- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 07 July 2017 18:36
- Hits: 7491
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'ค่าลบดูไม่ดี มีสิทธิลงไปที่ 1560-1550'
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้หุ้นกลุ่มพลังงานนำตลาดลงหลังราคาน้ำมันดิบร่วงราว 4% แม้หุ้น Big Cap อย่าง AOT, THAI จะช่วยพยุงเอาไว้ ตลาดปิดที่ 1569.64 จุด (-5.38 จุด) สถาบันในประเทศขายสุทธิ 4 พันล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 2.6 พันล้านบาท
ประเด็นสำคัญวันนี้ : Sentiment ตลาดไม่ค่อยดีหลังตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนมิ.ย.สหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่ตลาดคาด (+1.58 แสนจากที่คาดไว้ 1.85 แสนตำแหน่ง) ราคาน้ำมันยังขยับขึ้นต่อหลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลงเกินคาดแต่ก็บวกจำกัดจากรายงานว่าสหรัฐผลิตน้ำมันเพิ่ม ตลาดหุ้นเอเชียเช้าวันนี้อ่อนตัวลงราว 0.3%
ส่วนในประเทศ รัฐเร่งเดินหน้าโครงการ EEC ล่าสุดบอร์ดอนุมัติ 4 โครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานเข้ากระบวนการ EEC Track ใช้เวลาดำเนินการ PPP 8-10 เดือน มูลค่ารวม 6.9 แสนลบ. ซึ่งโครงการ EEC เป็นบวกกับกลุ่มนิคมฯ, รับเหมาและวัสดุก่อสร้าง รวมถึงบริษัทที่ทำสาธารณูปโภคในนิคมฯ ในระยะยาว แต่ในช่วงสั้นหุ้นอาจแกว่ง/ลงก่อนถ้ารายได้และกำไร 2Q+ปีนี้ ไม่ค่อยดี
KKP : การเลื่อนกองทุน Thailand Future Fund เข้าตลาดจากสิ้นปี 60 เป็นต้นปี 61 อาจกระทบปีนี้ แต่จะเข้าไปหนุนกำไรปี 61 แทน
+ TMT : เป็นหนึ่งในหุ้นปันผลสูงที่น่าสนใจ ทั้งนี้แม้ว่ากำไรสุทธิ 2Q60 จะอ่อนลงมาก YoY และ QoQ จากฐานสูงกว่าปกติ แต่คาดการณ์ระดับกำไร 97 ล้านบาท/ไตรมาสก็ถือว่าดีมาก และประเมินว่ากำไร 3Q-4Q60 จะดีขึ้นจากมาร์จิ้นที่เพิ่มหลังต้นทุนวัตถุดิบสูงหมดลงใน 2Q60 ไปแล้ว ประเมิน DPS ปีนี้ไว้ที่ 1.1 บาท/หุ้น (Payout ratio 80%) คิดเป็น Dividend yield 7.7% แนะนำซื้อ ให้ TP 15.30 บาท
- MALEE : ปรับลดราคาพื้นฐานเป็น 42.50 บาท (เดิม 46.50 บาท) ปี 60 ท้าทายสำหรับบริษัท การส่งออกน้ำมันมะพร้าวไป US ต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว ภาษีน้ำตาลยังไม่ได้ข้อสรุปแต่มีแนวโน้มว่าจะเป็นลบกับบริษัท การแข่งขันด้านราคาในธุรกิจน้ำผลไม้ในประเทศยังคงสูงมาก คาด EPS growth ปีนี้เหลือเพียง 9% คำแนะนำเป็นถือ
กลยุทธ์การลงทุน : เลือกซื้อและปรับพอร์ตเป็นระยะ สำหรับหุ้นกลยุทธ์พื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น TMT
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นลบ และค่าลบต่อในวันนีจะดูไม่ค่อยดี ซื้อใหม่เน้นอ่อนตัว ส่วนกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1570-1580 แนวรับ 1560-1550, 1530-1520 จุด สำหรับหุ้นเทคนิคดีน่าสนใจซื้อตามด้วยค่าบวก เป็น AOT, ECL, RS, MONO, IHL (ลบไม่เล่น)
นักกลยุทธ์&นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค& Reseach Team - [email protected]
Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมันและทองคำ
- ธนาคารกลางขนาดใหญ่พิจารณาลดการใช้นโยบายการเงินผ่อนคลาย
