WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

AIRAบล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

ทิศทางตลาด
  ยังมีความผันผวน? คาดมีโอกาสปรับขึ้นตามตลาดต่างประเทศส่วนใหญ่ แต่อาจเป็นไปอย่างจำกัด หลังธนาคารกลางหลายประเทศ เช่น FED, BOE และ ECB เป็นต้น ส่งสัญญาณใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นทั้งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมถึงทยอยลดวงเงิน QE ซึ่งคาดเป็นปัจจัยกดดันภาพรวมตลาด


  นอกจากนี้คาดยังคงมีความกังวล โดยเฉพาะความไม่แน่นอนการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมการปฏิรูปภาษีของ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งตลาดคาดหมายในเชิงบวกก่อนหน้านี้


  อย่างไรก็ตาม คาดอาจมีแรงเก็งกำไรกลับเข้ามาในกลุ่มพลังงาน จากราคาน้ำมัน ที่ยังปรับขึ้นต่อเนื่อง หลังก่อนหน้านี้ลดลงไปอยู่ที่ ประมาณ 42.50USD โดยล่าสุด อยู่ที่ 44.74USD  แต่คาดภาพรวมยังคงมีความกังวลต่อภาวะอุปทานที่เพิ่มขึ้นในตลาดโลก 


  ส่วนทางด้านปัจจัยในประเทศ คาด Sentiment ในระยะสั้น จากการกลับเข้ามาซื้อสุทธิของต่างชาติ อีกเกือบ 1,000 ล้านบาท แต่แนะระวังแรงขายทำกำไร หลังอยู่ในช่วงท้ายๆ ของการทำ Window Dressing (30/6/60) อย่างไรก็ตามคาดเริ่มมีแรงเก็งกำไรผลประกอบการ 2Q60 โดยเริ่มจากกลุ่มธนาคาร ประมาณกลางเดือนก.ค. ขณะที่คาดกลุ่มหุ้นที่
  ผลประกอบการ 2Q/60 ดีต่อเนื่อง เช่น TOP, SPALI , MTLS และ WORK เป็นต้น พร้อมแนะติดตามการประชุม กนง. (5/7/60) 


และยังแนะจับตา
  (1) กลุ่มอาหาร ได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น BR และ CBG เป็นต้น  
  (2) กลุ่มธนาคาร ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยปี ’60 เช่น KBANK และ SCB เป็นต้น
  (3) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น
  (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น และความต้องการในประเทศที่คาดดีขึ้น เช่น SCC 
  (5) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง คาดได้รับประโยชน์จากงานภาคเอกชนที่เข้ามาต่อเนื่อง เช่น CK, STEC และ UNIQ เป็นต้น
  (6) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น 

SET SET50 SET100
1,582.63    -3.82 997.33     -2.27 2,252.21     -5.79

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด 
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
  (+/-) ตลาดต่างประเทศ DJIA +143.95, NASDAQ +87.79, S&P +21.31, FTSE -46.56, CAC -5.67 และ DAX -23.75
ภายใต้ปัจจัยหนุนจากหุ้นกลุ่มการเงิน ที่ได้รับปัจจัยบวกจากผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และกระแสคาดการณ์ว่าเฟด จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปีนี้
  รวมถึงการเข้าซื้อเก็งกำไร ก่อนที่เฟดจะเปิดเผยรายงานการทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test) ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 34 แห่งของสหรัฐฯ ทั้งความสามารถจ่ายเงินปันผล dkiซื้อคืนหุ้น และทำธุรกรรมที่สำคัญในด้านอื่นๆ ได้หรือไม่ หลังสัปดาห์ที่ผ่านมา ธนาคารเหล่านี้ได้ผ่านการทดสอบในเรื่องของการมีระดับเงินทุนที่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะรองรับภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรง
  นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และบริษัทที่เปิดเผยผลประกอบการแข็งแกร่ง รวมถึงหุ้นเจเนอรัล มิลส์ ผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ของสหรัฐฯ
  อย่างไรก็ตามได้รับปัจจัยลบเข้ามาบ้าง จากดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ของสหรัฐฯ – พ.ค. ลดลง 0.8%MoM โดยปรับลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน หลังได้รับผลกระทบจากราคาบ้านที่เพิ่มขึ้น และสต็อกบ้านในระดับต่ำ
  ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยลบ หลังธนาคารกลางอังกฤษ – BOE ส่งสัญญาณการยกเลิกมาตรการกระตุ้นทางการเงิน รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับการส่งสัญญาณที่ไม่ชัดเจนของประธานธนาคารกลางยุโรป – ECB ในประเด็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน

P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
16.41 1.90 3.08
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 38,885.35
สถาบัน  +251.81
บัญชีหลักทรัพย์  -123.64
ต่างประเทศ  +973.12
ในประเทศ  -1,101.30

  (7) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วง 1Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น WORK  
  (8) กลุ่มขนส่ง ยังได้รับผลดีจากการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มฟื้นตัวในช่วง 2Q/60 เช่น AOT

ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.02 อยู่ที่ 2.22%
(ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) 
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -1.03 อยู่ที่ 10.03

  หุ้นแนะนำ : PSL

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!