- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 06 July 2017 17:15
- Hits: 1310
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมา SET แกว่งตัวในกรอบแคบ โดยมีแรงขายหนักในหุ้น KKP, TISCO, BANPU , MTLS ณ สิ้นวัน SET ปิดที่ระดับ 1,575 (+0.9 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.4 หมื่นล้านบาท
โดยนักลงทุนต่างประเทศ ขายหุ้นไทยที่ 32 ล้านบาท และ short สุทธิ SET50 Index Future สูงถึง 508 สัญญา
Investment theme
หลายนโยบายภาครัฐ กดดัน SET : นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมารัฐบาลได้ออกกฎเกณฑ์ต่างๆ และ/หรือ ประชาพิจารณ์ มากกว่า 10 มาตราการ ส่งผลกดดันหลายบริษัทฯในตลาดฯ เช่น ธปท.เตรียมปรับลดวงเงินสินเชื่อบัตรเครดิต (KTC), ที่ดินสปก.(EA, PTTEP), เตรียมเก็บภาษีน้ำตาล (ICHI,CBG), เตรียมเก็บภาษี E-commerce, เตรียมเก็บภาษีลาภลอย/ภาษีอสังหา (Property) ,เตรียมเพิ่ม VAT, เพิ่มภาษีน้ำมันอากาศยาน (Airline), กรมธนารักษ์ปรับเกณฑ์การจ่ายค่าเช่ารัฐวิสาหกิจ และอื่นๆ ซึ่งหมายถึงการหารายได้เข้ารัฐบาลที่เพิ่มขึ้น โดยเราเชือว่าในครึ่งปีหลัง รัฐก็จะมีมาตราการคล้ายๆที่กล่าวมา ทยอยออกเพิ่มอีก โดยในระยะยาว บางมาตราการเราเชื่อว่าจะส่งผลบวกต่อประชาชน แต่อย่างไรก็ตามในระยะสั้น เราเชื่อว่าหลายบริษัทฯ ทั้งในและนอกตลาดหลักทรัพย์จะได้รับผลกระทบ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยกดดันการลงทุน ที่เราแนะนำให้นักลงทุนคอยติดตามอย่างใกล้ชิด ประกอบกับล่าสุด Minute ระบุแผนการลดขนาด US balance sheet ค่อนข้างชัดเจน และประธาน FED หลายสาขาเริ่มเห็นด้วย ให้เริ่มดำเนินการในปลายปีนี้ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยกดดันการลงทุนในภูมิภาคเอเชีย
Investment theme: เราไม่แนะนำให้นักลงทุนเพิ่มพอร์ตการลงทุน ณ.เวลาปัจจุบัน เพียงแต่ switching จากหุ้นที่มีกำไร มายังหุ้นที่ยังมี Upside และมี Sentiment เชิงบวกรออยู่ในไตรมาส 3 เช่นกลุ่มท่องเที่ยว, กลุ่มธนาคาร
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา กนง.คงดอกเบี้ยตามคาดที่ 1.50% ปรับเป้า GDP ปีนี้ขึ้นจาก3.4% เป็น3.5% / Brent ปรับลง 3.6% ที่ 47.78 เหรียญ/บาร์เรล ภายหลังรัสเซียปฏิเสธการลดกำลังการผลิต ในขณะที่ OPEC ส่งออกน้ำมันมากว่าตลาดคาดที่ 25.92ล้านบาร์เรล (+4.5แสนบาร์เรลจากเดือนก่อน )
เรื่องเด่นวันนี้
บทวิเคราะห์ AH, CPF, LPN
Stock pick : LPN
LPN: ซื้อสะสม @ THB14.20 (Upgrade)
- เราปรับใช้ราคาเหมาะสมกลางปี 2561 ที่ 14.20 บาท/หุ้น บน PER ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 7 ปี ที่ 9.7 เท่า
- ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา LPN เปิด3โครงการใหม่ มูลค่า 3.1 พันล้านบาท ส่งผลให้ยอด Presale ของ 2Q60 ทำได้ 4.3 พันล้านบาท (+96%YoY,-15%QoQ) โดยยอด Presale 1H60 คิดเป็น 47% ของเป้าทั้งปีที่ 2.0หมื่นล้านบาท
- เราประเมินผลการดำเนินงานในช่วง 2Q60-3Q60 อาจจะยังไม่เด่น แต่จะเด่นในช่วง 4Q60 ต่อเนื่องถึงปี 2561 ทำให้เรามองว่า หากตลาดปรับตัวลง ให้เริ่มทยอยสะสม LPN อีกครั้ง
Trading idea - ลดน้ำหนักพอร์ตการลงทุนเหลือ 50% เพื่อรอดู การประกาศงบไตรมาส 2 / เทรดตามเทคนิค กราฟสวย MONO TIPCO ส่วน Tiger Signal สัญญาณเข้า DELTA, EGCO, IVL
Technical view
ถึงเวลาเลือกทาง ดัชนีแกว่งตัวในกรอบแคบลงกว่าวานนี้ เกิดเป็นแท่งเทียน Harami ที่กรอบ Uptrend พร้อมปริมาณการซื้อขายเบาบาง แสดงถึงการรอเลือกทางของดัชนี ซึ่งหากหลุดแนวรับ 1573-1575 จะทำให้ Downside การปรับตัวลงเปิดมากขึ้น มองแนวรับถัดไป 1563-1565 (ให้น้ำหนักนี้) อย่างไรก็ตาม สัญญาณเชิงลบจะหมดไป หากปิดยืนเหนือ 1583 กลยุทธ์การลงทุน (1) หลุด 1573 ลดพอร์ตการลงทุนระยะสั้น มองแนวรับที่ 1563-1565 (2) เล่น Rebound ระยะสั้นไปที่ 1583
แนวรับ : 1563-1565, 1573 แนวต้าน : 1580-1583
Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ : การรายงานตัวเลขสำคัญของสหรัฐ เช่น PMI , Non-farm payroll และค่าแรง / จับตาการประชุม G20 ในวันที่ 7-8 ก.ค.
ปัจจัยในประเทศ : เริ่ม Preview งบ 2Q60 // กมธ. ร่วม 3 ฝ่าย ชี้ ร่าง พรป.ไม่ขัด รธน. นัดประชุมรอบ 2 (7 ก.ค.) ก่อนเสนอ สนช. โหวต 13 ก.ค.
หุ้นเทคนิค:
PTTGC (B 69.25, Tp 71.50-73, Cut 68.50)
AOT (B 47.00, Tp 49.00, Cut 46.00)
ข่าวเด่นเช้านี้
ราคาน้ำมันดิบอ่อนตัวลงกว่า 4% เมื่อคืนที่ผ่านมา จากประเด็นกลุ่มโอเปกส่งออกน้ำมันเพิ่มขึ้น และรัสเซียปฏิเสธข้อเสนอปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติม (อินโฟเควสท์)
ความเห็น : เรามองการปรับลดลงแรงของราคาน้ำมัน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการขายทำกำไรหลังราคาปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง 8 วันทำการก่อนหน้า เราปรับลดสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยปี 2560 ลงจาก 55 เหรียญต่อบาร์เรล เป็น 50 เหรียญต่อบาร์เรล และปี 2561 เป็น 53 เหรียญต่อบาร์เรลไปแล้วในสัปดาห์ที่ผ่านมา สะท้อนมุมมองต่อตลาดน้ำมันที่เชื่อว่าแรงกดดันจะยังคงอยู่ในช่วง 3Q60 จากฤดูกาลที่การใช้น้ำมันจะต่ำสุดในรอบปี จากราคาน้ำมันที่ลดลงเราประเมินกว่ากลุ่มน้ำมันขั้นปลายมีความน่าสนใจเพิ่มขึ้น และเลือก IRPC เป็น ตัวแทนในกลุ่มน้ำมัน แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 5.70 บาท
