- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 13 July 2017 16:50
- Hits: 855
บล.เคจีไอ : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้
(รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
ขึ้นต่อ
KGI คาด SET วันพฤหัสฯ ขึ้นต่อกรอบจำกัด หนุนโดยจิตวิทยาฝั่งสหรัฐฯ หลังประธานเฟดส่งสัญญาณดอกเบี้ยสหรัฐฯ ขึ้นได้ไม่มาก และขึ้นอย่างช้าๆ (ตามนักเศรษฐศาสตร์ KGI คาด) ขณะที่เมื่อวานดัชนีฯ บวกกรอบจำกัดเช่นกัน ทั้งนี้ค่าเงินเอเชียและค่าเงินบาทแข็งค่าชัดเจนเช้านี้น่าจะหนุนตลาดหุ้นในภูมิภาค หลังเมื่อคืนนี้ประธานเฟดแถลงต่อสภาผู้แทนสหรัฐฯ ว่าเฟดจะเริ่มการลดงบดุลในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และเธอยังกล่าวว่า ... ด้วยเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ต่ำกว่าในอดีตอย่างชัดเจน ดอกเบี้ยของเฟดในรอบนี้น่าจะขึ้นได้ไม่มาก... ส่งผลให้สัญญาเฟดฟันด์ฟิวเจอร์ลดโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยใน ธ.ค. เหลือ 47% จาก 59% ในวันก่อนหน้า ทั้งนี้ในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ยังมีปัจจัยฝั่งสหรัฐฯ ที่มีผลต่อหุ้นโลก ได้แก่ i) การพิจารณากฎหมายประกันสุขภาพในวันศุกร์นี้หรืออย่างช้าต้นสัปดาห์หน้า และ ii) งบหุ้นธนาคารในสหรัฐฯ ที่จะเริ่มรายงานในวันศุกร์นี้ ด้านปัจจัยภายใน แรงซื้อที่กระจายตัวเข้ามาในหุ้นกลุ่มเชื่อมโยงเศรษฐกิจภายใน (domestic plays) น่าจะผลักดันดัชนีฯ ต่อในวันนี้ อย่างไรก็ดีอัพไซด์ของดัชนีฯ น่าจะมีจำกัด หลังหุ้นกลุ่มพลังงานตัวใหญ่ๆ ยังอยู่ภายใต้ความกังวลของงบไตรมาส 2/2560 ที่น่าจะไม่สดใส
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน (สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เก็งกำไร SGF, HTECH, UNIQ*
SGF (เป้าพื้นฐาน 0.43 บาท) 1) ประเมินแนวโน้มกำไรปกติจะเติบโตเฉลี่ย +60% CAGR 2561 - 63 จากการรุกสินเชื่อบุคคล โดย i) D/E ratio 0 เท่า เทียบกับ D/E กลุ่มฯเฉลี่ย 2.5 - 3.0 เท่า ทำให้สามารถทำการปล่อยสินเชื่อเชิงรุกได้มากกว่า ii) ตลาดฯสินเชื่อขนาดใหญ่ ที่เตรียมผันจากหนี้นอกระบบเข้าสู่ในระบบมากขึ้น + การคุมเข้มสินเชื่อหนี้บุคคลแบบไม่มีหลักประกันของ ธปท. จะเป็นตัวเร่งธุรกิจสินเชื่อรถแลกเงิน 2) เราประเมินยอดสินเชื่อ 2Q60 จะเริ่มเห็นภาพของธุรกิจใหม่ (รถแลกเงิน) โดยยอดสินเชื่อใหม่เดือน มิ.ย.แตะระดับ 100 ล้านบาท/เดือน จากจำนวนสาขา 38 แห่ง (เป็นทางการ) และสาขาอย่างไม่เป็นทางการที่พร้อมให้บริการอีก 22 แห่ง ขณะที่ราคาหุ้นยังไม่สะท้อนภาพธุรกิจฯ (อย่างไรก็ดี กำไรสุทธิ 2Q60 จะยังไม่เด่นเพราะเพิ่งเริ่มต้นธุรกิจ แต่จะเป็น Snowball ในไตรมาสถัดๆไป) 3) Upside จากการรอรับเงินชำระหนี้ราว +450 ล้านบาท โดยศาลฏีกาตัดสินคดีสิ้นสุดแล้วตั้งแต่ปลายปี 2559 รอการเจรจารูปแบบการชำระเงิน (เราคาดทยอยชำระ 3 ปี) 4) ประเมินหากยืนเหนือราคา 0.32 บาท จะเป็นการ Breakout เทรนไลน์ขาลงเพื่อขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 0.40 บาท (Stop loss 0.26 บาท)
