- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 12 July 2017 16:50
- Hits: 3342
บล.ทรีนีตี้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Today Selection >> CK, JMT, PSH
Stock S R Comment
CK 28.25 29.00 รถไฟทางคู่เตรียมทยอยออกในช่วง 2H60 รัฐพร้อมลุยรถไฟความเร็วสูง
JMT 28.25 29.50 คาดเติบโตโดดเด่นถึง 21%QoQ
PSH 22.60 22.90 โครงการ Chapter One บางโพ หนุนยอด Presales 2Q60 แกร่ง
มองตลาดยัง Sideway ต่อ
แม้ว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ที่ประกาศเมื่อคืนวันศุกร์ (7 ก.ค.) ที่ผ่านมาจะออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ซึ่งบ่งบอกถึงเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้น แต่เรามองว่าไม่มีผลกระทบต่อการตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ในการประชุมเดือนกันยายนนี้ (Fed เริ่มให้น้ำหนักความสำคัญกับเสถียรภาพในตลาดการเงินมากขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับปัจจัยเศรษฐกิจมหภาค)
จับตาดูการแถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีของนางเจเน็ต เยลเลน ซึ่งจะมีการแถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีต่อสภาผู้แทนราษฎรในคืนวันพุธ และจากนั้นจะแถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านการเงินแห่งวุฒิสภาในคืนวันพรุ่งนี้ ซึ่งคาดการณ์กันว่าจะมีการกล่าวถึงการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และการลดขนาดงบดุล อย่างไรก็ดี ยังคงยืนยันเช่นเดิมว่าการขึ้นดอกเบี้ยดังกล่าวจะไม่ใช่ปัจจัยกดดันตลาดหุ้นเกิดใหม่แต่อย่างใด เนื่องจากเป็นสิ่งที่นักลงทุนบางส่วนคาดการณ์อยู่แล้ว ในทางกลับกัน ประเมินปัจจัย Fed มีโอกาสสร้าง Positive surprise ให้กับตลาดเกิดใหม่ได้ หากการลดขนาดงบดุลถูกเลื่อนออกไปจากไตรมาส 4 ซึ่งเป็นกรณีฐานของเรา
Oil Mixed : ราคาน้ำมันยังคงอยู่ในกรอบ 45-55 เหรียญฯ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลงมากกว่าที่คาดการณ์โดยสต็อกน้ำมันดิบลดลง 6.3 ล้านบาร์เรลในรอบสัปดาห์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 2.3 ล้านบาร์เรลเท่านั้น แต่อย่างไรก็ดีความกังวลอุปทานของน้ำมันส่วนเกินที่ยังคงเป็นแรงกดดัน และความร่วมมือในกลุ่มประเทศ OPEC ที่จะลดกำลังการผลิตอาจจะไม่มีประสิทธิผลเพียงพอ เนื่องจากลีเบียและไนจีเรียซึ่งไม่ได้อยู่ในประเทศที่ มีมติให้ลดกำลังการผลิตในการประชุม OPEC เมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ได้มีการเพิ่มการผลิตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 46 เหรียญฯต่อบาร์เรล จากที่ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาที่อยู่ระดับ 49.5 เหรียญฯต่อบาร์เรล
BANK : เมื่อวานนี้ TISCO ได้ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/60 เป็นธนาคารแรก และคาดว่าธนาคารอื่นๆ จะทยอยประกาศผลประกอบการภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งภาพรวมคาดว่าจะมีแนวโน้มอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากแนวโน้มสินเชื่อที่ชะลอตัว และปัญหาคุณภาพหนี้ที่กดดัน เราจึงมองว่าหุ้นในกลุ่มธนาคารจะไม่ใช่ปัจจัยหนุนตลาดในช่วงนี้ อย่างไรก็ตามคาดว่าผลประกอบการของกลุ่มธนาคารเช่าซื้อยังมีทิศทางที่ดี จึงเลือก TCAP เป็น Top Pick ของกลุ่มฯ แนะนำ "ซื้อ" ให้ราคาเป้าหมาย 55 บาท
กลยุทธ์การลงทุน : คาดการณ์ SET Index ปรับตัว Sideways ต่อไปในกรอบ 1540 - 1600 จุด เนื่องจากยังไม่เห็นปัจจัยที่มีแนวโน้มผลักดันดัชนีไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งอย่างชัดเจน แนะนำกลยุทธ์ขึ้นขาย-ลงซื้อตามกรอบแนวต้านแนวรับดังกล่าว และถือหุ้นกลุ่มแนะนำต่อไป ได้แก่
1) กลุ่มสาธารณูปโภค เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความผันผวนต่ำและสามารถจ่ายเงินปันผลได้ในระดับสูง เลือก BCPG และ WHAUP เป็น Top pick ของกลุ่ม จากแนวโน้มการเติบโตที่น่าสนใจ ส่วนหุ้นที่มี Dividend Yield ในระดับสูงและคาดว่าจะมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลคือ GLOW, EGCO, RATCH
2) กลุ่มสินค้าและบริการที่จำเป็น ได้แก่ กลุ่ม Consumer staples (CPALL, BJC) และกลุ่ม Healthcare (BCH, CHG) ที่มีแนวโน้มทนทานต่อภาวะเงินเฟ้อต่ำ
กลุ่มพลังงาน ที่ราคายังคง Laggard ประกอบกับค่าการกลั่นที่ยังคงอยู่ในระดับสูง เลือก PTT, PTTEP สำหรับกลุ่ม Upstream และ BCP, SPRC, TOP สำหรับกลุ่มโรงกลั่น มองว่าตลาดรับรู้ประเด็น Inventory loss ของกลุ่มในไตรมาส 2/60 ไปพอ
แนวรับ 1,561 แนวต้าน 1,576
บทวิเคราะห์วันนี้
JMT (ซื้อ ราคาเป้าหมาย 33 บาท) คาดกำไร 2Q60 โตเด่น ปรับกำไรทั้งปีขึ้น
SCC (ซื้อเมื่ออ่อนตัว ราคาเป้าหมาย 530 บาท) คาดผลการดำเนินงาน 2Q60 ชะลอตัวลง ลุ้นไฟเขียวการลงทุนเวียดนามเร็วๆนี้
TISCO (ถือ ราคาเป้าหมาย 77 บาท) กำไร 2Q60 ใกล้เคียงคาด คุณภาพหนี้ดีขึ้นต่อเนื่อง
Today's Event
AMANAH ลูกหุ้นเข้า 1,476,358 หุ้น
BTS ลูกหุ้นเข้า 5,414,642 หุ้น
JAS ลูกหุ้นเข้า 117,229,766 หุ้น
JMT ลูกหุ้นเข้า 446 หุ้น
นักวิเคราะห์ : ณัฐชาต เมฆมาสิน, CFA, FRM (ID: 31379)
E-mail: [email protected]