- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 14 July 2017 16:16
- Hits: 1553
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: ทดสอบแนวต้าน 1580-1585 แนวรับ 1570 และ 1560
SET Index: 1576.83 ปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไรต่อเนื่องที่บริเวณแนวต้านสำคัญ 1580 จุด พร้อมด้วยมูลค่าการซื้อขายไม่สูงมากเมื่อเทียบกับการปรับตัวเพิ่มขึ้นมา 2 วันที่ผ่านมา จึงทำให้การปรับตัวลดลงในระยะสั้น น่าจะมีโอกาสฟื้นตัวที่แนวรับ 1570 จุด แต่ถ้าปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปทดสอบแนวรับที่ 1560 จุด จะทำให้อิทธิพลของแนวโน้มขาลงกลับมามีความแข็งแกร่ง และโอกาสในการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 1540 จุดจะเพิ่มสูงขึ้น
แนวต้าน : 1578 และ 1580
แนวรับ : 1575 และ 1572
ADVANC = 187 / 190, DTAC = 54.00 / 55.00, PTT = 372 / 376, MLTS = 35.50 / 36.00, KBANK = 200 / 204
Solartron (SOLAR TB; THB 2.98) – ซื้อ
แนวต้าน : 3.14 และ 3.30
แนวรับ : 2.98 และ 2.94
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างแข็งแกร่ง หลังจากปรับตัวลดลงต่อเนื่องมาทดสอบจุดต่ำสุดเดิม แต่ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบเส้นค่าเฉลี่ยในแดนลบ เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 50
แนะนำซื้อ SOLAR โดยมีแนวรับที่ 2.98 และ 2.94 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 3.14 และ 3.30 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 2.88 ลงไป
Tapaco (TAPAC TB; THB 23.00) – ซื้อ
แนวต้าน : 24.00 และ 25.00 / แนวต้านสำคัญ 26.00
แนวรับ : 23.00 และ 22.80
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้างเพื่อสร้างฐานเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
แนะนำซื้อ TAPAC โดยมีแนวรับที่ 23.00 และ 22.80 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 24.00 และ 25.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 22.30 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 761-9231 - [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET…สัปดาห์หน้าจะคึกคักกว่านี้
ในบรรดาราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตั้งแต่ต้นปี 2017 ถึงปัจจุบัน พบว่า ราคาน้ำมันปรับตัวลงมากที่สุด ส่วนที่ขึ้นมากที่สุด คือ พวกโลหะ อย่างทองแดง ขณะที่ราคาสินค้าเกษตร ก็ปรับตัวขึ้นแต่ไม่แรง อย่างไรก็ตามหากมาดูดัชนีตลาดหุ้นหลักๆ ทั่วโลก ตั้งแต่ต้นปี (รูปดอลลาร์) พบว่าแต่ละตลาดขึ้นไปประมาณ 8-9% ทั้งญี่ปุ่น สหรัฐ อังกฤษ รวมทั้งตลาดหุ้นไทย โดยตลาดที่ขึ้นมากที่สุด คือ ตลาดหุ้นเกิดใหม่ทั่วโลก ตามมาด้วยตลาดยุโรป ใน 2 ตลาดดังกล่าว จากการสำรวจของบรรดากองทุน พบว่าเป็นตลาดที่มีเม็ดเงินไหลเข้าและเป็นตลาดที่บรรดากองทุนให้น้ำหนักในการลงทุนมากที่สุด หลังมองตลาดหุ้นสหรัฐเริ่มแผ่ว
ในบรรดาตลาดหุ้นเกิดใหม่ทั่วโลก เม็ดเงินที่ไหลเข้าลงทุน ส่วนใหญ่จะเป็นเม็ดเงินที่ไม่ใช่มาจากสหรัฐ โดยข้อมูลจาก eVestment พบว่าเม็ดเงินที่ไหลเข้าลงทุนในตลาดเกิดใหม่มีแค่ 5% ของเม็ดเงินภายในการบริหารของกองทุนในสหรัฐเท่านั้น ดังนั้นหากเป็นไปตามโพลส์สำรวจของบรรดากองทุนทั่วโลกหลังจากนี้ คือ จะเริ่มลดน้ำหนักการลงทุนในสหรัฐ ดังนั้นเม็ดเงินที่ไหลออกจากสหรัฐ มีแนวโน้มสูงที่จะเข้ามายังตลาดหุ้นเกิดใหม่แม้ดัชนีตลาดหุ้นเกิดใหม่จะขึ้นมาแรงแล้วก็ตาม เหตุมาจากยังมองกันว่าเป็นโซนที่เศรษฐกิจยังขยายตัวและส่วนหนึ่งมาจาก ดัชนีที่ขึ้นในตอนนี้ยังต่ำกว่าช่วงขึ้นสูงสุดอีกหลายเปอร์เซ็น