HTECH (ยังไม่มีเป้า Consensus) 1) เราประเมินแนวโน้มอุตสาหกรรม HDD กำลังเข้าสู่วัฏจักรขาขึ้นอีกครั้ง (เปลี่ยนเทรนด์จาก HDD 2.5" เป็น 3.5") หลังจากที่ผู้ผลิตรายใหญ่ของโลกอย่าง Seagate และ WD ขยายกำลังการผลิตในไทย (คาดกำลังการผลิตเพิ่มในปีนี้) และ HTECH ผลิต Cutting tool สำหรับการผลิต HDD ถือเป็นผู้ผลิตใน Supply chain แรกๆของอุตสาหกรรมฯ โดยเราคาดมีส่วนแบ่งตลาดฯ >80% 2) ประเมินแนวโน้มกำไรเป็นขาขึ้นต่อเนื่อง 4Q60>3Q60?2Q60?1Q60 จาก Utilization rate ที่เกือบเต็มกำลังการผลิตตั้งแต่ 1Q60 และกำลังการผลิตใหม่จะเข้ามาเพิ่มอีก 30% ใน 4Q60 3) คาดกำไรปี 2560 เบื้องต้นไว้ในกรอบ 150 - 160 ล้านบาท คิดเป็น EPS 0.50 - 0.53 บาท และคิดเป็น PE 17.7 - 18.9 เท่า ขณะที่คาดอัตราการเติบโตของกำไรปีนี้ +30% YoY และปี 2561 คาดจะเติบโตอีก 25 - 30% YoY จากกำลังการผลิตส่วนเพิ่มที่เข้ามา 4Q60 4) ประเมินแนวรับ - แนวต้าน 9.1 - 10.6 บาท แนะนำเก็งกำไรในกรอบ (Stop loss 9.0 บาท) ... นักลงทุนอาจพิจารณาเก็งกำไรหุ้นที่ยังประกอบธุรกิจ HDD อย่าง CCET และ SPPT ที่คาดจะได้รับอานิสงส์จาก Up Cycle รอบนี้เช่นกัน
UNIQ* (เป้าพื้นฐาน 23.3 บาท) 1) ประเมินแกว่งตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 19.5 - 20.0 บาท โดยมีแนวรับ 18.6 บาท และ 18.4 บาท ตามลำดับ (Stop loss 18.2 บาท) 2) ประเมินหุ้นกลุ่มรับเหมาฯได้ Sentiment บวกจากโครงการลงทุนภาครัฐฯที่ทยอยประกาศ อาทิ โครงการรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน (กรุงเทพ-โคราช) โดยงานก่อสร้าง+โยธาฯ จะใช้ผู้รับเหมาฯไทย และโครงการรถไฟทางคู่หลายเส้นทาง (เส้นทางหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ เส้นแรก เปิด E-auction แล้ว แจ้งผลผู้มีสิทธิเสนอราคา ในวันที่ 17 ก.ค. และเสนอราคาในวันที่ 27 ก.ค.) รวมถึงโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพ - ระยอง ที่มีประเด็นข่าวว่า รฟท เตรียมเปิดประมูล ก.ย.นี้
หุ้นในกระแส
หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ (KBANK*, BBL*) เราประเมินแรงเก็งกำไรหุ้นผลประกอบการหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่กำลังทยอยประกาศ จะทำให้หุ้นในกลุ่มฯที่แนวโน้มผลประกอบการ 2Q60 เติบโต YoY Outperform ตลาดฯได้ ฝ่ายวิจัยฯเลือก KBANK* และ BBL* เป็นหุ้นเด่นสำหรับธนาคารใหญ่ โดยคาดกำไร 2Q60 โต 5.1% YoY และ 11.1% YoY ตามลำดับ
หุ้นมีข่าว