ธนาคารกลางหลายแห่งมีแนวโน้มที่จะเริ่มใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงิน ซึ่งรวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดยเฟดเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยมาตั้งแต่ปีก่อน และในปี 60 นี้คาดว่าจะปรับขึ้น 3 ครั้ง (ขึ้นแล้ว 2 ครั้งใน 1H60 คาดจะขึ้นอีกครั้งปลายปี) และปีหน้าปรับขึ้นต่อ 3-4 ครั้ง รวมทั้งจะทยอยลดงบดุลที่ปัจจุบันมี 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ สำหรับ ECB กำลังพิจารณาออกจากนโยบายดอกเบี้ยติดลบ และลดการเข้าซื้อพันธบัตรตามโครงการ QE ลง โดยคาดว่าจะเริ่มตั้งแต่ปลายปี 60 เป็นต้นไป
ความเห็น DBSV Retail Research : อัตราดอกเบี้ยที่กลับมาอยู่ในทิศทางขาขึ้น ไม่เป็นบวกกับตลาดหุ้นนัก เพราะจะมีเม็ดเงินส่วนหนึ่งไหลกลับเข้าไปลงทุนในตลาดเงิน อย่างไรก็ตาม ก็ขึ้นกับ EPS Growth ของตลาดหุ้นด้วย ถ้ากำไรตลาดยังขยายตัวได้สูง จ่ายปันผลได้ดี ตลาดหุ้นก็ยังน่าจูงใจ อย่างเช่น ตลาดหุ้นสหรัฐที่อยู่ในระดับแข็งแกร่งมากแม้เฟดขึ้นดอกเบี้ย ทั้งนี้เพราะมีความหวังว่าการปฎิรูปภาษีและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐจะทำให้กำไรตลาดเติบโตสูง โดยหากอัตราภาษีธุรกิจลดลงจาก 35% เป็น 25% กำไรจะเพิ่มทันที 15% แต่ถ้าลดเป็น 15% เลยก็จะบวก 30% แต่คาดว่าจะเป็นการทยอยลดทีละ Step
/- สหรัฐ : การจ้างงานภาคเอกชนเดือนมิ.ย.เพิ่มน้อยกว่าที่ตลาดคาด...จับตา Non-farm payrolls คืนนี้
# ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 158,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 185,000 ตำแหน่ง หลังจากพุ่งขึ้น 230,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค.
# จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 4,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 248,000 ราย สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่าจะลดลงสู่ระดับ 243,000 ราย
# จับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมิ.ย.ของสหรัฐในคืนนี้ (เวลาไทย) นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นราว 174,000 ตำแหน่ง หลังจากที่เพิ่มเพียง 138,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. และคาดว่า อัตราว่างงานเดือนมิ.ย.จะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.4% จากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 4.3%
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดร่วง 158.13 จุด
ดัชนี DJIA ร่วงลง 158.13 จุด หรือ -0.74% ดัชนี S&P500 ลดลง 22.79 จุด หรือ -0.94% ดัชนี Nasdaq ลดลง 61.39 จุด หรือ -1.00% ปัจจัยกดดัน คือ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเพิ่มน้อยกว่าคาด และมีแรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีกดดันด้วย
+ ตลาดน้ำมัน : ราคาน้ำมันดิบขยับขึ้นเล็กน้อย
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 39 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 45.52 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 32 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 48.11 ดอลลาร์/บาร์เรล โดย EIA เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลง 6.3 ล้านบาร์เรลในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 2.3 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 3.7 ล้านบาร์เรล และส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล แต่ก็ถูกชดเชยด้วยรายงานการผลิตน้ำมันดิบเพิ่มของสหรัฐอีก 88,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 9.338 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ภาวะตลาดทองคำ : ราคาบวกเล็กน้อย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 1.6 ดอลลาร์ หรือ 0.13% ปิดที่ระดับ 1,223.30 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ และหุ้นเด่น
