนือ 50 US$/bbl ได้ หุ้นกลุ่มพลังงานจะกลับมาคึกคักเพราะกำไร 3Q ฟื้นตัว
+ SCC : หุ้น IPO ในต.หุ้นมาเลเซีย คือ LCT เข้าเทรดแล้วตั้งแต่ 11 ก.ค.) ผลกำไร 2Q60 อ่อนลง QoQ และ YoY แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ดี คาดซีเมนต์จะฟื้นตัวดีขึ้นในปี 61 และปิโตรเคมียังไปได้ดี ประเมินปันผลปีนี้ 19 บาท/หุ้น Yield 3.7% จ่ายปีละ 2 ครั้ง แนะซื้อ ให้ TP 580 บาท
+ BEAUTY : เป็นบริษัทค้าปลีกที่มี SSSG เป็นบวกได้ใน 2Q60 (+15% ซึ่งดีขึ้นจาก 1Q60 ที่ +14.4%) เพราะปรับกลยุทธ์การตลาดและออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อจับลูกค้านักท่องเที่ยวชาวจีน คาดกำไรปี 60-61 โต 32% และ 28% แนะนำซื้อ ให้ TP 14 บาท
กลยุทธ์การลงทุน : เลือกซื้อและปรับพอร์ตเป็นระยะช่วงตลาด Sideways ส่วนหุ้นกลยุทธ์พื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น SCC
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นลบเล็กๆ ซื้อใหม่เน้นค่าบวก แนวรับ 1560-1550 จุด แนวต้าน 1580-1590 จุด จุด Stop loss อยู่ที่ 1575 จุด สำหรับหุ้นที่มีสัญญาณเทคนิคดี เน้นซื้อตามด้วยค่าบวก ได้แก่ TISCO, SCC, MINT, LH, GFPT, CBG, WICE เป็นต้น
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมันและทองคำ
+ ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ค : ดัชนีปรับขึ้นเพราะคาดเฟดยังไม่รีบขึ้นดอกเบี้ยหลัง CPI เดือนมิ.ย.ทรงตัว
# เงินเฟ้อเดือนมิ.ย.ที่ต่ำกว่าคาดทำให้ตลาดเชื่อว่าเฟดจะยังไม่รีบปรับขึ้นดอกเบี้ย หนุนตลาดหุ้นนิวยอร์ค แต่แรงขายทำกำไรหุ้นกลุ่มธนาคารแม้เจพี มอร์แกน เชส และซิตี้กรุ๊ปรายงานกำไรที่สดใส ก็ลดแรงบวกของตลาดไปบ้าง ปิดตลาดดัชนี DJIA 84.65 จุด (+0.39%) ส่วน S&P500 +11.44 จุด (+0.47%) และ Nasdaq +38.03 จุด (+0.61%)
+/-สหรัฐ : ภาคการผลิตมิ.ย.ดีขึ้น แต่ภาคค้าปลีกชะลงลง และ CCI เดือนก.ค.อ่อนลง
# ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทรงตัวในเดือนมิ.ย. และ +1.6%YoY สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะ +0.2%MoM และ +1.7%YoY ซึ่งการเพิ่ม YoY ที่ 1.6% นั้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.59 ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน +0.1% ในเดือนมิ.ย. เช่นเดียวกับในเดือนพ.ค. และเม.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า +0.2% ในเดือนมิ.ย.
# ยอดค้าปลีก -0.2%MoM ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 2 และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดค้าปลีกจะ +0.1%MoM ในเดือนมิ.ย. โดยสาเหตุหลักนั้นมาจากการที่ผู้บริโภคลดการใช้จ่ายในร้านอาหาร และด้านพลังงาน
# การผลิตภาคอุตสาหกรรม +0.4% ในเดือนมิ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ +0.3% และดีกว่าเดือนพ.ค.ที่ +0.1%
# สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ +0.3% ในเดือนพ.ค. หลัง -0.2% ในเดือนเม.ย.
# ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค (CCI) สหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 93.1 ในเดือนก.ค. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 95.0
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : ปรับขึ้นอีก 1%
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 46 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 46.54 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้านสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 49 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 48.91 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งสัปดาห์ก่อนราคาน้ำมันบวกขึ้นเกือบๆ 5%
# ปัจจัยหนุน คือ IEA คาดการณ์อุปสงค์ปีนี้เพิ่มหลังจีนนำเข้าน้ำมันเพิ่ม 13.8% ในช่วง 9M60 และกลายเป็นผู้นำเข้าอันดับ 1 ของโลกแทนสหรัฐ และบริษัทเชลล์ปิดท่อส่งน้ำมัน 1 ใน 2 ที่ประเทศไนจีเรียเพราะภาวะสุดวิสัย ส่วนจำนวนแท่นขุดเจาะสหรัฐสัปดาห์ก่อนหน้าเพิ่ม 2 แท่นเป็น 765 แท่น
+ ภาวะตลาดทองคำ COMEX : บวกแรงในวันศุกร์
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 10.2 ดอลลาร์ หรือ 0.84% ปิดที่ระดับ 1,227.5 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย. หลังตัวเลข CPI ออกมาต่ำกว่าคาด และตัวเลขภาคค้าปลีกชะลอตัวลงในเดือนมิ.ย. ทำให้ตลาดเชื่อว่าเฟดอาจชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยไว้ก่อน ทั้งนี้เมื่อวันพุธที่ผ่านมานางเยลเลนได้แถลงนโยบายการเงินครึ่งปีต่อสภาผู้แทนราษฎรว่าเฟดพร้อมจะชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยถ้าอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ
ปัจจัยในประเทศ และหุ้นเด่น
+ SCC (ราคาปิด 510 บาท) : จบ Overhang เรื่องหุ้น IPO ที่มาเลเซีย...จ่ายปันผลดี คาด Yield ปีนี้ 3.7%
# หุ้น IPO - Lotte Chemical Titan Holdings (LCT) เข้าเทรด 11 ก.ค.ไปแล้ว ถือว่าจบ Overhang ในเรื่องนี้ไป (จากก่อนหน้านักลงทุนสถาบันมีการขายหุ้น SCC เพื่อไปจองซื้อ IPO LCT)
# ส่วนผลประกอบการ 2Q60 คาดว่าจะอ่อนตัวลง QoQ และ YoY เพราะยอดขายซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างในประเทศที่ยังซบเซาทั้งในประเทศและในเมียนมาร์ & ลาว รวมทั้งมีค่าเสื่อมราคาโรงงานปูนซีเมนต์ใหม่เข้ามาเพิ่มด้วย แต่ส่วนหนึ่งได้รับชดเชยจากรายได้เงินปันผล ทางด้านธุรกิจปิโตรเคมีงวด 2Q60 ยังไปได้ดี Spread ของ HDPE กับ Naphtha ยังทรงๆ ที่ 680+/- ดอลลาร์/ตัน
# แนวโน้มระยะยาวไปได้ดี โดยคาดว่าอุปสงค์ซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างจะฟื้นตัวดีขึ้นเมื่อโครงการลงทุนภาครัฐคืบหน้า การลงทุนภาคเอกชนฟื้นตัว และเมื่อใช้กำลังการผลิตโรงงานซีเมนต์ในต่างประเทศเพิ่มขึ้น ทำให้มี Economy of scale
# แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 580 บาท ส่วนเงินปันผลคาดการณ์ว่าจะจ่ายใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 19 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield 3.7%
+ WICE (ราคาปิด 4.36 บาท) : คาดกำไร 2Q60 เติบโตสูง YoY
# คาดกำไร 2Q60F จะโตเด่น YoY เพราะงวด 2Q59 ยังไม่ได้ทำงบการเงินรวมกับ SEL (เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นใน 1Q60 ซึ่งกำไรสุทธิเติบโตถึง 146%YoY เป็น 24 ล้านบาท โดยเป็นกำไรของ SEL ประมาณ 14 ล้านบาท) ส่วน 2Q60F ประเมินว่ากำไรเติบโตสูง YoY และอาจโต QoQ ด้วยเพราะการส่งออกเติบโตดีขึ้นในไตรมาสนี้ ทั้งนี้ใน 2Q59 บริษัทมีกำไรสุทธิ 16 ล้านบาท
# บริษัทมีแผนขยายคลังสินค้าด้วยการเช่าแทนการก่อสร้างเอง เนื่องจากยังมีคลังว่างในตลาดอีกพอสมควร และจะนำเงินที่จะใช้สร้างคลังสินค้า (ราว 200 ล้านบาท) ไปหาโอกาสทางธุรกิจอื่น เช่น การเข้าซื้อกิจการ หรือการร่วมทุนกับผู้ประกอบการในภูมิภาค เพื่อหนุนการเติบโตในระยะยาว โดยบริษัทมีการเจรจาดีลดังกล่าวอยู่ทั้งในจีนและฮ่องกง WICE มีเป้าหมายยกระดับตัวเองขึ้นเป็น Regional Company
# โครงการระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก (EEC) เป็นบวกในระยะยาว เพราะการขยายตัวของธุรกิจส่งออกในภาคตะวันออกทำให้บริการ Sea Freight ที่แหลมฉบังจะขยายตัวตามไปด้วย
# ในเบื้องต้นคาดการณ์ว่ากำไรปีนี้จะโต 30% โดยหลักมาจากการทำงบการเงินรวมกับ SEL และกำไรใน 1H จะขยายตัวสูงเมื่อเทียบ YoY แต่จะเติบโตในอัตราที่น้อยลงเพราะเริ่มทำงบการเงินรวมกับ SEL ตั้งแต่กลางส.ค.59 ทำให้ฐานกำไร 2H59 สูงขึ้น
# การวิเคราะห์ทางเทคนิค : แนะนำซื้อเมื่อหุ้นบวก โดยมีแนวต้านระยะสั้น 4.50-4.60, 5 บาท จุด Stop loss หลุด 4.20 บาท
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]