- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 04 July 2017 17:44
- Hits: 2769
บล.ทรีนีตี้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Today Selection >> ANAN, IRPC, MINT
Stock S R Comment
ANAN 5.10 5.30 5 โครงการใหม่หนุน Presales 2Q60 แกร่ง
IRPC 5.30 5.50 ปิโตรเคมีโต ภาคการผลิตจีนขยายตัว
MINT 40.50 41.75 ธุรกิจโรงแรมแข็งแกร่ง RevPar เติบโตต่อเนื่อง
Stick with Deflationary bunker and Energy
Inflation : กระทรวงพาณิชย์รายงานตัวเลขเงินเฟ้อของไทยประจำเดือนมิถุนายน ปรากฏว่าเงินเฟ้อทั่วไป (Headline CPI) หดตัวที่ระดับ 0.05% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดและลดลงจากเดือนก่อนที่ -0.04% ในขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานขยายตัวที่ระดับ 0.45% ใกล้เคียงคาดและต่ำกว่าเดือนก่อนเล็กน้อยที่ 0.46% ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ตัดสินใจปรับลดประมาณการเงินเฟ้อทั่วไปปี 2560 ลงมาอยู่ที่ 0.7-1.7% จากเดิมคาด 1.5-2.2%
มุมมองของเรา : มองตัวเลขดังกล่าวเป็นการยืนยันว่าประเทศไทยอยู่ในช่วงความเสี่ยงเงินเฟ้อต่ำอย่างแท้จริง (Disinflation) ซึ่งเป็นสิ่งที่เรากังวลใจมาตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อต่ำนี้ จะยิ่งทำให้ประชาชนชะลอการใช้จ่ายของตนเองในปัจจุบัน รวมไปถึงภาคธุรกิจที่อาจจะชะลอแผนการลงทุนในอนาคตด้วยเช่นกัน บ่งชี้ว่าภาคอุปสงค์ในประเทศของไทยอาจยังคงอยู่ในภาวะอ่อนแอไปอีกสักระยะ
Bunker : ในสภาวะเงินเฟ้อต่ำเช่นนี้ ยังคงมองว่ากลุ่มหุ้นที่มีรายได้สม่ำเสมอ และไม่พึ่งพิงภาวะเศรษฐกิจมากนัก อาทิเช่น กลุ่ม Utility ยังคงเป็นหลุมหลบภัยที่น่าสนใจต่อไป ยังคงเลือก Sector นี้เป็น Top pick ของการลงทุนในช่วงนี้เช่นเดิม นอกจากนั้น มองกลุ่มสินค้าและบริการจำเป็นอาทิเช่นกลุ่ม Consumer Staples และ Healthcare ยังเป็นกลุ่มที่น่าจะปรับตัวแข็งแกร่งกว่าตลาด ในสภาวะที่การจับจ่ายใช้สอยยังคงตึงตัวอยู่เช่นนี้
กลยุทธ์การลงทุน : คาดการณ์ SET Index ในเดือนกรกฎาคมปรับตัว Sideways ต่อไปในกรอบ 1540 - 1600 จุด เนื่องจากยังไม่เห็นปัจจัยที่มีแนวโน้มผลักดันดัชนีไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งอย่างชัดเจน โดย Upside ยังคงจำกัดจาก Valuation ส่วน Downside ยังคงจำกัดจากทิศทาง Fund flow ที่ยังไม่เห็นสัญญาณไหลออก แนะนำกลยุทธ์ขึ้นขาย-ลงซื้อตามกรอบแนวต้านแนวรับดังกล่าว
สำหรับกลุ่มหุ้นที่ยังคงแนะนำถือต่อไปได้แก่
1) กลุ่มสาธารณูปโภค เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความผันผวนต่ำและสามารถจ่ายเงินปันผลได้ในระดับสูง เลือก BCPG และ WHAUP เป็น Top pick ของกลุ่ม จากแนวโน้มการเติบโตที่น่าสนใจ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่คาดหวัง Capital gain ด้วยส่วนหนึ่ง ส่วนหุ้นที่มี Dividend Yield ในระดับสูงและคาดว่าจะมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลคือ GLOW, EGCO, RATCH เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ไม่เน้น Capital gain แต่อยากรับเงินปันผลในระดับสูง
2) กลุ่มสินค้าและบริการที่จำเป็น ได้แก่ กลุ่ม Consumer staples (CPALL, BJC) และกลุ่ม Healthcare (BCH, CHG)
3) กลุ่มพลังงาน ที่ราคายังคง Laggard ล่าสุดราคาน้ำมันดิบปรับตัว Rebound ขึ้นมาตามที่เราคาดไว้แล้ว ประกอบกับค่าการกลั่นที่ยังคงอยู่ในระดับสูง จึงน่าจะเป็นผลบวกต่อทั้งกลุ่ม Upstream (PTT, PTTEP) และกลุ่มโรงกลั่น (BCP, SPRC, TOP) มองว่าตลาดรับรู้ประเด็น Stock loss ของกลุ่มในไตรมาส 2/60 ไปพอสมควรแล้ว
แนวรับ 1,572 แนวต้าน 1,586
บทวิเคราะห์วันนี้
BBL (ถือ ราคาเป้าหมาย 186 บาท) คาดกำไร 2Q60 อ่อนตัว ปัจจัยหนุนยังไม่เด่นชัด
BEM (ถือ ราคาเป้าหมาย 7.55 บาท) ความคืบหน้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายหนุนธุรกิจ พร้อมเชื่อมเตาปูน-บางซื่อสิงหานี้
Stock Comment: DTAC (ถือ ราคาเป้าหมาย 50 บาท) ศาลปกครองให้'ดีแทค'แพ้ คดี'บัตรเติมเงิน'หมดอายุ
นักวิเคราะห์ : ณัฐชาต เมฆมาสิน, CFA, FRM (ID: 31379)
E-mail: [email protected]