WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

KGIบล.เคจีไอ : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้
(รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)

บวกกรอบจำกัด ฟันด์โฟลว์ยังชะลอ
      KGI คาด SET วันพุธบวกกรอบจำกัด จิตวิทยาหุ้นน้ำมันดีขึ้น + งบ TISCO* ดีกว่าคาดหนุนจิตวิทยากลุ่มแบงก์ แต่ภาพรวมฟันด์โฟลว์ยังชะลอ (วานนี้ ดัชนีฯ ซึมทั้งวัน ตามคาด) ราคาน้ำมันสหรัฐฯ รีบาวด์ 2.74% เมื่อคืน หลัง EIA ปรับลดคาดการณ์ปริมาณน้ำมันที่สหรัฐฯ จะขุดเจาะในปี 2561 เล็กน้อย และคูเวตแถลงว่าได้เชิญลิเบียและไนจีเรียเข้าร่วมประชุมโอเปกกลุ่มย่อย ในวันที่ 24 ก.ค. เพื่อขอให้สองประเทศดังกล่าวเข้าสู่โปรแกรมลดปริมาณผลิต (ปัจจุบันสองประเทศนี้ได้รับการยกเว้นอยู่) ขณะที่งบไตรมาส 2/2560 ของหุ้น TISCO* ชี้ถึงคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น น่าจะเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อหุ้นธนาคาร อย่างไรก็ดีภาพรวมปัจจัยภายนอกยังเป็นกลาง และโฟลว์ฝรั่งยังชะลอเพื่อรอปัจจัยในฝั่งสหรัฐฯ กล่าวคือ i) การแถลงรอบครึ่งปีของประธานเฟด เจเนต เยลเลน ต่อสภาผู้แทนสหรัฐฯ เริ่มในวันนี้ ซึ่งตลาดคาดหมายว่าเธอจะส่งสัญญาณเพิ่มเติมเกี่ยวกับเศรษฐกิจ นโยบายดอกเบี้ย และการลดงบดุลของเฟด ii) ข่าวจากบลูมเบิร์กว่าวุฒิสภาสหรัฐฯ จะพิจารณากฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่ในวันศุกร์นี้ iii) ธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐฯ จะเริ่มการรายงานงบไตรมาส 2/2560 ในวันศุกร์นี้เช่นกัน ด้านประเด็นการเมืองในสหรัฐฯ ล่าสุด ที่ว่าบุตรชายของนายทรัมป์ เปิดเผยอีเมลส่วนตัวว่าได้รับข้อมูลที่อาจส่งผลลบต่อนางคลินตัน ในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งเมื่อปี 2559 นั้น เรามองว่าไม่น่ามีผลต่อตลาดหุ้นมากนัก

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน (สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)

เก็งกำไร SGF, UNIQ*
SGF (เป้าพื้นฐาน 0.43 บาท) 1) ประเมินแนวโน้มกำไรปกติจะเติบโตเฉลี่ย +60% CAGR 2561 - 63 จากการรุกสินเชื่อบุคคล โดย i) D/E ratio 0 เท่า เทียบกับ D/E กลุ่มฯเฉลี่ย 2.5 - 3.0 เท่า ทำให้สามารถทำการปล่อยสินเชื่อเชิงรุกได้มากกว่า ii) ตลาดฯสินเชื่อขนาดใหญ่ ที่เตรียมผันจากหนี้นอกระบบเข้าสู่ในระบบมากขึ้น + การคุมเข้มสินเชื่อหนี้บุคคลแบบไม่มีหลักประกันของ ธปท. จะเป็นตัวเร่งธุรกิจสินเชื่อรถแลกเงิน 2) เราประเมินยอดสินเชื่อ 2Q60 จะเริ่มเห็นภาพของธุรกิจใหม่ (รถแลกเงิน) โดยยอดสินเชื่อใหม่เดือน มิ.ย.แตะระดับ 100 ล้านบาท/เดือน จากจำนวนสาขา 38 แห่ง (เป็นทางการ) และสาขาอย่างไม่เป็นทางการที่พร้อมให้บริการอีก 22 แห่ง ขณะที่ราคาหุ้นยังไม่สะท้อนภาพธุรกิจฯ (อย่างไรก็ดี กำไรสุทธิ 2Q60 จะยังไม่เด่นเพราะเพิ่งเริ่มต้นธุรกิจ แต่จะเป็น Snowball ในไตรมาสถัดๆไป) 3) Upside จากการรอรับเงินชำระหนี้ราว +450 ล้านบาท โดยศาลฏีกาตัดสินคดีสิ้นสุดแล้วตั้งแต่ปลายปี 2559 รอการเจรจารูปแบบการชำระเงิน (เราคาดทยอยชำระ 3 ปี) 4) ประเมินแนวรับ 0.29 บาท แนวต้านแรก 0.32 บาท หากผ่านได้จะเป็นการ Breakout เทรนไลน์ขาลงเพื่อขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 0.40 บาท (Stop loss 0.26 บาท) ...