TACC ฟันกำไร Q2 พุ่ง 32 ล้าน ยอดขาย Zenya ฟื้นตัวช่วยหนุน (ข่าวหุ้น)
TACC กำไรสุทธิไตรมาสพุ่ง 32 ล้านบาท โตขึ้น 18.5% จากช่วงปีก่อน ยอดขาย Zenya ในกัมพูชาฟื้นตัวช่วยหนุน ดันกำไรครึ่งปีแรกรวม 58 ล้านบาท
ความเห็น : สอดคล้องกับมุมมองของเราว่า ไตรมาส 1/60 จะเป็นจุดต่ำสุดของปี 2560 ตามฤดูกาลปกติ ขณะที่ภาพของการขยายสาขาของ 7-eleven และ การติดตั้งเครื่องชงกาแฟร้อน ยังดำเนินการไปตามแผน ดังนั้นทิศทางยังเป็น บวก คงคำแนะนำ "ซื้อ" 7.40 บาท/ หุ้น เรามองกรอบน่าสนใจสะสมคือ 6.00-6.50 บาท
'รฟม.' เร่งเครื่องรถไฟทางคู่ UNIQ-TRC-NWR ตัวเต็ง (ทันหุ้น)
รฟม.เร่งเครื่องประมูลโครงการรถไฟรางคู่ ล่าสุดเปิดขายซองประมูลงานอุโมงค์-และทางรถไฟยกระดับโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ และก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ มูลค่ารวม 19,546 ล้านบาท "ITD-CK-PLE-UNIQ-STEC-TRC-NWR" ไม่รอช้าโดดเข้าร่วมถ้วนหน้า
ความเห็น : โครงการรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง มีทั้งหมด 13 สัญญา มูลค่ารวมประมาณ 9 หมื่นล้านบาท จะเริ่มทยอยประมูลในเดือน ก.ค.-ก.ย. นี้ โดยแต่ละสัญญาจะมีมูลค่าค่อนข้างสูงขั้นต่ำประมาณ 6 พันล้านบาท ทำให้บริษัทรับเหมาขนาดใหญ่ คือ CK, ITD, STEC และ UNIQ มีความได้เปรียบ เราแนะนำ ซื้อ ใน CK (เป้าหมาย 34.00 บาท) แนะนำ TRADING BUY ใน STEC (เป้าหมาย 30.00 บาท) , UNIQ (เป้าหมาย 22.50 บาท) และ ITD (เป้าหมาย 6.00 บาท)
TPIPP จ่อประมูลโรงไฟฟ้า งบร้อนแรง-ลุ้นปันผลงาม (ทันหุ้น)
TPIPP เดินสายโรดโชว์ฮ่องกง กองทุนแห่เข้าฟังเพียบ หลังผลงานเข้าตา คิวต่อไปประเทศสิงคโปร์ ด้านผู้บริหาร ย้ำภาพเติบโตต่อเนื่อง จากกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น เตรียมเข้าประมูลโรงไฟฟ้า SPP ของภาครัฐ กำลังการผลิต 300 เมกะวัตต์ ปลายปีนี้ ด้าน FA บล.ทิสโก้ เล็งปรับราคาเป้าหมายใหม่หลังปิดงบไตรมาส 2/2560 แล้ว ขณะที่กิมเอ็ง ประเมินงบ Q2 นิวไฮ ลุ้นปันผล 0.08-0.10 บาท
ความเห็น : คาดกำไร 2Q60 จะทำสถิติสูงสุดต่อเนื่อง 709 ล้านบาท (+2%QoQ, +42%YoY) และ คาดจะจ่ายปันผลกำไร 2Q60 ประมาณ 0.08-0.1 บาท โรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะ 70MW มีกำหนดจะเข้าพิจารณาของบอร์ดสิ่งแวดล้อมครั้งที่สองใน 1-2 สัปดาห์นี้ ซึ่งมีแนวโน้มจะผ่านหลังการพิจารณาครั้งแรกมีสัญญาณในด้านบวก และจะทำให้ COD ได้ก่อนกำหนดในไตรมาสสี่ ราคาหุ้นปัจจุบันมีอัตราเงินปันผลตอบแทนที่ดี เราคงคำแนะนำ ซื้อ เป้าหมาย 8.50 บาท
