- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 14 July 2017 16:04
- Hits: 865
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน
เมื่อวานที่ผ่านมา SET ปรับตัวขึ้น จาก Technical rebound ตามภูมิภาคนำโดย CPF และ SCC ในขณะที่ S ปรับตัวลงแรงจากการเพิ่มทุนและออกหุ้นกู้แปลงสภาพ ณ สิ้นวัน SET ปิดที่ระดับ 1,579 (+4.4 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.5 หมื่นล้านบาท
โดยนักลงทุนต่างประเทศ ซื้อหุ้นไทยที่ 1,424 ล้านบาท และ Long สุทธิ SET50 Index Future ต่อเนื่องที่ 11,042 สัญญา
ทยอยขายหุ้นบางส่วน : ภายหลังจากการแถลงของ Yellen ส่งผลให้นักลงทุนบางกลุ่มเริ่มคาดหวังการเลื่อนขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากเดือนกันยายน ( Bloomberg ปรับโอกาสลดลงเหลือ10%) เป็นเดือนธันวาคม สร้าง Sentiment บวกระยะสั้นต่อการเก็งกำไร ประกอบกับภายหลัง SET สามารถยืนเหนือ 1,575 ได้ ส่งผลให้ภาพเทคนิคกลับมาดูดีอีกครั้ง และหากวันนี้สามารถยืนเหนือระดับ 1,581 ได้ สัปดาห์หน้ามีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,590-1,600 ซึ่งถือเป็นกรอบบนสุดที่เรามองไว้ในปีนี้ แต่อย่างไรก็ตามเรามองว่า เป็นโอกาสที่ดีของการปรับพอร์ตและทยอยขายหุ้นที่มีกำไรบางส่วนตาม Trading idea
Investment theme: เรามองว่า SET จะมีแนวต้านถัดไปที่บริเวณ 1,590 อย่างไรก็ตามเราคงมุมมองว่า SET ยังขายปัจจัยสนับสนุนจากทั้งในและต่างประเทศที่จะทำให้ทะลุ 1,600 ฉะนั้นเราคงคำแนะนำเก็งกำไรรายตัว และไม่เพิ่มพอร์ตการลงทุน
เมื่อคืนที่ผ่านมา จีนรายงานตัวเลขส่งออกดีกว่าคาดที่ 11.3% ในขณะที่นำเข้าที่ 17.2% / สหรัฐรายงานตัวเลขผู้ขอสวัสดิการการว่างงานสูงกว่าคาดเล็กน้อยที่ 247,000 ในขณะที่รายงาน PPI สูงกว่าคาดเล็กน้อยที่ 2.0% / Bond yield 10 ปี สหรัฐปรับตัวขึ้นต่อเนื่องที่ 2.353% / DTAC ประกาศงบไตรมาส 2 เติบโต +224%QoQ, +426%YoY
เรื่องเด่นวันนี้
• บทวิเคราะห์ ATP30
ATP30 : ซื้อ @ THB 2.02
• ได้รับสัญญาใหม่ขนาดใหญ่ ขยาย Fleet ให้บริการอีก 12% และเริ่มรับรู้รายได้ทันทีในปลาย 3Q60 ซึ่งถือว่าทำได้เกือบเท่ากับ 97% ของสมติฐานทั้งปีแล้ว ขณะที่เหลือเวลาอีก 5 เดือน
• ลูกค้ารายใหม่ Autoliv (Thailand) เป็นบริษัทต่างชาติยักษ์ใหญ่ ผลิตอุปกรณ์ด้าน Car Safety ขายทั่วโลกอันดับ 1 ของโลก อยู่ในลีส Fortune500 และ เทรดใน NYSE ทำให้ ATP30 ได้ภาพลักษณ์ในเรื่องคุณภาพความปลอดภัยอย่างมาก