 

วันนี้ฝ่ายวิจัยฯออกบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
UNIQ* (เป้าพื้นฐาน 23.3 บาท) 1) ประเมินแกว่งตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 19.5 - 20.0 บาท โดยมีแนวรับ 18.6 บาท และ 18.3 บาท ตามลำดับ (Stop loss 18.2 บาท) 2) ประเมินหุ้นกลุ่มรับเหมาฯได้ Sentiment บวกจากโครงการลงทุนภาครัฐฯที่ทยอยประกาศ อาทิ โครงการรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน (กรุงเทพ-โคราช) ซึ่ง ครม. อนุมัติวานนี้โดยงานก่อสร้าง+โยธาฯ จะใช้ผู้รับเหมาฯไทย และโครงการรถไฟทางคู่หลายเส้นทาง (เส้นทางหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ เส้นแรก เปิด E-auction แล้ว แจ้งผลผู้มีสิทธิเสนอราคา ในวันที่ 17 ก.ค. และเสนอราคาในวันที่ 27 ก.ค.) รวมถึงโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพ - ระยอง ที่วานนี้มีประเด็นข่าวว่า รฟท. เตรียมเปิดประมูล ก.ย.นี้

หุ้นในกระแส
หุ้นอิเล็กทรอนิกส์สายการผลิต HDD (HTECH, CCET, SPPT) เราประเมินอุตสาหกรรมฯ HDD จะเริ่มเข้าสู่วัฏจักรขาขึ้นอีกครั้ง หลังจากผู้ผลิตรายใหญ่ของโลกประกาศขยายกำลังการผลิต (คาดกำลังการผลิตใหม่เข้าปีนี้) โดย HDD จะเปลี่ยนเป็นขนาดที่ใหญ่ขึ้น ความจุ เพิ่มขึ้น (จาก 2.5" เป็น 3.5") รองรับ Datacenter, ระบบ Server ต่างๆ เป็นต้น แนะนำ "เก็งกำไร" HTECH (รับ 9.1 บาท / ต้าน 10.4 บาท / Stop loss 8.8 บาท), CCET (รับ 2.96 บาท / ต้าน 3.24 บาท / Stop loss 2.92 บาท), SPPT (รับ 5.8 บาท / ต้าน 7.0 บาท / Stop loss 5.55 บาท)


หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า รับขึ้นค่าเอฟที (GLOW*, EA*, BCPG*, GPSC*) เราประเมินการประชุมคณะกรรมการ กกพ. เพื่อพิจารณาปรับขึ้นค่าเอฟทีวันที่ 12 ก.ค. นี้ และประกาศเป็นทางการ วันที่ 1 ส.ค. จะเป็น Sentiment บวกมาที่หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า อาทิ GLOW*, EA*, BCPG*, GPSC* เป็นต้น แนะนำ "เก็งกำไร" ... อย่างไรก็ดีหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนที่มีสัดส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนที่มีสัญญาขายไฟประเภท FIT จะไม่ได้รับอานิสงส์จากการปรับขึ้นค่าเอฟที

