- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 30 June 2017 17:23
- Hits: 7328
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
'ถ้าลบหลุด 1575 จะดูไม่ค่อยดี'
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET Index วานนี้ผันผวน สูงสุด +7.86 จุด แล้วร่วงเร็วช่วงท้ายตลาดไปที่ -5.69 จุดด้วยแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงาน ซึ่งคาดว่ากำไร 2Q60 จะไม่ดีเพราะมีขาดทุนสต็อกหลังราคาน้ำมันลดลง 10%QoQ ปิดตลาดดัชนี -4.51 จุดที่ 1578.12 แรงขายนำโดยพอร์ตบล.ที่ขายสุทธิ 3.6 พันลบ. ขณะที่สถาบันในประเทศและต่างชาติซื้อสุทธิ 1.6 และ 3.0 พันลบ. ตามลำดับ
# ปัจจัยต่างประเทศ : จีดีพีงวด 1Q60 สหรัฐปรับขึ้นเป็น +1.4%, Bond yield สหรัฐและยุโรปพุ่งแรงจาก FED ทยอยขึ้นดอกเบี้ย และ BOE & ECB ส่งสัญญาณจะออกจากนโยบายการเงินผ่อนคลาย ธนาคารใหญ่ 34 แห่งสหรัฐผ่าน Stress test ทั้งหมดซึ่งหนุนหุ้นการเงิน แต่หุ้นเทคโนโลยีลงแรงทำให้ดัชนี DJIA ร่วงไป 167 จุด ด้านราคาน้ำมัน ถ้าโอเปกไม่มีมาตรการกระตุ้นเพิ่มราคา 3Q60 น่าจะยังอ่อนแอต่อ
# ปัจจัยในประเทศ : กังวลว่าหลังจบ Window dressing สัปดาห์นี้แล้วตลาดอาจพักฐาน เราให้น้ำหนักในทางไม่ลงแรง แต่จะ Sidewaysนาน (คล้ายกับใน 1H60) สิ่งที่จะช่วยประคองตลาด คือ การเก็งผลกำไร 2Q60 (หุ้นที่ราคาลงแรงตอนทำ Preview จะกลับตัวขึ้นได้ถ้า 2H60 จะดีขึ้น), การส่งออกโตดีต่อเนื่อง, ท่องเที่ยวบวก YoY ได้ในช่วง Low season, โครงการลงทุนรัฐคืบหน้ามากขึ้น ฯลฯ ส่วนความเสี่ยงหลัก คือ ราคาน้ำมันร่วงแรง (หลุด 40 เหรียญ) และ NPL เพิ่มเกินคาด ส่วนเงินบาท คาดว่าทางการจะดูแลไม่ให้ผันผวนเกินไป
+ AOT : เราปรับเพิ่มราคาพื้นฐานเป็น 55 บาท ทั้งนี้ปรับสมมติฐานค่าเช่ากับกรมธนารักษ์ตามข้อสรุปคือค่าเช่าที่สุวรรณภูมิจะเพิ่ม 500 ลบ./ปี (คาดไว้ที่ 800 ลบ./ปี) และน่าจะผลักไปยังผู้ใช้สนามบินได้ การขยายสุวรรณภูมิเป็นไปตามแผนและหนุนการเติบโตในระยะยาว
+ SCC : ราคาหุ้นอ่อนตัวเพราะมีหุ้น IPO ขนาดใหญ่ในธุรกิจซีเมนต์ คือ LCT เข้าตลาดหุ้นมาเลเซีย (เริ่มเทรด 11 ก.ค.นี้) ทำให้นลท.สถาบันตปท.มีการ Switch ตัว แต่ปัจจัยพื้นฐานบริษัทไม่เปลี่ยนแปลง ดังนั้นเราจึงยังคงคำแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐานให้ไว้ที่ 580 บาท
- MALEE : กำไร 2Q60 คาดว่าจะลด YoY และ QoQ การส่งออกน้ำมะพร้าวไปสหรัฐชะลอลงหลังเข้ากระบวนการตรวจสอบว่าเป็นน้ำมะพร้าว 100% ขณะที่ธุรกิจน้ำผลไม้ในประเทศแข่งขันสูง รวมถึงมี Overhang เรื่องการเก็บภาษีน้ำตาลที่ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป เราอาจต้องปรับลดประมาณการกำไรและราคาพื้นฐานลง (ปัจจุบันให้ไว้ที่ 46.50 บาท) หลัง Analyst meeting 6 ก.ค.60
กลยุทธ์การลงทุน : Selective Buy & Re-balancing เป็นระยะ หุ้นกลยุทธ์พื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น SCC