(-) ประธานธนาคารกรุงไทย (KTB*) เปิดเผยว่าธนาคารได้หยุดการให้บริการสินเชื่อกับทางบริษัทเอริธ เอ็นเนอยี่ (EARTH) แล้ว หลังจากที่บริษัทดังกล่าวมีปัญหาทางการเงินซึ่งเป็นผลทำให้ธนาคารต้องเตรียมกันสำรองหนี้เสียเพิ่มจากปกติใน 2Q60 Source: Bangkok Post ความเห็น: ถ้า KTB มีการจัดชั้นหนี้ของ EARTH เป็น NPL ใน 2Q60 จะทำให้ NPL ของธนาคารเพิ่มขึ้น 12% และทำให้สัดส่วนสำรองหนี้เสีย/NPL ลดลงเป็น 100% (จาก 112% ใน 1Q60) เพื่อรักษาระดับให้อยู่ในระดับเดิม KTB จะต้องตั้งสำรองฯเพิ่มอีก 1 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้เราประเมินกำไร 2Q60 ที่ 7.8 พันล้านบาท (ลดลง 10%) ซึ่งในจำนวนนี้ใช้สมมติฐานการตั้งสำรองหนี้เสีย 9 พันล้านบาท ในระยะถัดไป KTB อาจจะมีรายได้พิเศษจากการชำระคืนหนี้ของ AQ ซึ่งศาลได้ซึ่งให้บริษัทชำระหนี้กับสถาบันการเงิน 1 หมื่นล้านบาท และปัจจุบัน AQ ก็อยู่ในกระบวนการเพิ่มทุนเพื่อขายให้บุคคลในวงจำกัด (การขายงวดแรกได้ทำให้ AQ ได้รับเงินแล้ว 1.7 พันล้านบาท คงคำแนะนำ Neutral ราคาเหมาะสม 19.3 บาท
( 0 ) คณะกรรมาธิการกำกับดูแลกิจการพลังงาน (ERC) จะขยับนระยะเวลาการจัดสรรของ SPP Hybrid firm เป็นเดือนสิงหาคม 2560 (ที่มา: ข่าวหุ้น) ก่อนหน้านี้ ERC ตั้งระยะเวลาการจัดสรรโครงการของ SPP Hybrid firm (300 เมกกะวัตต์) ไว้ในเดือนกรกฎาคม แต่ปัจจุบันมีแผนที่จะเลื่อนออกไปในเดือนถัดไป (สิงหาคม) เป็นผลมาจากขั้นตอนการจัดโซนนิ่งจะเสร็จสิ้นในเดือนนั้น นอกจากนี้ VSPP Semi-firm (269MW) ซึ่งเดิมวางแผนที่จะจัดสรรในเดือนตุลาคมคาดว่าจะมีความล่าช้าเล็กน้อยเช่นกันความเห็น: กำลังการผลิตใหม่น่าจะช่วยให้กลุ่มพลังงานทดแทนมีความน่าสนใจมากขึ้น แม้ว่าการจัดสรรอาจล่าช้าออกไปบ้างเราไม่คาดจะเป็นปัจจัยลบต่อกลุ่มพลังงานทดแทนอิงจากระยะเวลาที่เลื่อนออกไปไม่นาน ทั้งนี้เราเชื่อว่ากำลังการผลิตที่จะเข้ามาใหม่นี้น่าจะเป็น catalyst ที่มีศักยภาพสำหรับหุ้นที่เราให้ความคุ้มครอง ได้แก่ BCPG Pcl (BCPG.BK/BCPG TB)*, Gunkul Engineering (GUNKUL.BK/GUNKUL TB) and TPC Power Holding (TPCH.BK/TPCH TB)
(+) AQ เพิ่มทุน PP ฉลุย รับเงิน 1.7 พันล้าน สัญญาณดีคุย KTB* (ข่าวหุ้น) AQ ขายหุ้นเพิ่มทุน PP ล็อตแรกฉลุย 34,140 ล้านหุ้น กวาดเงินระดมทุน 1,707 ล้านบาท จ่อเดินหน้าขายหุ้นเพิ่มทุนที่เหลือ 6.5 หมื่นล้านหุ้นต่อทันที ชี้มีนักลงทุนสนใจพร้อมซื้อเพียบ มั่นใจเป็นสัญญาณบวกต่อการเจรจากับ KTB*
(+) ซิติคยักษ์จีนจ่อถือเพซ 10% หนุนก่อสร้าง-การเงิน (โพสต์ทูเดย์) เพซหวังซิติคเป็นพันธมิตรธุรกิจด้านก่อสร้างและการเงินเข้าถือหุ้น 10% ลดต้นทุนลงครึ่งหนึ่งจากกู้แบงก์ 5-6% เหลือ 3% นายสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น (PACE) เปิดเผยว่า การทำบันทึกข้อตกลง (เอ็มโอยู) กับบริษัท ซิติค คอนสตรัคชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) ยักษ์ใหญ่ด้านก่อสร้าง และการเงินของจีนมีข้อตกลงใน 3 เรื่อง ที่จะเห็นความชัดเจนใน 2 เดือนนี้ คือ ซิติคจะก่อสร้างโครงการทำให้ต้นทุนทาง การเงินลดลงจากที่เงินกู้ธนาคารดอกเบี้ย 5-6% เหลือ 2-3% และได้พันธมิตรโครงการ โดยบริษัทจะเพิ่มทุนเพื่อขายเฉพาะเจาะจงให้ซิติคไม่เกิน 10%