หุ้นมีข่าว
(+) ครม.อนุมัติรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน เส้นทาง กรุงเทพฯ-โคราช. ครม.อนุมัติรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน เส้นทาง กรุงเทพฯ-โคราช กรอบเงินลงทุน 1.79 แสนลบ. 647กม. โดยใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปี ทั้งนี้การก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน จะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกเส้นทาง กรุงเทพฯ-โคราช, โคราช-หนองคาย และ แก่งคอย-มาบตาพุด (กรุงเทพธุรกิจ) ความเห็น: เรามองว่าข่าวการอนุมัติรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน เป็นบวกต่อกลุ่มบริษัทรับเหมาก่อสร้าง เนื่องจากความคืบหน้าดังกล่าวเป็นการสะท้อนความมุ่งมั่นของรัฐบาลที่ต้องการจะพลักดันโครงการดังกล่าวให้เกิดขึ้นจริงในอนาคตอันใกล้ แม้ว่า 3 สัญญาของโครงการรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน ในส่วนของการออกแบบ, จัดการควบคุมการก่อสร้าง และระบบไฟฟ้า เครื่องกล ขบวนรถจะเป็นการดำเนินการของทางจีน แต่ 75% ของมูลค่าโครงการจะเป็นงานโยธา-ก่อสร้าง ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ให้กับบริษัทรับเหมาของไทย อีกทั้งเพื่อเร่งให้โครงการเกิดขึ้นโดยเร็ว ครม.ได้มีการว่าจ้างให้กรมทางหลวงเริ่มก่อสร้างในช่วง 3.5 กม. แรกทันทีภายใน ต.ค.นี้ ที่กรอบวงเงิน 425 ลบ. พร้อมกับเร่งให้จีนส่งแบบอย่างต่อเนื่องและเปิดให้มีการประมูลก่อสร้างในส่วนที่เหลือตามปกติภายใน 4 เดือน
(-) เม็ดเงินโฆษณามิ.ย. ร่วงหนักติดลบ 16% (กรุงเทพธุรกิจ) "นีลเส็น" เผยงบโฆษณาผ่านสื่อครึ่งปีแรก มูลค่า 5.2 หมื่นล้านบาท ติดลบ 7% เดือนมิ.ย. วูบสูงสุดในรอบปี 16%


(+) กลุ่ม J Trust ซื้อหุ้น GL เพิ่มแตะ 7.84% เล็งร่วมทุนในอินโดนีเซียหวังขยายธุรกิจ (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา) กลุ่ม J Trust ซื้อหุ้น "กรุ๊ปลีส" เพิ่มอีก กว่า 21 ล้านหุ้น ส่งผลให้ ถือหุ้น 7.84% หลังราคาหุ้นเจอมรสุมข่าวเชิงลบตกต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน โดยเชื่อมั่นว่า GL มีผลประกอบการดีและมีศักยภาพการขยายตัวที่แข็งแกร่ง สนร่วมทุนกับ GL ในอินโดนีเซีย หวังขยายธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจะซื้อหุ้นเพิ่มเมื่อราคาหุ้น GL ต่ำกว่าปัจจัย พื้นฐาน
(+) APX ลดพาร์เหลือ 0.50บ. ล้างขาดทุนเพิ่มทุน 3:1 ให้รายเดิม-แจกวอร์แรนต์ 2:1 (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา) บอร์ด "เอเพ็กซ์ ดีเวลลอปเม้นท์" ประกาศลดพาร์จากหุ้นละ 1 บาท เป็นมูลค่าหุ้นละ 0.50 บาท เพื่อล้างขาดทุนสะสม พร้อมเพิ่มทุน 1,499.925 ล้านหุ้น ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมสัดส่วน 3 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ฟรี พร้อมรับอีก 2 หุ้นใหม่รับ 1 วอร์แรนต์ ตั้ง "สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์" ที่ปรึกษา