หากมีเม็ดเงินไหลเข้าหลังจากนี้ ตลาดหุ้นไทย น่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่รองรับ หลังเริ่มเห็นสัญญาณ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แม้จะช้าตาม โดยประเด็นที่เห็นภาพชัดขึ้น คือแนวโน้มการลงทุนของภาครัฐ ที่เคยล่าช้าและเจอโรคเลื่อนมาโดยตลอด กลับเริ่มเป็นไปตามแผน ขณะที่การฟื้นตัวของอัตราการทำกำไรของตลาด (EPS growth) เริ่มฟื้นตัวแบบอ่อนๆ โดยตอนนี้ EPS growth ปีนี้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 7.2% เทียบการคาดการณ์ใน2-3 เดือนที่ผ่านมาที่ประมาณ 6.9% จากรูปด้านซ้าย เราเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงของอัตราการทำกำไรของตลาดในช่วง 3 และ 6 เดือนพบว่ายังซึมๆ ซึ่งอาจจะต้องรอให้งบทยอยประกาศ
ดัชนี SET ที่ขึ้นมาเล่นในระดับเหนือ 1580 จุด ถือเป็นสัญญาณในเชิงบวกมากๆ เนื่องจากก่อนหน้านี้ ปริมาณการซื้อ-ขายเบาบางมาก แต่หลังจากงบหุ้นกลุ่มธนาคารออกมาไม่แย่ ก็กลับมีแรงซื้อหุ้นในกลุ่มนี้เข้ามาอย่างหนาแน่น ตามมาด้วยหุ้นใหญ่ในกลุ่มสื่อสาร และพลังงาน ซึ่งทั้ง3 กลุ่มนี้มีขนาดตลาดที่ใหญ่ ที่จะดันให้ดัชนีขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเรามองว่าในสัปดาห์หน้า ดัชนี SET น่าจะขึ้นไปทดสอบ 1600+/- จุดด้วยปริมาณการซื้อขายที่คึกคักมากกว่านี้เพราะหุ้นธนาคารใหญ่จะทยอยประกาศหมด แล้วตามมาด้วย สื่อสารใหญ่ และพลังงานใหญ่
วันนี้มองทิศทางดัชนีอาจเผชิญกับแรงขายทำกำไรออกมาบ้างแต่ไม่แรง เนื่องจากตลาดยังรอการประกาศงบ Q2 ของหุ้นธนาคารใหญ่ รวมทั้งรอดูงบของ 3 ธนาคารใหญ่และตัวเลขจำนวนหัวเจาะของสหรัฐ โดยวันนี้หุ้นที่น่าจะกลับมีแรงซื้อเข้ามา คือหุ้นที่เคยลงแรงก่อนหน้านี้อย่าง CPALLCPF BANPU IVL BBL น่าจะเข้าไปเก็งกำไรได้ วันนี้มองแนวต้านที่ 1585-1590 และแนวรับที่ 1576-1572 จุด
Analysts :
Kiatkong Decho +662 761-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary…
SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,576.83 จุด ลดลง 2.58 จุด (-0.16%) มูลค่าการซื้อขาย17,007.40 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลง หลัง SET โดยมีแรงขายทำกำไรในกลุ่มธนาคาร หลังมีการซื้อเก็งกำไรในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ด้านตลาดภูมิภาคแกว่งบวก-ลบ ติดตามตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค และยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ (คืนนี้)
Afternoon Perspective…
แนวโน้มตลาดช่วงบ่าย แกว่งแคบ SET มีแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มธนาคารตามคาดเนื่องจากกลุ่มธนาคารมีการดีดตัวนำมาก่อนการทยอยประกาศผลการดำเนินงาน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องจับตาดูคือการทยอยประกาศผลการดำเนินงานกลุ่มธนาคาร หากออกมาดีตามคาด มีโอกาสที่จะมีแรงซื้อกลับเข้ามาในช่วงต้นสัปดาห์หน้า เพราะการทยอยอนุมัติโครงการลงทุนภาครัฐออกมาต่อเนื่อง น่าจะมีผลให้การปล่อยสินเชื่อของกลุ่มธนาคารกลับมาเติบโตขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนในเชิงพื้นฐานที่แข็งแรง เราแนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นกลุ่มธนาคารคืน บริเวณแนวรับ 1570-1575 จุด แนะนำ KBANK SCB BBL TMB
Technical Pick (PM) ...
Solartron (SOLAR TB; THB 2.98) – ซื้อ
Tapaco (TAPAC TB; THB 23.00) – ซื้อ
Analysts :
Kitichan Sirisukarcha +66(2) 761 9232 – [email protected]
Teerawut Kanniphakul +66(2) 761 9233 – [email protected]