- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 05 July 2017 17:45
- Hits: 15445
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
'เลือกซื้อค่าบวก/หรืออ่อนมาที่ 1560+/-'
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ตลาดพักตัวโดยปิด -5.30 จุดที่ 1574.11 แรงขายมาจากกลุ่มแบงค์ สื่อสาร อิเลคทรอนิกส์ค้าปลีก ซึ่งสวนทางกับวันก่อนหน้าอย่างชัดเจน ต่างชาติและพอร์ตบล.ขายสุทธิ ขณะที่สถาบันในประเทศและรายย่อยซื้อสุทธิ
# ปัจจัยต่างประเทศ : การเมืองโลกกระเพื่อมหลังเกาหลีเหนือยิงทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปเมื่อวาน โดยทางสหรัฐ จีน ญี่ปุ่นต่างไม่พอใจการกระทำนี้ UNSC นัดประชุมหารือประเด็นนี้ในวันนี้ (5 ก.ค.) ส่วนตลาดหุ้นเอเชีย & ดาวโจนส์ฟิวเจอร์สเช้านี้บวก/ลบในกรอบแคบ ค่าเงิน US$ อ่อนเล็กน้อย เงินบาท 33.97 บาท/US$ พอๆกับระดับปิดเมื่อวานนี้
ปัจจัยจับตา คือ 1. ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรมิ.ย.สหรัฐ ซึ่งตลาดคาดจะ +1.74 แสนตำแหน่ง (ดีขึ้นจาก +1.38 ตำแหน่งเดือนก่อน) 2.การโหวตร่างกม.ประกันสุขภาพของวุฒิสภาสหรัฐ หากไม่ผ่าน/ล่าช้าก็จะทำให้การปฎิรูปภาษีช้าไปด้วย แต่เชื่อว่าทีมงานทรัมป์จะเร่งเจรจาและผลักดันเต็มที่ เพื่อรักษาความมั่นคงของเก้าอี้ปธน.ไว้ด้วย และ 3. ราคาน้ำมันดิบ ว่าจะขึ้นไปยืนเหนือ 50 US$/bbl ได้หรือไม่ ซึ่งขึ้นกับการผลิตของสหรัฐและกลุ่มโอเปก รวมทั้งกลุ่มโอเปกจะมีมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมหรือไม่ โดย 6 ประเทศโอเปกจะประชุมกัน 24 ก.ค.นี้
# ปัจจัยในประเทศ : คาดเงินบาทจะอยู่ที่ 34+/- บาท/US$ ทางการดูแลไม่ให้แกว่งเกินไป โดยในเดือนก.ค.จะมีเงินเพิ่มทุน CTBT ให้กับ LHBANK เข้ามา 488 ล้านUS$ (จะทยอยเข้าหลายวัน) ด้านกำไร 2Q60 ประเมินว่าอ่อนลง QoQ เพราะกลุ่มโภคภัณฑ์มีขาดทุนสต็อก กลุ่มแบงค์มีประเด็นกังวลเรื่อง NPL & ตั้งสำรองสูง กลุ่มพาณิชย์ SSSG อ่อนแอ กลุ่มส่งออกถูกกระทบจากบาทแข็ง กลุ่มสื่อสารแข่งขันสูงและตัดจำหน่ายค่าใบอนุญาต 4G กลุ่มสายการบินแข่งขันสูงมาก กลุ่มอสังหาฯก็มียอดขายและโอนที่โตไม่มาก
ก็จะมีกลุ่มท่องเที่ยว (หุ้นเด่น ERW, MINT) สนามบิน (หุ้นเด่น AOT) ที่ไปได้ดีแม้เป็นช่วง Low season และกลุ่มไฟแนนซ์ โดยเฉพาะสินเชื่อจำนำที่โตแกร่ง (หุ้นเด่น MTLS)
อย่างไรก็ดี แนวโน้ม 3Q60 จะดีขึ้นในกลุ่มส่งออกเพราะเป็น High season (หุ้นเด่น GFPT, HANA) กลุ่มโภคภัณฑ์ที่คาดว่าจะมีผลขาดทุนสต็อกน้อยลง (หุ้นเด่น PTTGC ซึ่งจะมีกำไรหลังการโอน 6 บริษัทปิโตรเคมีเข้ามาเพิ่มตั้งแต่ 3Q60 เป็นต้นไป)
กลยุทธ์การลงทุน : เลือกซื้อและปรับพอร์ตเป็นระยะ สำหรับหุ้นกลยุทธ์พื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น PTTGC