(+) กกพ. ขยับประกาศรับซื้อไฟฟ้า ไฮบริด 300 MWเป็นเดือน ส.ค. นี้ (ข่าวหุ้น) กกพ. ขยับประกาศรับซื้อไฟฟ้าไฮบริด 300 MW เป็นช่วงเดือน ส.ค.นี้ ชี้ยังต้อง พพ. จัดโซนนิ่งให้เสร็จก่อน พร้อมประกาศปรับขึ้นค่าเอฟทีงวดเดือน ก.ย.-ธ.ค. 60 หลังต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น
(+) CK*-LPN*-CHEWA ร่วมทุนนายณ์ฯ พัฒนาที่พักผู้สูงอายุที่ภูเก็ต 3.5 พันล้านบาท (ข่าวหุ้น) "CK*-LPN*-CHEWA-นายณ์ เอสเตท" ร่วมลงทุนในบริษัท กมลา ซีเนียร์ ลิฟวิ่ง จำกัด เพื่อพัฒนาและบริหารโครงการพักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุที่จังหวัดภูเก็ต มูลค่าโครงการประมาณ 3,500 ล้านบาท
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
ECL (เป้าพื้นฐาน 3.64 บาท ... เป้าสูงสุด Consensus 4.5 บาท) แนะนำ "Let profit run" โดยกำหนด Trailing Stop จุดขายล๊อกกำไร หากต่ำกว่า 4.2 บาท ... ประมาณการฯและราคาเป้าหมายของเรายังไม่ได้รวมประเด็น ศูนย์ซ่อมรถ Fix man (เปิดสาขาแรกที่ ถ.นวมินทร์ เดือน ก.ค.นี้) และล่าสุดยอดสินเชื่อ 6M60 คิดเป็น 67.5% ของเป้าสินเชื่อใหม่ทั้งปีในประมาณการฯของเรา
MONO* (เป้าพื้นฐาน 3.9 บาท) ประเมินรูปแบบราคาแกว่งตัวขึ้นในกรอบ 3.54 - 3.94 บาท (Stop loss 3.5 บาท) และหากผ่านกรอบแนวต้านดังกล่าวประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 4.10 บาท
MTLS* (เป้าพื้นฐาน 40 บาท) ประเมินหากยืนเหนือแนวราคา 35 บาท มีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 36.25 บาท และถัดไปที่ 37.5 บาท (Stop loss 32.5 บาท)
TAPAC (ยังไม่มีเป้า Consensus) ประเมินแนวรับ 22 บาท แนวต้านแรก 24.3 บาท หากผ่านได้ประเมินขึ้นทดสอบแนวต้าน 28 บาท ... คาดผลการดำเนินงาน Bottom out ใน 2Q60 (ปิดงบ เม.ย. รายงานงบไปแล้ว) จะเริ่มเห็นภาพ Earnings momentum ที่โตเด่นในไตรมาสถัดไป ต่อเนื่อง 2 ไตรมาสติดๆ หลังการรับรู้รายได้จากธุรกิจ อสังหาฯ ใน 3Q60 - 4Q60 (ปิดงบปี ต.ค.)
RATCH* (เป้าพื้นฐาน 63 บาท) ประเมินแนวรับ 51.5 บาท แนวต้าน 55 - 56 บาท (Stop loss 50 บาท) ... PE ยังต่ำเพียง <12 เท่า และ Dividend yield >5% ต่อปี
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
TWPC แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 11.5 บาท ฝ่ายวิจัยฯออกบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน Initiate หุ้น TWPC โดยประเมิน 1) ธุรกิจหลัก ด้านอาหารแข็งแกร่ง 2) งบดุลแข็งแกร่งและมีสภาพคล่องล้นด้วยเงินสดในมือ >1 พันล้านบาท
นักวิเคราะห์: อดิศักดิ์ คำมูล 66.2658.8888 ต่อ 8843 [email protected]