- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 14 July 2017 16:32
- Hits: 1582
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
Sideway? คาดยังมีโอกาสปรับขึ้นตามตลาดต่างประเทศส่วนใหญ่ ที่ตอบรับในเชิงบวกจากถ้อยแถลง (วันที่ 2) ของประธานเฟดที่มีต่อวุฒิสภา โดยเฉพาะประเด็นที่เฟดพร้อมชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ
อย่างไรก็ตามภายใต้ตัวเลขเศรษฐกิจที่อยู่ความคาดหมาย เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยคาดจะมีการพิจารณาขึ้นอย่างน้อยอีก 1 ครั้ง ในช่วงเวลาที่เหลือของปี หลังปรับขึ้นเมื่อมีค. และ มิ.ย. ที่ผ่านมา พร้อมปรับลดงบดุลซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 4.5 ล้านล้านUSD ซึ่งเป็นประเด็นที่ตลาดส่วนใหญ่รับรู้ไปบ้างแล้ว
ขณะที่ยังแนะติดตามการประชุมของ รมต.กระทรวงน้ำมัน ของประเทศผู้ผลิตน้ำมันทั้งโอเปกและนอกโอเปก ในวันที่ 24/7/60 ซึ่งคาดมีการหารือการปรับลดการผลิตของลิเบียและไนจีเรีย ที่ก่อนหน้าได้รับการยกเว้น คาดเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมันในระยะสั้น อย่างไรก็ตามระดับราคาน้ำมันล่าสุด ยังอยู่ในระดับต่ำ ทั้ง WTI, Brent และ Dubai เฉลี่ย 46 – 48USD รวมทั้งการผลิตน้ำมันล่าสุดที่ยังเพิ่มขึ้นทั้งสหรัฐฯ และกลุ่มโอเปก ทำให้คาดยังกดดันราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน เช่น PTT และ PTTEP เป็นต้น
ทางด้านประเด็นในประเทศ ยังไม่มีปัจจัยชี้นำใหม่ๆ คาด Sentiment ยังเป็นบวก แม้ Fund Flow ยังมีความผันผวนจากแรงซื้อ/ขายสุทธิ สลับกัน แต่คาดได้รับการชดเชยเข้ามาจากแรงเก็งกำไรผลประกอบการ 2Q60 / เงินปันผล เริ่มจากกลุ่มธนาคาร ประมาณกลางเดือนก.ค. หลังจากนั้นเป็นกลุ่ม Real Sector ถึงกลางเดือนส.ค. ขณะที่คาดกลุ่มหุ้นที่ผลประกอบการ 2Q/60 ดีต่อเนื่อง เช่น TOP, MTLS และ WORK เป็นต้น รวมถึงกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เช่น ITD, CK, STEC และ UNIQ ภายใต้ประเด็นความชัดเจนการทยอยเปิดประมูลโครงการต่อเนื่อง เช่น รถไฟทางคู่ เส้นทางหัวหิน – ประจวบฯ ที่จะมีการเปิดซองราคาในวันที่ 27/7/60 นี้
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มอาหาร ได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น CBG เป็นต้น
(2) กลุ่มธนาคาร ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยปี ’60 เช่น KBANK เป็นต้น
SET SET50 SET100
1,579.41 +4.48 993.35 +3.26 2,247.60 +6.41
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดต่างประเทศ DJIA +20.95, NASDAQ +13.27, S&P +4.58, FTSE -3.49, CAC +13.27 และ DAX +14.75
ภายใต้ปัจจัยหนุนจาก (1) หุ้นกลุ่มธนาคาร ก่อนเจพีมอร์แกน ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โก จะเปิดเผยผลประกอบการ 2Q/60 ในวันนี้ (14/7/60) (2) หุ้นกลุ่มค้าปลีก หลังบริษัททาร์เก็ต ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐฯ คาดว่ายอดขาย 2Q/60 จะเพิ่มขึ้น และคาดกำไรจะดีกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยบวกจาก ถ้อยแถลงของประธานเฟด ต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาฯ (13/7/60) ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่า การปรับลดงบดุลของเฟดจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงิน
รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ (1) ผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงาน ล่าสุดลดลง 3,000 ราย อยู่ที่ 247,000 ราย ซึ่งปรับลงเป็นครั้งแรกในรอบ 1 เดือน ขณะที่ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงาน ยังอยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 123 ติดต่อกัน ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี’13 และ (2) ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) – มิ.ย. เพิ่มขึ้น 0.1%MoM หลังทรงตัวเมื่อพ.ค. และเพิ่มขึ้น 2.0%YoY
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ส.ค. +US$0.59 อยู่ที่US$46.08 ต่อบาร์เรล หลัง IEA ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในปีนี้ อีก 100,000 บาร์เรล/วัน อยู่ที่ 1.4 ล้านบาร์เรล/วัน และยังได้รับปัจจัยหนุนจากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่ลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
16.35 1.90 3.08
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 45,256.36
สถาบัน +953.13
บัญชีหลักทรัพย์ -1,072.33
ต่างประเทศ +1,424.89
ในประเทศ -1,305.70
(3) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น
(4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น และความต้องการในประเทศที่คาดดีขึ้น เช่น SCC
(5) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง คาดได้รับประโยชน์จากงานภาคเอกชนที่เข้ามาต่อเนื่อง เช่น CK, STEC และ UNIQ เป็นต้น
(6) กลุ่มพลังงาน เช่น TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น
(7) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วง 2Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น MONO, WORK
(8) กลุ่มขนส่ง ยังได้รับผลดีจากการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มฟื้นตัวในช่วง 2Q/60 เช่น AOT
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.02 อยู่ที่ 2.35%
(ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.40 อยู่ที่ 9.90
หุ้นแนะนำ : BR
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร. 02-684-8788