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดพลิกเป็นบวกเล็กๆ เน้นซื้อเมื่อ SET เหนือ 1580 ค่าลบควร Wait & See แนวต้าน 1585-1590 สำหรับการ SCAN หุ้นที่มีโอกาสทำ New High พบว่าที่เข้ามาใหม่เป็น PSH, ITEL, SVOA, IT, PM หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ INTUCH หุ้นที่หลุด List เป็น SPALI, EA, SVI, EPCO และหุ้นที่ให้หาจังหวะ Take Profit –ไม่มี-
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมันและทองคำ
- เกาหลีเหนือ : ยิงทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีป
เกาหลีเหนือได้ประกาศความสำเร็จในการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) เป็นครั้งแรก ภายหลังจากได้ยิงขีปนาวุธไปตกในน่านน้ำเขตเศรษฐกิจพิเศษของญี่ปุ่นในช่วงเช้าวานนี้ (4 ก.ค.) ทางด้านจีน ญี่ปุ่น และสหรัฐได้ออกมาแสดงความไม่พอใจต่อการกระทำดังกล่าวของเกาหลีเหนือ ขณะที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) เตรียมจัดประชุมในวันนี้ (5 ก.ค.) เพื่อหารือกันเกี่ยวกับการยิงขีปนาวุธครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือ
• ยูโรโซน : อัตราการว่างงานทรงตัว 9.3% ในเดือนพ.ค.
สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) รายงานว่า อัตราการว่างงานในยูโรโซนทรงตัวที่ระดับ 9.3% ในเดือนพ.ค. ซึ่งต่ำที่สุดในรอบ 8 ปี และลดลง 0.9% จากพ.ค.ปีก่อน ส่วนอัตราการว่างงานสหภาพยุโรปอยู่ที่ 7.8% ในเดือนพ.ค. ต่ำที่สุดในรอบ 9 ปี และลดลง 0.9% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
• สหรัฐ : ปัจจัยติดตามคือ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร และการโหวตร่างกม.ประกันสุขภาพ
วันศุกร์ที่ 7 ก.ค.นี้ จะมีรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย.ของสหรัฐ ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าจะ +1.74 แสนตำแหน่ง ดีขึ้นจาก +1.38 ตำแหน่งเดือนก่อนหน้า และจะมีการโหวตร่างกฎหมายประกันสุขภาพ หรือ American Healthcare ของวุฒิสภาสหรัฐ ซึ่งจะนำมาใช้แทนโอบามาแคร์ แต่หลายเสียงริพับลิกันในสภาสูงไม่เห็นด้วยการกฎหมายฉบับนี้ เพราะจะทำให้ประชาชนสหรัฐที่ไม่มีประกันสุขภาพเพิ่มขึ้นมาก ดังนั้นหากร่างกฎหมายนี้ไม่ผ่านหรือล่าช้าออกไป ก็จะทำให้การปฎิรูปภาษีช้าไปด้วย อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน เพราะดัชนีตลาดหุ้นปรับขึ้นไปรอก่อนแล้ว
•/+ ราคาน้ำมันดิบ : BRENT ขยับขึ้นเล็กน้อย
เมื่อคืนนี้ราคาน้ำมันดิบ BRENT +13 เซนต์ปิดที่ 49.74 ดอลลาร์/บาร์เรล ก็ต้องลุ้นกันว่าจะสามารถผ่านและกลับไปยืนเหนือ 50 ดอลลาร์/บาร์เรลได้อย่างมั่นคงอีกครั้งหรือไม่ ทั้งนี้ปัจจัยเรื่องอุปทานสูงยังคงกดดันราคาน้ำมันอยู่มาก แต่ถ้ากลุ่มโอเปกมีมาตรการกระตุ้นราคาน้ำมันเพิ่มเติมก็จะช่วยพยุงราคาได้ ซึ่ง 6 ประเทศกลุ่มโอเปกจะประชุมกัน 24 ก.ค.นี้