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นลบเล็กๆ เน้นซื้อเมื่อ SET เหนือ 1580 ต่ำกว่าควร Wait & See แนวต้าน 1590-1600 สำหรับการ SCAN หุ้นที่มีโอกาสทำ New High พบว่าที่เข้ามาใหม่เป็น TTCL, CHG, STAR หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ SRICHA, M, WIIK, RCL, BEM หุ้นที่หลุด List เป็น PSL, AU, STEC, JMART, BCP และหุ้นที่ให้หาจังหวะ Take Profit คือ ECL, STAR
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมันและทองคำ
• สหภาพยุโรป : BOE และ ECB ส่งสัญญาณเปลี่ยนจากนโยบายการเงินผ่อนคลายเป็นเริ่มเข้มงวด
นายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) กล่าวว่ามีแนวโน้มที่ BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเนื่องจากเศรษฐกิจกำลังขยายตัวใกล้เต็มศักยภาพ โดย BoE จะหารือการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า ด้านนายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB กล่าวว่า ECB ควรปรับออกจากนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบและนโยบายซื้อพันธบัตรจำนวนมาก ขณะที่เศรษฐกิจยุโรปมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น
+ สหรัฐ : ปรับจีดีพีงวด 1Q60 เพิ่มเป็น 1.4%
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐปรับตัวเลขจีดีพีงวดไตรมาส 1/60 ครั้งสุดท้ายเป็น +1.4% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ +1.2% และดีกว่าประมาณการครั้งที่ 1 ที่ +0.7% ครั้งที่ 2 ที่ +1.2%...หนุนโดยการใช้จ่ายของผู้บริโภค และการส่งออกที่พุ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังคงต่ำกว่าไตรมาส 4/59 ที่ +2.1% และไตรมาส 3/59 ที่ +3.5%
+ สหรัฐ : 34 ธนาคารใหญ่สอบผ่าน Stress test
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้อนุมัติให้ธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐทั้ง 34 แห่ง สามารถเดินหน้าแผนเพิ่มการจ่ายเงินปันผลและซื้อหุ้นคืนได้ หลังจากที่ธนาคารเหล่านี้ได้ผ่านการทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test) ประจำปีรอบที่ 2 ของเฟด ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก : หุ้นเทคโนโลยีดิ่งหนักฉุดดัชนี DJIA ร่วง 167.58 จุด
ดัชนี DJIA ปิดที่ 21,287.03 จุด ร่วงลง 167.58 จุด หรือ -0.78% ดัชนี S&P500 ลดลง 20.99 จุด หรือ -0.86% ดัชนี Nasdaq ลดลง 90.06 จุด หรือ -1.44% นำโดยกลุ่มเทคโนโลยีที่ราคาหุ้นปรับขึ้นมามาก (+15%YTD)
+ สัญญาน้ำมันดิบ : ขยับขึ้นต่อเล็กน้อย
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 19 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 44.93 ดอลลาร์/บาร์เรล และ BRENT เพิ่มขึ้น 11 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 47.42 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากอุปทานสูง ทางด้านโกลด์แมน แซคส์คาดว่าราคาน้ำมัน WTI จะมีค่าเฉลี่ย 47.50 ดอลลาร์/บาร์เรลในไตรมาส 3/60 ลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 55.00 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาทองคำ COMEX : ลดลง 0.26%
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 3.3 ดอลลาร์ หรือ 0.26% ปิดที่ระดับ 1,245.80 ดอลลาร์/ออนซ์ ทั้งนี้แม้ว่าค่าเงิน US$ จะอ่อนตัวต่อ แต่ Bond yield สหรัฐและยุโรปที่เพิ่มขึ้นแรงเข้ามากดดันราคาทอง