• หลุดเส้นแนวรับ Inner Line แต่หยุดลงที่ Outer Line ประกอบกับ Modified Stochastic มีโอกาสดีดขึ้นจากเขต Oversold ทำให้ระยะสั้นมีโอกาส Rebound ไปที่แนวต้าน 1.73- 1.75, 1.80 บาท
Trading idea – ปรับพอร์ตการลงทุนโดยแนะนำทยอยขายหุ้น (สัดส่วน 1/3) ใน GPSC, CENTEL, TISCO และ SCB / ในขณะที่แนะนำถือ BEM, TTCL, SQ, IRPC ต่อ / และ Cutloss HMPRO หากต่ำกว่า 9.30บาท / และหันมาทยอยสะสม TU 19.30-19.50, PTTGC 68.25 / เก็งกำไร DTAC ต่อจากงบไตรมาส 2 ที่ดีกว่าคาดสูง (58.0+/-)
Technical view
พยายามยืนที่ Neckline กราฟ 120 นาที ดัชนีพยายามยืนเหนือแนวต้าน Neckline แม้ช่วงบ่ายจะอ่อนตัวลง แต่ได้มีแรงซื้อกลับ และปิดบริเวณแนว Neckline เกิดเป็นแท่งเทียนแบบ Hammer เรายังคงมองว่าการปรับตัวขึ้นระยะกลางจะดูดีขึ้น ก็ต่อเมื่อดัชนียืนเหนือ Neckline โดยจะมีแนวต้านถัดไปที่ 1590 และ 1595 แต่หากผิดคาดดัชนีหลุดแนวรับ 1575 แนวโน้มจะกลับมาเป็นการแกว่งพักตัวบริเวณ 1564-1570 กลยุทธ์การลงทุน (1) Trading ในกรอบ 1575-1590 (2) หลุด 1575 ลดพอร์ตการลงทุนระยะสั้น และพิจารณาแนวรับ 1564-1570
แนวรับ : 1575, 1564-1570 แนวต้าน : 1585, 1590
ปัจจัยต่างประเทศ : ศุกร์นี้จับตาการประกาศงบธนาคารใหญ่ในสหรัฐ / ญี่ปุ่นมีโอกาสปรับขึ้น GDP แต่อาจปรับเป้าเงินเฟ้อ / จับตา Gary Cohn ตัวเต็งประธาน FED คนต่อไป
ปัจจัยในประเทศ : ธนารักษ์คาดได้ข้อสรุปการเก็บค่าเช่า AOT ในวันนี้
หุ้นเทคนิค:
CPALL (B 59.50, Tp 61.50-63, Cut 59.00)
TCAP (B 47-47.50, Tp 49-50.25, Cut 46.50)
กระแสเงินทุนต่างชาติ – กระแสเงินไหลทุนเริ่มชะลอตัวอีกครั้ง แต่ยังคงเข้าที่ ไต้หวัน แต่ฝั่งไทย นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ 1,425 ล้านบาท และ Long SET50 Index future ต่อเป็นวันที่ 2 อีกสุทธิ 11,042 สัญญา ส่วนตลาดตราสารหนี้ กลับมาขายหนัก 5,980 ล้านบาท
ธุรกรรม Short Selling –ปริมาณ short sell เพิ่มขึ้น 23% เป็น 1,415 ล้านบาท โดย KBANK ถูก short สูงสุด 235 ล้านบาท ที่ราคาเฉลี่ย 204.89 บาท/ หุ้น รองลงมาได้แก่ BBL และ DTAC ที่ 101 และ 87 ล้านบาท ที่เฉลี่ย 188.98 และ 55.22 บาท/ หุ้น ตามลำดับ
การซื้อขาย NVDR – ปริมาณการซื้อขายยังคงหนาแน่น และต่อเนื่องในกลุ่มธนาคาร SCB KBANK BBL ที่มีแรงซื้อสูงสุด 3 อันดับแรก โดยหุ้นที่พลิกมาซื้อครั้งแรกน่าสนใจคือ SCC ที่ 141 ล้านบาท และ CPF เริ่มมีแรงซื้อคืน 53 ล้านบาท ขณะที่ฝั่งขาย มีข้อสังเกตคือ AOT ถูกขายต่อเนื่องแล้ว 3 วัน