• ตลาดหุ้นและโภคภัณฑ์สหรัฐปิดทำการเนื่องในวันชาติ
ปัจจัยในประเทศ และหุ้นเด่น
+ PTTGC : รับโอนกิจการ 6 บริษัทปิโตรเคมีเข้ามาแล้ว เริ่มบันทึกกำไรได้ตั้งแต่ 3Q60 เป็นต้นไป
# ผู้บริหาร PTTGC แจ้งว่าบริษัทได้รับโอนกิจการ 6 บริษัทปิโตรเคมีที่มีมูลค่าประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาทเข้ามาแล้ว ซึ่งคาดว่า PTTGC จะได้รับส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทเหล่านี้เพิ่มขึ้นประมาณ 2 พันล้านบาทต่อปี หรือ 500 ล้านบาทต่อไตรมาส โดยจะเริ่มรับรู้ตั้งแต่ 3Q60 เป็นต้นไป ซึ่งคิดเป็น 6-7% ของกำไรสุทธิของบริษัทในปี 61
# คาดการณ์ Core Profit (ไม่รวมกำไร/ขาดทุนจากสต็อก) ใน 2Q60 จะเติบโตแข็งแกร่ง YoY เพราะฐานกำไรปกติใน 2Q59 ต่ำเนื่องจากมีการปิดซ่อมบำรุงทั้งในและนอกแผนทำให้ปริมาณขายน้อยกว่าปกติ แต่ใน 2Q60 ผลิตและขายได้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม กำไรบรรทัดสุดท้ายจะถูกกระทบจากขาดทุนในสต็อก แต่ราคาหุ้นก็ได้สะท้อนเรื่องนี้ไปพอควรแล้ว ทาง DBSV ยังคงคำแนะนำซื้อ PTTGC โดยให้ราคาพื้นฐาน 79 บาท ปัจจัยที่เป็น Catalyst คือ 1. ส่วนแบ่งกำไรจาก 6 บริษัทปิโตรเคมีที่จะเข้ามาตั้งแต่ 3Q60 เป็นต้นไป และ 2. ราคาน้ำมันดิบขยับขึ้น (BRENT เพิ่มจาก 44+ เป็น 49+ US$/bbl ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา)
+ MTLS : คาดกำไร 2Q60 โตแข็งแกร่ง YoY
# ประมาณการว่ากำไรสุทธิ 2Q60 ของ MTLS จะโตกว่า 80%YoY ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดใหม่ ซึ่งเป็นผลจากการขยายสาขา (ใน 1Q60 เปิดสาขา 206 แห่งเป็น 1,870 แห่งโดยมีเป้าหมาย 2,200 แห่งในสิ้นปี 60) รายได้ค่าธรรมเนียมก็ขยายตัวดีตามการเติบโตของสินเชื่อด้วย ส่วน Spread อยู่ประมาณ 20% ใกล้เคียงกับ 1Q60
# คุณภาพสินทรัพย์แข็งแกร่ง โดยสิ้นมี.ค.60 มี NPL ratio 1.1% และมี Coverage ratio 265% ซึ่งสูงมาก ทั้งนี้บริษัทหันมาเน้นปล่อยสินเชื่อจำนำมากขึ้น เพราะเป็นสินเชื่อที่มีหลักประกันและปล่อยใน LTV ที่ไม่สูง ทำให้ความเสี่ยงของการทำธุรกิจไม่มาก บริษัทยังคงตั้งเป้าหมายเติบโต 40% ต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า
# สำหรับเกณฑ์การควบคุมสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลที่จะออกมาบังคับใช้ภายในก.ค.60 นี้ ส่งผลกระทบบริษัทจำกัด และเป็นบวกกับการขยายตัวของสินเชื่อจำนำที่มีโอกาสจะเติบโตได้ดีกว่าที่เคยประเมินไว้
# แนะนำซื้อ MTLS ให้ราคาพื้นฐาน 42 บาท โดยคาดการณ์ว่ากำไรสุทธิปีนี้จะเติบโต 60% และขยายตัวต่อ 37%ในปี 61
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]