+ เร่งผลักดันโครงการ EEC เข้า EEC Track เพื่อดำเนินการ PPP ภายใน 8-10 เดือน
บอร์ด EEC มีอนุมัติโครงการ EEC Project List จำนวน 4 โครงการเข้ากระบวนการ EEC Track ที่จะใช้เวลาดำเนินการ PPP ภายใน 8-10 เดือน มูลค่ารวม 6.9 แสนล้านบาท ได้แก่ 1. โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา 3.1 แสนล้านบาท, 2. โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน 2.15 แสนล้านบาท, 3. โครงการท่าเรือแหลมฉบังระยะ 3 มูลค่า 1.55 แสนล้านบาท และ 4. โครงการท่าเรือมาบตาพุดระยะที่ 3 วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท
- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคมิ.ย.ลดลงต่อเป็นเดือนที่ 2
ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคมิ.ย.เท่ากับ 74.9 ลดจาก 76.0 ในเดือน พ.ค. ทั้งนี้ดัชนีฯ ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน โดยมีปัจจัยลบจากสินค้าเกษตรยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ, ผู้บริโภคกังวลปัญหาค่าครองชีพและราคาสินค้าที่ยังอยู่ในระดับสูง, ความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก รวมถึงนโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีสหรัฐ ส่วนปัจจัยบวก ได้แก่ การส่งออกในเดือน พ.ค.60 ขยายตัวสูงสุดในรอบ 52 เดือน, ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศปรับตัวลดลง, เงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย
/+ คาดกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเลื่อนเข้าจดทะเบียนฯเป็นต้นปี 61 จากเดิมคาดปลายปีนี้
ตลาดหลักทรัพย์ฯ คาดว่ากองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (ไทยแลนด์ ฟิวเจอร์ฟันด์ หรือ TFF) อาจเลื่อนไปเข้าจดทะเบียนในช่วงต้นปี 61 จากแผนเดิมปลายปี 60 เนื่องจากอยู่ระหว่างการแก้ไขสัญญาการโอนรายได้ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ที่มีปัญหา ทำให้เกิดความล่าช้า
ทั้งนี้ครม.อนุมัติให้กระทรวงคมนาคานำโครงการทางพิเศษฉลองรัช (รามอินทรา-อาจณรงค์) และโครงการทางพิเศษบูรพาวิถี (บางนา-ชลบุรี) เข้าระดมทุนในกองทุนรวมไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ กำหนดสัดส่วนการโอนขายรายได้ในอนาคตที่ 45% ของรายได้รวม เป็นระยะเวลา 30 ปี
+ ลอยตัวราคา LPG…เริ่ม 1 ส.ค.นี้
กบง.มีมติเห็นชอบให้เปิดเสรีธุรกิจก๊าซ LPG มีผลตั้งแต่ 1 ส.ค.60 โดยให้ยกเลิกการกำหนดราคาโรงแยกก๊าซธรรมชาติและโรงกลั่นน้ำมัน และโรงงานอะโรเมติกส์ และให้ยกเลิกการกำหนดอัตราเงินส่งเข้า/ชดเชยจากกองทุน้ำมันเชื้อเพลิง และยกเลิกการประกาศราคาขายส่ง ณ คลังก๊าซเพื่อให้การแข่งขันเสรีเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ตาม ได้ตรึงราคา LPG ของเดือนก.ค.60 ไว้ที่ 20.49 บาท/กก.ก่อน
ความเห็น DBSV Retail Research : นับเป็นจังหวะดีที่ลอยตัวราคา LPG เพราะเป็นช่วงที่ราคาก๊าซอยู่ในช่วงขาลง ทางด้าน PTT ก็ไม่ต้องเข้าไปช่วยอุดหนุนราคา LPG ให้กับผู้มีรายได้น้อย
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]