BANPU มั่นใจผลงานแกร่งราคาถ่านหินตัวหนุนกำไร (ทันหุ้น)
BANPU ลุ้นหนัก ผลกระทบจากน้ำท่วม 11 มณฑลของประเทศจีนบวกกับเงินบาทแข็งค่า ด้าน "สมฤดี ชัยมงคล" มั่นใจผลการดำเนินงานปีนี้โตเกิน 20% จากปีก่อนหน้า เหตุราคาถ่านหินในตลาดโลกยังทรงตัวสูง แถมมีการซื้อขายถ่านหินล่วงหน้าไปแล้วกว่า 50% ฟากโบรกมองต่างอนาคตราคาถ่านหิน โดยรวมเชื่อมั่นยังเป็นตัวหลักดันกำไรปีนี้โตต่อเนื่อง
ความเห็น: ราคาถ่านหินดีดตัวขึ้นแรงล่าสุดอยู่ที่ 83 เหรียญต่อตัน เป็นผลจากความกังวลต่ออุปทานจากการหยุดเหมืองในประเทศอินโดนีเซียและแอฟริกาใต้ รวมถึงผลต่อเนื่องจากการ strike ของเหมืองในออสเตรเลียในเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา นอกจากนั้นความกังวลต่อปริมาณฝนที่ตกหนักในประเทศจีนทำให้เกิดอุทกภัย จึงต้องมีการลดการผลิตไฟฟ้าจากน้ำลง เพื่อบรรเทาผลกระทบดังกล่าว ทำให้มีการคาดการว่าจะมีการใช้ถ่านหินในประเทศจีนเพิ่มขึ้น การเก็งกำไรที่ระดับราคาถ่านหินอยู่ที่กรอบด้านบน ตามมุมมองของเราในช่วง 73-83 เหรียญต่อตัน จึงยังมีความเสี่ยงเนื่องจากประเด็นหนุนราคาดังกล่าวข้างต้นมองเป็นปัจจัยระยะสั้น
Go with the Flow : กระแสเงินทุนต่างชาติ / ธุรกรรม Short-Selling / NVDR
กระแสเงินทุนต่างชาติ - กระแสเงินไหลทุนไหลออกจากเอเชียต่อเนื่อง โดยในฝั่งไทยนั้น นักลงทุนต่างชาติขายตลาดหุ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 อีก 32 ล้านบาท และ short SET50 Index future ต่อกันอย่างต่อเนื่อง 508 สัญญา เช่นเดียวกับตลาดตราสารหนี้ ก็ขายอีก 1000 ล้านบาท แต่ภาพรวมถือว่ามีการเคลื่อนไหวไม่มากนัก
ธุรกรรม Short Selling - ปริมาณ short-sell ลดลง 36% เป็น 604 ล้านบาท โดย PTT ถูก short สูงสุด 106 ล้านบาท ที่ราคาเฉลี่ย 373.54 บาท/ หุ้น รองลงมาได้แก่ BANPU 84 ล้านบาท ที่ราคาเฉลี่ย 15.99 บาท/หุ้น ภายหลังการหลุดแนวรับสำคัญที่ 2 ที่ 16.50 บาท
การซื้อขาย NVDR - ปริมาณการซื้อขายยังคงเบาบาง แต่เป็นการขยับในหุ้นหลักของตลาด เด่นที่ธนาคาร โดย AOT มียอดซื้อสูงสุด 392 ล้านบาท ตามด้วย PTT KBANK (ยังคงซื้อต่อเนื่อง) TISCO SCB PTTEP ขณะที่ฝั่งขายพบว่า BEAUTY ถูกขายสูงสุด 77 ล้านบาท ขณะที่ SPALI ถูกพลิกเป็นขายครั้งแรกในรอบ 5 วันที่ 14 ล้านบาทเพียง 11 ล้านบาท
นักวิเคราะห์ : สุกิจ อุดมศิริกุล / สรพล วีระเมธีกุล / จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์
Research Department Tel. 02-658-6300