(+) 4 บิ๊กเนมแย่งดอนเมือง ลุ้นผลประมูล 20 ก.ค.นี้ ประลองกำลังก่อนชิงสุวรรณภูมิปลายปี (ข่าวหุ้น) 4 บิ๊กเนม "คิง เพาเวอร์-เดอะมอลล์-เซ็นทรัลรีเทล-MINT*" ยื่นซองดวลรับงานพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ 1 สนามบินดอนเมือง ลุ้นประกาศผลประมูลวันที่ 20 ก.ค.นี้ ก่อนชิงพื้นที่เชิงพาณิชย์สุวรรณภูมิปลายปีนี้
(-) บิ๊ก SCB* รับ PACE ติดกับเร่หาตัวช่วย (ฐานเศรษฐกิจ) บิ๊กไทยพาณิชย์ชี้ "เพซ" ยังไม่ผิดนัดชำระหนี้ แต่แนะให้หาพันธมิตรช่วย หลังยอดโอน "มหานคร" ล่าช้า โครงการมหาสมุทรหัวหินขายไม่หมด เพซยืนยันโครงการคืบหน้า ขณะที่โบรกเกอร์ยันอาการน่าห่วง
(+) TPIPP ปริมาณขายไฟนิวไฮ ปักหมุดลุยพลังงานทดแทน (ทันหุ้น) TPIPP คาดปริมาณการขายไฟฟ้าในไตรมาส 2/2560 ทำนิวไฮหลังโรงไฟฟ้าทั้ง 4 โรง กำลังการผลิต 150 เมกะวัตต์ผลิตไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมรับอานิสงส์การปรับขึ้นค่าเอฟทีรอบเดือนพฤษภาคม-สิงหาคมนี้ ช่วยหนุนผลการดำเนินงานพุ่งแรง ปักหมุดลงทุนพลังงานทดแทนเพิ่ม

หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
ECL (เป้าพื้นฐาน 3.64 บาท ... เป้าสูงสุด Consensus 4.5 บาท) แนะนำ "Let profit run" โดยกำหนด Trailing Stop จุดขายล๊อกกำไร หากต่ำกว่า 4.2 บาท ... ประมาณการฯและราคาเป้าหมายของเรายังไม่ได้รวมประเด็น ศูนย์ซ่อมรถ Fix man (เปิดสาขาแรกที่ ถ.นวมินทร์ เดือน ก.ค.นี้) และล่าสุดยอดสินเชื่อ 6M60 คิดเป็น 67.5% ของเป้าสินเชื่อใหม่ทั้งปีในประมาณการฯของเรา
MONO* (เป้าพื้นฐาน 3.9 บาท) ประเมินรูปแบบราคาแกว่งตัวขึ้นในกรอบ 3.54 - 3.94 บาท (Stop loss 3.5 บาท) และหากผ่านกรอบแนวต้านดังกล่าวประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 4.10 บาท
MTLS* (เป้าพื้นฐาน 40 บาท) ประเมินหากยืนเหนือแนวราคา 35 บาท มีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 36.25 บาท และถัดไปที่ 37.5 บาท (Stop loss 32.5 บาท)
TAPAC (ยังไม่มีเป้า Consensus) ประเมินแนวรับ 22 บาท แนวต้านแรก 24.3 บาท หากผ่านได้ประเมินขึ้นทดสอบแนวต้าน 28 บาท ... คาดผลการดำเนินงาน Bottom out ใน 2Q60 (ปิดงบ เม.ย. รายงานงบไปแล้ว) จะเริ่มเห็นภาพ Earnings momentum ที่โตเด่นในไตรมาสถัดไป ต่อเนื่อง 2 ไตรมาสติดๆ หลังการรับรู้รายได้จากธุรกิจ อสังหาฯ ใน 3Q60 - 4Q60 (ปิดงบปี ต.ค.)
RATCH* (เป้าพื้นฐาน 63 บาท) ประเมินแนวรับ 51.5 บาท แนวต้าน 55 - 56 บาท (Stop loss 50 บาท) ... PE ยังต่ำเพียง <12 เท่า และ Dividend yield >5% ต่อปี

Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
TISCO* แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 82.5 บาท รายงานกำไรสุทธิของ TISCO ใน 2Q60 อยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท (+1% QoQ, +25% YoY) ดีกว่าคาด 6% และดีกว่า consensus คาด 5% เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการกันสำรองต่ำกว่าที่คาดไว้ แต่ประเด็นที่น่าสนใจอยู่ที่คุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น โดย NPL coverage ยังเพิ่มขึ้นแม้ว่า credit cost จะลดลงก็ตาม ยังคงประมาณการกำไรปีนี้ และราคาเป้าหมายเอาไว้เท่าเดิม ทั้งนี้ การที่ราคาหุ้นอ่อนตัวลงถือเป็นโอกาสในการเข้าซื้อสะสม

นักวิเคราะห์: อดิศักดิ์ คำมูล 66.2658.8888 ต่อ 8843 [email protected]

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!