ปัจจัยในประเทศ และหุ้นเด่น
+ เศรษฐกิจไทย : สศค.จะปรับคาดการณ์จีดีพีเดือนก.ค.นี้หลังส่งออกดีกว่าคาด
ผู้อำนวยการสศค.กล่าวว่าในเดือนก.ค.60 ทางกระทรวงการคลังจะปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราการเติบโตเศรษฐกิจไทยปี 60 อีกรอบ (จากปัจจุบันที่คาดว่าจะ +3.6%YoY) เนื่องจากมีบางปัจจัยที่กว่าคาด เช่น การส่งออกที่ +12.7%YoY ในเดือนพ.ค.ส่งผลให้ส่งออก 5M60 โตกว่า 7%YoY อย่างไรก็ดี ต้องติดตามการเบิกจ่ายงบลงทุนว่าจะทำได้มากแค่ไหนประกอบด้วย
• กลุ่มสถาบันการเงิน : ธปท.คาดเดือนก.ค.สรุปการคุมก่อหนี้ภาคครัวเรือน
แหล่งข่าวจากสถาบันการเงินเปิดเผยกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่าธปท.เตรียมออกประกาศถึงธนาคารพาณิชย์และบริษัทที่ดำเนินธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล (personal loan) ภายใต้กำกับของธปท. โดยจะกำหนดเกณฑ์การอนุมัติสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันทุกประเภท อาทิ บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล บัตรกดเงินสด สินเชื่อผ่อนชำระ 0% ต่างๆ สำหรับกลุ่มผู้มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท/เดือน โดยจำกัดการอนุมัติสินเชื่อเหลือเพียง 1.5 เท่าของรายได้ต่อสถาบันการเงินจากเดิมที่มีการกำหนดเกณฑ์การให้สินเชื่อไม่เกิน 5 เท่าของรายได้ทางด้านธปท.ระบุว่าขณะนี้ยังไม่สรุปรายละเอียดว่าจะจำกัดวงเงินกู้เท่าใด และครอบคลุมกลุ่มไหน โดยกำลังทำ Hearing กับผู้ที่เกี่ยวข้อง คาดว่าจะแล้วเสร็จและประกาศใช้ได้ภายในก.ค.60 นี้
+ SCC : ปัจจัยพื้นฐานยังคงแข็งแกร่ง การอ่อนตัวเป็นจังหวะซื้อเก็งกำไร/สะสมเพื่อลงทุน
# การที่ราคาหุ้น SCC ปรับลดลงในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คาดว่าจะเป็นเพราะมีหุ้น IPO ในธุรกิจเดียวกันขนาดใหญ่ในตลาดหุ้นมาเลเซีย คือ Lotte Chemical Titan Holdings (LCT) ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานของ SCC ยังไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ LCT เพิ่มทุนใหม่ 740.5 ล้านหุ้น มูลค่า 1.38 พันล้านดอลลาร์ เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาด Bursa Securities มาเลเซีย ในวันที่ 11 ก.ค.60 ซึ่งดีลนี้เป็น IPO ที่ใหญ่ที่สุดในปีนี้ของตลาดหุ้นมาเลเซีย
# นักลงทุนสถาบันในต่างประเทศ มีการขายหุ้น SCC บางส่วนเพื่อไปซื้อหุ้น LCT (IPO) ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความสดของหุ้นใหม่ และอีกส่วนหนึ่งเป็นผลจากการที่ EV/EBITDA ของ LCT ต่ำกว่าของ SCC โดยของ LCT อยู่ที่ประมาณ 6 เท่า ขณะที่ของ SCC เท่ากับ 8 เท่า อย่างไรก็ดี คาดว่าหลัง LCT เข้าตลาดในวันที่ 11 ก.ค.60 และราคาหุ้นปรับขึ้นไปแล้ว ก็น่าจะหมด Overhang จากเรื่องนี้ และราคาหุ้น SCC ก็มีโอกาสพลิกฟื้นขึ้นและสะท้อนปัจจัยพื้นฐานที่ดีของบริษัทได้
# ในเชิงกลยุทธ์ ยังคงคำแนะนำซื้อ SCC โดยฝ่ายวิจัยฯ DBSV ให้ราคาพื้นฐานเท่ากับ 580 บาท มี Upside จากราคาปัจจุบันประมาณ 15%
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]